เรื่องความรัก. ราชินีแห่งจอร์เจียทามารา

ปลายศตวรรษที่ 12 ประวัติศาสตร์โลกทำเครื่องหมายโดยความขัดแย้งทางแพ่งของเจ้าชายรัสเซีย สงครามครูเสดสู่กรุงเยรูซาเล็ม และเพียงเพื่อ จอร์เจียเวลาอันประเสริฐกำลังมาถึง ที่เรียกว่ายุคทอง มันเป็นช่วงที่อำนาจคือ ราชินีทามารา. ผู้ปกครองในตำนานผู้นี้ไม่เพียงแต่สามารถอยู่บนบัลลังก์เท่านั้น แต่ยังขยายพรมแดนของรัฐอีกด้วย

สมเด็จพระราชินีทามารา (หรือทามาร์) เสด็จขึ้นครองบัลลังก์ตามคำเรียกร้องของจอร์จที่ 3 บิดาของเธอในปี ค.ศ. 1178 เมื่อพระนางอายุเพียง 14 ปี สภาแห่งรัฐกลัวที่จะคัดค้านเจตจำนงของผู้ปกครองโดยประกาศว่า "ปีศาจสิงโตก็เหมือนกันไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิง" ไม่กี่ปีต่อมา George III เสียชีวิตและที่นี่ชนชั้นสูงของชนชั้นสูงตัดสินใจชดใช้เด็กสาว Tamara ต้องยอมจำนนต่อข้าราชบริพารเพื่อที่จะอยู่บนบัลลังก์

จนกระทั่งอายุได้ 20 ปี ราชินีทามาราปกครองจอร์เจียเพียงลำพัง เธอพิสูจน์ตัวเองว่าเป็นผู้ปกครองที่ฉลาด: เธอไม่ได้ลงโทษใครอย่างไร้ประโยชน์ แต่ถ้าจำเป็น กีดกันความผิดในที่ดิน สิทธิพิเศษ ตำแหน่ง อย่างไรก็ตาม สภาศาลตัดสินให้ราชินีต้องแต่งงาน เพราะกองทัพควรถูกควบคุมโดยผู้แข็งแกร่ง มือผู้ชาย. ทางเลือกตกเป็นของ Yuri the Russian ลูกชายของ Andrei Bogolyubsky ราชินีไม่พอใจการเลือกของชนชั้นปกครองและกล่าวว่า: “เราไม่รู้เกี่ยวกับพฤติกรรมของมนุษย์ต่างดาวนี้ หรือการกระทำของเขา หรือเกี่ยวกับความสามารถทางทหารของเขา หรือเกี่ยวกับสิทธิ ให้ข้าพเจ้าคอยดูจนเห็นข้อดีหรือข้อเสียของเขา” แต่เธอต้องแต่งงาน

ผู้หญิงคนนั้นพูดถูก สามีของเธอเป็นที่รู้จักในนามคนขี้เมาและเป็นคนชั่วนอกใจ หลังจากแต่งงานกันสองปี Tamara สั่งให้เททองคำให้ยูริและพาเขาออกจากประเทศ สามีไม่เห็นด้วยกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รวบรวมกองทัพและต่อสู้กับทามารา ราชินีซึ่งยืนอยู่ที่หัวกองทัพของเธอ เอาชนะยูริได้อย่างสมบูรณ์ ไม่มีใครสงสัยในความสามารถของ Tamara อีกต่อไปในฐานะผู้บัญชาการ

ขณะอยู่ในอำนาจ พระราชินีทรงมีส่วนในการพัฒนาศาสนาคริสต์ นักปรัชญา กวี และศิลปินอุปถัมภ์ในทุกวิถีทาง และลดภาษีสำหรับประชาชนทั่วไป

ประวัติศาสตร์รู้ดีว่าสุลต่านนุคาร์ดินส่งจดหมายถึงทามาราซึ่งเขาเรียกร้องให้เธอเปลี่ยนมานับถือศาสนาอิสลามเพื่อที่จะแต่งงานกับเธอ มิฉะนั้น เขาขู่ว่าจะให้เธอเป็นสนมของเขา เมื่อเธอปฏิเสธ สุลต่านไปกับกองทัพไปจอร์เจีย แต่พ่ายแพ้อย่างน่าอับอาย

นอกเหนือจาก ข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์ชื่อของราชินีทามาราถูกปกคลุมไปด้วยตำนานมากมาย ดังนั้นฉบับที่ได้รับความนิยมอย่างมากจึงเป็นเรื่องเกี่ยวกับความรักที่น่าเศร้าของ Tamara และกวี Shota Rustaveli ผู้เขียน "The Knight in the Panther's Skin" ทำให้เป็นแบบอย่าง ตัวละครหลักราชินีที่ฉลาด Tamara ยังทำให้กวีเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แต่ไม่มาก ...

ที่ คราวหน้าเมื่อพระราชินีทรงอภิเษกสมรส พระนางก็ทรงเลือกพระสวามีโดยมิได้ ความช่วยเหลือภายนอก. สามีของทามาราคือ David Soslani เจ้าชายแห่งจอร์เจีย พวกเขามีชีวิตที่ยืนยาวด้วยกัน
หลังจากการตายของ Tamara จอร์เจียเริ่มสูญเสียตำแหน่งอย่างรวดเร็วในเวทีระหว่างประเทศและสูญเสียอำนาจเดิม หมดยุคทองของประเทศนี้แล้ว
หลังจากที่ทามาราได้ทิ้งมรดกอันล้ำค่าไว้ในรูปแบบของอารามออร์โธดอกซ์
รูปภาพของ Queen Tamara โดย Nadezhda Antipina ศิลปินชาวรัสเซียร่วมสมัย

วันนี้ที่ ปฏิทินออร์โธดอกซ์วันรำลึกถึงพรทามารา ราชินีแห่งจอร์เจีย

Tamara - ราชินีแห่งจอร์เจียที่มีชื่อเสียง (1184 - 1213) ซึ่งมีชื่อเกี่ยวข้องกับช่วงเวลาที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ของจอร์เจีย เธอมาจากราชวงศ์ Bagratid และเป็นลูกสาวคนเดียวของ George III และ Burdukhan ที่สวยงาม เมื่อเปรียบเทียบกับนักประวัติศาสตร์กับ Penelope

เธอถูกเลี้ยงดูมาโดยป้า Rusudan ผู้มีการศึกษาสูงของเธอ กวีราชินีสมัยใหม่ยกย่องจิตใจและความงามของเธอ พระนางไม่ได้ชื่อว่าเป็นราชินี แต่เป็นราชา ภาชนะแห่งปัญญา ดวงตะวันที่ยิ้มแย้ม ไม้อ้อเรียว หน้าผ่องใส ยกย่องความอ่อนน้อมถ่อมตน ความพากเพียร การเชื่อฟัง ศาสนา ความงามอันน่าพิศวง

มีตำนานเล่าขานถึงความสมบูรณ์แบบของเธอที่สืบทอดมาโดยปากเปล่าในสมัยของเรา ทุกคนต้องการเห็นเธอ เจ้าชายไบแซนไทน์ สุลต่านแห่งอเลปโป ชาห์แห่งเปอร์เซียกำลังมองหามือของเธอ

รัชสมัยของทามาราทั้งหมดรายล้อมไปด้วยรัศมีลึกลับ ข้อมูลทางประวัติศาสตร์ที่เชื่อถือได้นั้นซับซ้อนโดยนิทานในตำนานตั้งแต่วันที่เธอขึ้นครองบัลลังก์ พ่อของเธอสวมมงกุฎเป็นกษัตริย์ (1179) ในช่วงชีวิตของเขา แต่หลังจากที่เขาเสียชีวิต (1184) เธอเริ่มปกครองรัฐ Tamara ประกาศความเมตตาและความจริงเป็นคติประจำรัชกาลของเธอ: “ฉันเป็นพ่อของเด็กกำพร้าและเป็นผู้พิพากษาของหญิงม่าย” Tamara กล่าว ในรัชสมัยของพระองค์ ไม่มีกรณีโทษประหารชีวิตและการลงโทษทางร่างกายแม้แต่กรณีเดียว

เพื่อหลีกเลี่ยงความยุ่งยากภายในราชอาณาจักร ราชินีได้ทำสงครามหลายครั้งกับประเทศเพื่อนบ้าน

สามีคนแรกของเธอคือเจ้าชายจอร์จแห่งรัสเซีย (ยูริ อ้างอิงจาก Karamzin ลูกชายของ Andrei Bogolyubsky) ได้ทำการสำรวจทางทหารทางเหนือของอาร์เมเนีย ไปยัง Shirvan (ปัจจุบันคืออาเซอร์ไบจาน) และ Erzrum เมื่อการแต่งงานของ Tamara กับ George เป็นโมฆะ - ตามประวัติศาสตร์จอร์เจียเนื่องจากความโกรธแค้นที่กระทำโดยเจ้าชายแล้ว อดีตคู่สมรส Tamara กลายเป็นศัตรูของเธอและด้วยกองทัพขนาดใหญ่ย้ายจากคอนสแตนติโนเปิลไปยังจอร์เจียเพื่อคืนบัลลังก์ที่หายไป แม้จะมีผู้ปกครองระดับภูมิภาคบางคนเข้าร่วมกับเขา แต่เจ้าชายรัสเซียก็พ่ายแพ้และหายตัวไปหลังจากนั้นอย่างไร้ร่องรอย

Tamara เข้าสู่การแต่งงานครั้งใหม่กับ David Soslani ผู้ปกครอง Ossetian ซึ่งเธอเติบโตขึ้นมาในวัยเด็ก 10 ปีหลังจากที่เธอขึ้นครองบัลลังก์ได้เปิดนโยบายที่ไม่เหมาะสม

อาณาจักรจอร์เจียตอนปลายรัชสมัยของทามารา

ส่งมอบความโดดเด่นของจอร์เจีย ความสำคัญทางการเมืองทั่วเอเชียไมเนอร์ หลังจากที่ปราบศัตรูทั้งภายในและภายนอก ขยายอาณาเขตของอาณาจักร Tamara ได้ดูแล การพัฒนาจิตวิญญาณของประเทศของตน ที่ศาลของเธอ กาแล็กซี่ของนักเขียนผู้รุ่งโรจน์กำลังรวบรวม ซึ่งนำชาวจอร์เจีย ภาษาวรรณกรรมเพื่อความสมบูรณ์แบบ ศตวรรษของเธอโดดเด่นด้วยกิจกรรมบทกวีของ Shavteli และ Chakhrukh ผู้อุทิศบทกวีอย่างกระตือรือร้นให้กับ "ราชินีที่เหมือนพระเจ้า" เธอสร้างวรรณกรรมโรแมนติกทางโลกเป็นร้อยแก้ว ซึ่งมีตัวแทนคือโคเนลี ผู้เขียน Amiran Darejani และ Sargis Tmogveli ผู้แปลเรื่องราวเกี่ยวกับ Vis และ Ramin ชาวเปอร์เซีย ในที่สุด ในรัชสมัยของพระองค์ กวีโชตะ รัสตาเวลีก็โด่งดัง บทกวีอันงดงาม "อัศวินในหนังเสือดำ" ล้วนเปี่ยมด้วยความรักต่อราชินีทามารา เราพบคุณลักษณะของเธอพร้อมกันในสองวีรสตรีที่สวยงาม: เจ้าหญิง Tinatin และ Nestan-Darejan และ Tariel และ Avtandil แสดงความรักที่กวีมีต่อเธอในเวลาเดียวกัน

เรื่องราวในตำนานที่เล่าให้ Tamara เล่าถึงการสร้างวัดและป้อมปราการที่ยอดเยี่ยมทั้งหมดของจอร์เจียนั้นอยู่ไม่ไกลจากความจริง เธอได้สร้างอนุสาวรีย์ทางศิลปะมากมาย และในนั้นก็มีพระราชวัง Vardzia อันหรูหราซึ่งสามารถรองรับห้องได้ถึง 360 ห้อง .

ศาสนาคริสต์และสัญชาติในหมู่ชาวคอเคเซียนไฮแลนด์แผ่ขยายออกไปด้วยพลังและความเอาใจใส่ของทามารา ชื่อของเธอได้รับการถ่ายทอดด้วยความเคารพอย่างเดียวกันในนิทานบทกวีของชนชาติต่าง ๆ ของคอเคซัส คริสตจักรได้แต่งตั้งเธอเป็นนักบุญ นักปีนเขาชาวจอร์เจียเปลี่ยน Tamara ให้เป็นเทพธิดา ผู้รักษาความเจ็บป่วยทั้งหมด ใน Svaneti Tamara จากภรรยาผู้ก่อการร้ายกลายเป็นวัตถุแห่งความเลื่อมใสทางศาสนาและในขณะเดียวกันก็เป็นอุดมคติของความงามที่มีมนต์ขลัง

ผู้คนเชื่อว่า Tamara ยังไม่ตาย เธอนอนในเปลสีทอง เมื่อเสียงแห่งความเศร้าโศกของมนุษย์มาถึงเธอ เธอจะตื่นขึ้นและครองราชย์อีกครั้ง ความเชื่อนี้ได้รับการสนับสนุนโดยการขาดการระบุตำแหน่งหลุมฝังศพของเธออย่างแม่นยำ

จากหนังสือ Elena Grushko, Yuri Medvedev พจนานุกรมชื่อ Nizhny Novgorod: พ่อค้าชาวรัสเซีย, Brothers Slavs, 1996. หน้า 603 - 606

ให้ฉันสัมผัสอีกจุดหนึ่ง

ผู้ชื่นชอบกวีนิพนธ์หลายคนจากม้านั่งของโรงเรียนจำแนวของ Lermontov:

ในหุบเขาลึกของดาเรียล
ที่ที่ Terek ขุดอยู่ในสายหมอก
หอเก่ายืน
ใส่ร้ายป้ายสีบนหินสีดำ

ในหอคอยที่สูงและคับแคบ
Queen Tamara อาศัยอยู่:
สวยเหมือนนางฟ้าบนสวรรค์
เหมือนปีศาจร้ายกาจร้ายกาจ

ดังนั้น "เจ้าเล่ห์ราวกับปีศาจ" Tamara ผู้ซึ่งฆ่าคู่รักของเธอและสั่งให้ทิ้งศพลงใน Terek ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับ Queen Tamara ในประวัติศาสตร์!

ในช่วงเวลาที่ไม่รู้จัก ตำนานได้หยั่งรากในรัสเซียว่า Tamara มีคู่รัก และเธอฆ่าพวกเขาและโยนศพเข้าไปใน Terek ตำนานนี้สร้างรัศมีแห่งความรุ่งโรจน์รอบๆ Darial Gorge และ "Castle of Tamara" อย่างไรก็ตาม นี่เป็นตำนานและมาช้ามาก เขามาจากไหนไม่ชัดเจน เรื่องราวทางประวัติศาสตร์และตำนานของจอร์เจียเรื่องแรกกลายเป็นที่รู้จักในรัสเซียจากบันทึกความทรงจำของ Jacques Chardin (-1713) แต่ Chardin ไม่รู้จักคนรัก Tamara พุชกินไม่ได้กล่าวถึงหัวข้อนี้ บทกวีของ Lermontov "Tamara and the Demon" กล่าวถึง Tamara อีกคนหนึ่งอย่างชัดเจนและ Tamara คนอื่น ๆ นี้ตาม Lermontov ไม่ได้อาศัยอยู่เหนือ Terek แต่อยู่ใน Aragva Gorge และเฉพาะในข้อ "Tamara" (1841) Lermontov เท่านั้นที่อธิบายเรื่องราวของ Tamara และคู่รักโดยตรง เขาได้เรื่องนี้มาจากไหนไม่ชัดเจน มีความเห็นว่านี่คือการปรับเปลี่ยนเรื่องราวเกี่ยวกับ Tamara ของ Imereti ซึ่งเป็นภรรยาของ Kartli king Luarsab I และเป็นที่รู้จัก อารมณ์ไม่ดี. Mayakovsky จำลองตำนานนี้และอ้างถึง Lermontov โดยตรง เขากล่าวถึงพล็อตนี้สองครั้งในบทกวี "Vladikavkaz-Tiflis" และในบทกวี "Tamara and the Demon" (1924)

การเลือกภาพของ Queen Tamara:

1. บนปูนเปียกในอาราม Vardzia

8. อนุสาวรีย์สมเด็จพระนางเจ้าทามาระ

10. ภาพวาดโดย Yesadze พ.ศ. 2456

11.

7. สำเนาปูนเปียกจากอาศรม (รูปของฉัน)

10.

11. ภาพวาดโดยศิลปิน Alexei Vepkhadze

ทุกคนรู้ว่ามีราชินีทามาร่าเช่นนั้น เป็นเรื่องยากที่ทุกคนในโรงเรียนจะไม่อ่านบทกวีโรแมนติกของ Lermontov เกี่ยวกับวิธีที่ "หุบเขาลึกของ Darial ที่ Terek ขุดในความมืด" Queen Tamara อาศัยอยู่ในหอคอยเก่าซึ่งล่อนักเดินทางให้นอนบนเตียงแห่งความรัก และรุ่งเช้าสั่งให้ประหารชีวิต ในหนังสือชื่อดังของ Ilf และ Petrov เรื่อง "The Twelve Chairs" ราชินีทามาราในตำนานก็ปรากฏตัวในนิมิตของฟีโอดอร์ผู้เป็นพ่อที่คลั่งไคล้ซึ่งนั่งอยู่บนก้อนหินใกล้ถนนทหารจอร์เจียนเพื่อเยี่ยมชมการเล่นไพ่ สิ่งเหล่านี้ดูเหมือนจะห่างไกลจากความจริงที่อ้างถึง Tamara มากเป็นพยานถึงการขาดความเคารพต่อความทรงจำของหญิงสาวผู้ยิ่งใหญ่ แต่เป็นการยกย่องความนิยมอย่างมากของผู้ปกครองที่อาศัยอยู่เมื่อแปดศตวรรษก่อน

ทุกคนรู้ว่ามีราชินีทามาร่าเช่นนั้น เป็นเรื่องยากที่ทุกคนในโรงเรียนจะไม่อ่านบทกวีโรแมนติกของ Lermontov เกี่ยวกับวิธีที่ "หุบเขาลึกของ Darial ที่ Terek ขุดในความมืด" Queen Tamara อาศัยอยู่ในหอคอยเก่าซึ่งล่อนักเดินทางให้นอนบนเตียงแห่งความรัก และในเวลาเช้าก็สั่งให้ประหารชีวิต ในหนังสือชื่อดังของ Ilf และ Petrov เรื่อง "The Twelve Chairs" ราชินีทามาราในตำนานก็ปรากฏตัวในนิมิตของฟีโอดอร์ผู้เป็นพ่อที่คลั่งไคล้ซึ่งนั่งอยู่บนก้อนหินใกล้ถนนทหารจอร์เจียนเพื่อเยี่ยมชมการเล่นไพ่ สิ่งเหล่านี้ดูเหมือนจะห่างไกลจากความจริงที่อ้างถึง Tamara มากเป็นพยานถึงการขาดความเคารพต่อความทรงจำของหญิงสาวผู้ยิ่งใหญ่ แต่เป็นการยกย่องความนิยมอย่างมากของผู้ปกครองที่อาศัยอยู่เมื่อแปดศตวรรษก่อน

เกิดมาเหนือยอดชาย

แน่นอนว่าราชินีทามาราตัวจริง (ค.ศ. 1166-1213) ไม่เคยล่อนักเดินทางด้วยเป้าหมายที่ไม่ดีและไม่เล่นไพ่เหมือนเพื่อนบ้าน ไม่มีเวลาให้เธอทำเรื่องไร้สาระเช่นนี้

หลานสาวของผู้ปกครองที่ยิ่งใหญ่ David the Builder เธอเหนือกว่าศักดิ์ศรีของปู่ทวดของเธอ: ชื่อของ Tamara เกี่ยวข้องกับยุคทองของจอร์เจียและช่วงเวลาแห่งอำนาจรัฐที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

อย่างไรก็ตาม สิทธิในการครองบัลลังก์ของ Tamara ค่อนข้างน่าสงสัย จอร์จที่ 3 พ่อของเธอได้รับอำนาจจากทายาทที่ถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งเป็นหลานชายกำพร้าคนแรกของเขา มิทรี และเมื่อเขาได้รับการสนับสนุนจากขุนนางจอร์เจียบางคนตัดสินใจที่จะคืนสิ่งที่เขาสูญเสียไป จอร์จปราบปรามการจลาจลอย่างไร้ความปราณี Tsarevich Dmitry ถูกประหารชีวิตหรือตาบอด ครอบครัว Orbeli ที่สนับสนุนเขาเกือบจะถูกทำลายล้าง มันเกิดขึ้นในปี 1177 เมื่อทามาราอายุเพียงสิบเอ็ดปีหรืออายุน้อยกว่านั้น หลังจากนั้น วันที่แน่นอนไม่ทราบวันเกิดของเธอ นานมาแล้ว และดินแดนจอร์เจียได้เห็นเหตุการณ์ที่น่าสลดใจมากเกินไปในช่วงหลายศตวรรษที่ผ่านมา

หลักฐานส่วนใหญ่ของยุคนั้นจมอยู่ในการลืมเลือน แต่เรื่องราวชีวิตของ Tamara กลับเต็มไปด้วยตำนานและเวอร์ชันต่างๆ มีแม้กระทั่งอันที่จริง Tsarevich Dmitry หนีการประหารชีวิตและต่อมาอาศัยอยู่ภายใต้ชื่อ Shota Rustaveli ราวกับว่าเขารักเขา ลูกพี่ลูกน้อง Tamara ซึ่งเขาอุทิศบทกวี "อัศวินในหนังเสือดำ" เป็นเวลาแปดศตวรรษ คุณสามารถคิดได้หลายอย่าง โดยผสมผสานข่าวลือและข้อเท็จจริงเข้าด้วยกัน

แต่ ชีวิตจริงราชินีนั้นยากมากและในจอร์เจียพวกเขาชอบจดจำยุคทองที่เธอสร้างขึ้น นอกจากนี้ จอร์เจียในสมัยของราชินีทามารายังเป็นรัฐที่มีอาณาเขตที่ใหญ่กว่ารัฐสมัยใหม่มาก ส่วนใหญ่เป็นเพราะ ... การแต่งงานที่มีความสุขของผู้ปกครอง

ขึ้นครองบัลลังก์ - แต่งงาน!

George III แต่งงานกับเจ้าหญิง Ossetian Burdukhan ไม่มีลูกชาย - ลูกสาวเพียงสองคนซึ่งคนโตคือ Tamara

เพื่อเป็นเกียรติแก่การเกิดของหญิงสาวผู้เป็นพ่อสั่งให้สร้างโบสถ์แห่งการประสูติของพระแม่มารี เธอได้รับการศึกษาที่ยอดเยี่ยม - ตามเวอร์ชันอย่างเป็นทางการป้าของเธอ Rusudan มีส่วนร่วมในการเลี้ยงดูเจ้าหญิง เมื่ออายุยังน้อย บิดาได้ตั้งเจ้าหญิงให้เป็นผู้ปกครองร่วม โดยเชื่อว่าวิธีนี้จะเชื่อถือได้มากกว่า มีความไม่พอใจมากพอกับการปกครองอันโหดร้ายของซาร์และความจริงที่ว่าเขายึดบัลลังก์ของหลานชายของเขาแม้หลังจากการปราบปรามการกบฏ ดังนั้นหนึ่งปีหลังจากการปราบปรามการจลาจลในปี ค.ศ. 1178 ทามาราก็ขึ้นครองบัลลังก์

นักประวัติศาสตร์กล่าวถึงภาพเฟรสโก 1180 ชิ้นในอาราม Vardzia ซึ่ง Tamara อยู่ถัดจาก George นี่เป็นเพียงภาพเดียวในชีวิตที่ยังหลงเหลืออยู่ของเธอ

ในปี ค.ศ. 1184 จอร์จเสียชีวิต - ยังคงเป็นชายชราคนหนึ่ง แต่กษัตริย์จอร์เจียในสมัยนั้นไม่ค่อยโดดเด่นด้วยการมีอายุยืนยาวของคอเคเซียนชีวิตของพวกเขาซับซ้อนและอันตรายเกินไป Tamara รู้สึกได้อย่างเต็มที่เมื่อเธอถูกทิ้งให้อยู่ตามลำพังบนบัลลังก์

เห็นได้ชัดว่าในช่วงปีแรก ๆ ในรัชกาลของเธอ แม้หลังจากที่เธอขึ้นครองราชย์อีกครั้ง เธอต้องเชื่อฟังขุนนางจอร์เจีย ซึ่งเห็นได้ชัดว่าไม่ต้องการมอบอำนาจให้อยู่ในมือของเด็กสาว ราชินีสาวได้รับแต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษาผู้คนที่ภักดีถูกลบออกจากเธอในที่สุดพวกเขาก็บังคับให้เธอแต่งงานกับคนแปลกหน้าอย่างสมบูรณ์

Tamara ขัดขืนอย่างสุดความสามารถ แต่ถูกบังคับให้ยอมแพ้ - ขุนนางศักดินาจอร์เจียตัดสินใจว่าลูกชายของ Vladimir Prince Andrei Bogolyubsky ขับไล่ออกจากดินแดนรัสเซียยูริจะเป็นเจ้าบ่าวที่เหมาะสม ประการแรก เขาเป็นคริสเตียน และประการที่สอง เขาไม่มีญาติและผู้สนับสนุนในจอร์เจีย ซึ่งหมายความว่าเขาจะเริ่มเชื่อฟังผู้ที่ยกย่องเขา ทามาราขอแต่งงานโดยเปล่าประโยชน์เพื่อมองดูสามีในอนาคตของเธอ งานแต่งงานเกิดขึ้นแล้วในปี 1185

เมื่อสามีไม่สนใจภรรยา

เห็นได้ชัดว่ายูริไม่ต้องการทนกับบทบาทของเจ้าชายมเหสี หลังจากใช้เวลาสองแคมเปญทางทหารที่ประสบความสำเร็จ เขาแสดงตัวว่าเป็นผู้บัญชาการที่มีทักษะ และได้รับความเห็นอกเห็นใจจากขุนนางบางคน โดยใช้ความแตกต่างในชนชั้นสูงของจอร์เจียอย่างชำนาญ เจ้าชายรัสเซียค่อยๆ ทรงอิทธิพล และการอ้างสิทธิ์ในอำนาจที่แท้จริงของพระองค์ก็ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ

และเขากลับกลายเป็นว่าพูดอย่างอ่อนโยนไม่ใช่สามีในอุดมคติ ที่ ชีวิตส่วนตัวยูริแสดงตัวเองว่าเป็นคนหยาบคายและชอบทะเลาะวิวาท (เห็นได้ชัดว่าเขาถูกไล่ออกจากรัสเซียไม่ได้เปล่าประโยชน์) และไม่คิดว่าตัวเองเป็นมนุษย์ที่มีความสุขที่สุดโดยมีผู้หญิงที่สวยที่สุดในจอร์เจีย ความงามของทามาราซึ่งกวีร้องทำให้สามีไม่แยแส

หญิงสาวอีกคนในสถานการณ์เช่นนี้อาจเสียหัวใจ - บัลลังก์ถูกพรากไปในทางปฏิบัติกลุ่มผู้มีอิทธิพลและโหดร้ายต่างต่อสู้เพื่อมัน สามีของคุณไม่พิจารณาคุณและไม่ชอบคุณ มีความไม่สงบในประเทศ ... แต่ Tamara ที่ฉลาดและสวยงาม ผู้ซึ่งมีเสน่ห์ที่หายากเช่นกัน รู้จักการรอคอยและลงมือทำ

เธอค่อย ๆ รวบรวมผู้สนับสนุนของเธอ ผลักกลับและทะเลาะวิวาทฝ่ายตรงข้าม ได้รับความเห็นอกเห็นใจจากอาสาสมัครของเธอ - และในปี 1187 เธอกลายเป็นผู้ปกครองที่แท้จริงของประเทศของเธอ ยูริถูกส่งไปยังกรุงคอนสแตนติโนเปิลเขาได้รับโชคลาภที่ดีจากการปลอบโยน สาเหตุของการหย่าร้างคือความขี้เมาของยูริและความโน้มเอียงของพฤติกรรมรักร่วมเพศ ไม่ว่าเจ้าชายจะอยู่ภายใต้บาปนี้หรือโอกาสที่ดูเหมือนสะดวกนั้นไม่เป็นที่รู้จัก แต่ไม่มีลูกในการแต่งงานครั้งนี้ซึ่งเป็นการชี้นำ

ราชินีสามารถฟื้นฟูความสงบเรียบร้อยในประเทศ - ที่ไหนสักแห่งที่มีมาตรการรุนแรงบางแห่งด้วยของกำนัลมากมาย แต่ความสงบสุขในจอร์เจีย ราชินีสาวแสนสวยสามารถจัดการเพื่อรวมชาติเป็นหนึ่งเดียว ในที่สุดเธอก็พบรัก

ได้พบกันและรักกัน

ในเรื่องนี้เป็นเรื่องลึกลับอีกครั้ง - พวกเขาพบกันได้อย่างไร? David Soslan เจ้าชาย Ossetian ดูเหมือนจะได้รับการเลี้ยงดูมาร่วมกับ Tamara ตั้งแต่วัยเด็กโดยป้า Rusudan คนเดียวกัน

นั่นคือเขาเป็นเพื่อนสมัยเด็กของราชินีและเป็นญาติของราชวงศ์ Bagration นักประวัติศาสตร์คนอื่นๆ อ้างว่า Tamara และ David แทบไม่รู้จักกัน และหลังจากการหย่าร้างจากยูริก็จำเป็นต้องมองหาสามีใหม่อย่างเร่งด่วน: บัลลังก์ต้องการทายาท

แต่ไม่มีความแตกต่างว่าคนรู้จักครั้งแรกเป็นอย่างไรสิ่งสำคัญคือ Tamara และ David ตกหลุมรักกันอย่างจริงใจ หากสิ่งนี้ไม่เกิดขึ้น บางทีอาจจะไม่มียุคทอง

ทั้งคู่แต่งงานกันในปี ค.ศ. 1188 ในโบสถ์ Didube แห่งการประสูติของพระแม่มารี ซึ่งเป็นโบสถ์ที่พ่อของ Tamara สร้างขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่วันเกิดของเธอ

ประวัติศาสตร์ไม่ได้รักษาภาพของ David Soslan ไว้ให้เรา เขาถูกอธิบายว่าเป็นคนมีการศึกษา เป็นวีรบุรุษที่หล่อเหลา เป็นนักรบผู้กล้าหาญ และเป็นแม่ทัพที่เฉลียวฉลาด สามีที่รักและพ่อ หากแม้ในคำอธิบายเหล่านี้มีการพูดเกินจริงก็เป็นเรื่องเล็กน้อย

ไม่น่าเป็นไปได้ที่ Tamara จะตกหลุมรักคนที่ไม่มีตัวตน ข้อดีที่ไม่ต้องสงสัย. ยิ่งไปกว่านั้น ชัยชนะทางทหารของ David ทำให้เขามีชื่อเสียงที่สมควรได้รับ เขาเป็นคนที่เอาชนะกองทัพยูริในปี ค.ศ. 1191 ซึ่งกลับมาจากกรุงคอนสแตนติโนเปิลซึ่งต้องการคืนบัลลังก์และภรรยาของเขา เมื่อนักประวัติศาสตร์บางคนเขียนว่า Tamara เองได้ทำให้พวกกบฏสงบลง เป็นเรื่องยากที่จะเชื่อ ในปี ค.ศ. 1191 เธอให้กำเนิดบุตรชายชื่อจอร์จ กษัตริย์จอร์จที่ 4 แห่งจอร์เจียในอนาคต จากนั้น David Soslan เอาชนะ Abu Bekr ผู้ปกครองอาเซอร์ไบจาน จากนั้นเป็น Sultan of Rum Rukn-ad-Din

เขาต้องต่อสู้อย่างหนัก เธอสวดอ้อนวอนให้เขาและสร้างอารามและวัด ในเวลานั้น มีการสร้างจำนวนมากในจอร์เจีย ทั้งป้อมปราการ พระราชวัง ถนน และสะพาน ไม่น่าแปลกใจเลยที่ Tamara เป็นหลานสาวของ David the Builder

การขยายตัวของรัฐทำให้เกิดรายได้ใหม่ ซึ่งลงทุนเพื่อทำให้จอร์เจียเป็นประเทศที่เจริญรุ่งเรือง สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี การปฏิรูปทางทหารนำไปสู่ความจริงที่ว่าประเทศสามารถจัดตั้งกองทัพจำนวนหกหมื่นที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดี

การปฏิรูปการบริหารทำให้สามารถปรับปรุงการบริหารงานของประเทศและลดการใช้อำนาจในทางที่ผิด

ผู้คนต่างรักราชินีของพวกเขาและแม้กระทั่งในช่วงชีวิตของเธอพวกเขาก็แต่งตำนานเกี่ยวกับเธอ

คู่ไม้บรรทัดที่สมบูรณ์แบบ

พวกเขา ชีวิตครอบครัวชื่นชมผู้ร่วมสมัย: ในขณะที่ยังคงความยิ่งใหญ่ของผู้ปกครอง Tamara และ David ได้แนบชิดกันและกับลูก ๆ ของพวกเขา - Tsarevich George และ Princess Rusudan

ตำนานหนึ่งกล่าวว่าเมื่อมีขุนนางผู้ยิ่งใหญ่คนหนึ่งมารายงานถึงดาวิด เขาก็กลิ้งลูกชายของตนบนหลังของเขาเป็นรูปม้า เมื่อเห็นท่าทางประหลาดใจ เดวิดก็ถามว่า “คุณมีลูกด้วยเหรอ” และเมื่อได้รับคำตอบที่แน่ชัดแล้ว เขาก็กล่าวว่า “ถ้าอย่างนั้นเราไปต่อ” ดังนั้นเขาจึงฟังผู้มาเยี่ยมโดยไม่ขัดจังหวะเกมกับลูกชายของเขา

ราชสำนักของราชินีไม่ได้มีความหรูหรา แต่ด้วยความจริงที่ว่ากวีและนักปรัชญาปกครองอยู่ในนั้น งานอดิเรกที่ชื่นชอบของ Tamara และ David คือการสนทนากับผู้คนที่มีการศึกษาและการแข่งขันกวีนิพนธ์ มีการศึกษาที่อ้างว่า David Soslan เองเขียนและตีพิมพ์หนังสือ เขาส่งคนหนุ่มสาวสี่สิบคนไปฝึกที่กรีซ Tamara มอบทุนการศึกษาให้กับนักเรียนหกสิบคนที่เรียนที่โรงเรียน Athos ในโรงเรียนของจอร์เจียในสมัยนั้น หลายแห่งเปิดสอนภายใต้ทามารา ภาษาโบราณ การพิสูจน์อักษร ประวัติศาสตร์ ปรัชญา เลขคณิต โหราศาสตร์ เทววิทยา และวาทศิลป์ได้รับการสอน

ในตำนาน ความรู้สึกจะคงอยู่ตลอดไป

เรื่องราวดีๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้ สุขสันต์วันแต่งงานถูกบดบังเพียงคนเดียว - มันกลับกลายเป็นว่ามีอายุสั้น ในปี ค.ศ. 1207 เดวิดเสียชีวิต อาจถูกฆ่าตาย มีรุ่นที่ขุนนางจอร์เจียกำจัดเขาโดยกลัวการเสริมความแข็งแกร่งของอิทธิพลของผู้บัญชาการที่มีความสามารถ ไม่ว่าในกรณีใด ทันทีหลังจากที่เขาเสียชีวิต Tamara ได้กำหนดให้ลูกชายวัยสิบหกปีของเธอเป็นผู้ปกครองร่วม โดยใช้ประโยชน์จากประสบการณ์ของพ่ออย่างชัดเจน

หลังจากนั้นเธออาศัยอยู่น้อยมาก ตามแหล่งข่าว เธอยังเสียชีวิตในปีเดียวกัน ความตายและการฝังศพของเธอถูกปกคลุมไปด้วยความลึกลับ อย่างเป็นทางการ Tamara เสียชีวิตในปี 1213 จากความเจ็บป่วยในปราสาท Agarani อย่างไรก็ตามไม่สามารถระบุได้ว่าปราสาทใดถูกเรียกเช่นนั้น

หลุมศพของ Tamara ก็ไม่เป็นที่รู้จักเช่นกัน ร่างของเธอถูกย้ายไปที่ Mtsskheta จากนั้นไปที่ Gelati ไปยังห้องใต้ดินของตระกูล Bagration แต่การขุดค้นทางโบราณคดีไม่พบร่องรอยการฝังศพของเธอ

มีเอกสารของวาติกันที่ตามพระประสงค์ของราชินี เถ้าถ่านของเธอถูกส่งไปยังอารามไม้กางเขนในกรุงเยรูซาเล็ม มีตำนานเล่าว่าท่านสิ้นพระชนม์ที่นั่นและได้เป็นพระภิกษุ กวีผู้ยิ่งใหญ่ Shota Rustaveli ผู้รักราชินีมาตลอดชีวิต นอกจากนี้ยังมีความคิดเห็นว่า Tamara ถูกฝังอย่างลับๆ ข้างสามีของเธอในโบสถ์ของครอบครัวในออสซีเชีย แต่นี่น่าจะเป็นตำนานด้วยเช่นกัน

อันดับ คริสตจักรจอร์เจียต่อหน้านักบุญ ราชินีทามารายังคงมีชีวิตอยู่ในตำนาน เชื่อกันว่าเธอไม่ได้ตายเลย แต่ที่ไหนสักแห่งที่เธอหลับไปอย่างสงบสีทองและจะตื่นขึ้นเมื่อผู้คนต้องการความช่วยเหลือจากเธอ

ในวันที่ 14 พฤษภาคม จอร์เจียเฉลิมฉลองวันรำลึกถึงทามารา ซึ่งวันนี้เรียกว่าทามาโรบา ดาวเคราะห์น้อยที่ค้นพบในปี 1892 ได้รับการตั้งชื่อตามชื่อ St. Tamara มีอนุสาวรีย์ที่อุทิศให้กับราชินีในจอร์เจีย และสนามบินที่ตั้งชื่อตามเธอถูกเปิดในปี 2010 มีการเขียนมากมายเกี่ยวกับความรักของทามาราและเดวิด

และเมื่อเร็ว ๆ นี้โอเปร่า "Tamara และ David Soslan" ก็ปรากฏตัวขึ้นบนเวที และนี่ไม่ใช่จุดจบของเรื่องราวของพวกเขา...

ข้อความ: Alisa Betskaya

มีคนไม่กี่คนที่ได้รับการบอกเล่าเกี่ยวกับตำนานและนิทานมากมายในประวัติศาสตร์จอร์เจียเช่นเดียวกับราชินีทามารา เธออาศัยอยู่ในความทรงจำของผู้คน กวีที่เก่งที่สุดร้องเพลงภูมิปัญญา ความกตัญญู และความงามของเธอในบทกวี เป็นภาพร่างเรียว นัยน์ตาสีเข้ม ดูสง่างาม และสุนทรพจน์ที่ไพเราะ Shota Rustaveli ได้อุทิศบทกวีอมตะของเขา "The Knight in the Panther's Skin" ให้กับเธอ

ชีวประวัติของราชินีทามารา

เวลาในรัชกาลของเธอถือเป็นศตวรรษแห่งความเจริญรุ่งเรืองของจอร์เจีย Tamara เป็นธิดาของ King George III Bagration และ Burdukhan ธิดาของกษัตริย์ Ossetian Khudan

เป็นที่ทราบจากพงศาวดารว่าเมื่อจอร์จที่ 3 หลานชายของ David IV the Builder เริ่มครองราชย์ ลูกสาวคนแรกที่เกิดในไม่กี่ปีต่อมา มันคือทามาร่า

ในปี ค.ศ. 1184 เมื่อบิดาของเธอเสียชีวิต Tamara อายุ 18 ปี มีบทบาทสำคัญในการเลี้ยงดูและการศึกษาของราชินีในอนาคตโดยป้าของเธอซึ่งเป็นน้องสาวของบิดาของเธอคือราชินี Rusudan เธอเป็นลูกสะใภ้ของสุลต่านสุลต่านแห่งตระกูล Seljuk Sanjar แต่เมื่อเธอกลายเป็นม่าย เธอกลับไปจอร์เจีย ซึ่งเธอมีบทบาทสำคัญในการเมืองของรัฐ

ไม่มีความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันในหมู่คณะสงฆ์ บุคคลสำคัญ และขุนนางในประเด็นการภาคยานุวัติของทามารา ผู้หญิงที่ประมุขแห่งรัฐ? ซาร์จอร์จเล็งเห็นถึงสิ่งนี้ และแม้กระทั่งในช่วงชีวิตของเขาในปี ค.ศ. 1179 ทามาราก็ได้รับการสวมมงกุฎในอารามเจลาตีในฐานะผู้ปกครองร่วมของบิดาของเธอ เธออายุเพียง 12 ปี นับแต่นั้นมาเธอได้ทราบถึงกิจการของรัฐ ความกังวลและปัญหาต่างๆ

สถานการณ์การสืบราชบัลลังก์ไม่ใช่เรื่องง่าย มันพัฒนาขึ้นจากการตัดสินใจที่ขัดแย้งกันของ David IV the Builder จอร์จที่ 3 เคยเป็น ลูกชายคนเล็ก Demeter I. ในช่วงเวลาที่เขาขึ้นครองบัลลังก์ลูกชายของพี่ชายของจอร์จ - David V - Prince Demeter ยังเป็นผู้เยาว์

ในปี ค.ศ. 1177 ดีมีเตอร์ได้ก่อการจลาจลขึ้นเพื่อยึดบัลลังก์ มันเข้าร่วมโดยกองกำลังทหารจากบางภูมิภาคของจอร์เจีย กองทัพของกลุ่มกบฏมีจำนวนทหารประมาณ 30,000 นาย แต่ไม่มีความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันในกลุ่มของพวกเขา และจอร์จที่ 3 จัดการกับพวกกบฏ Prince Demeter เช่นเดียวกับผู้สนับสนุนที่ใกล้ชิดที่สุดของเขาหลายคนถูกประหารชีวิต

หลังจากการปราบปรามการจลาจล จอร์จล้อมรอบตัวเองด้วยคนที่จงรักภักดี แต่ถึงกระนั้น ในช่วงเวลาที่ Tamara เข้าเป็นภาคี สถานการณ์ภายในประเทศและสถานการณ์นโยบายต่างประเทศก็ปั่นป่วน ความสมบูรณ์และความเป็นอิสระของสหราชอาณาจักรถูกคุกคามโดยสุลต่านและเอมีร์ของตุรกี ก่อสงครามเชิงรุกในตะวันออกกลางและดินแดนใกล้เคียง

นอกจากนี้ยังมีภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้นจากกษัตริย์แห่งตะวันตก นั่นคือเหตุผลที่การรวมดินแดนและการค้นหาพันธมิตรที่เชื่อถือได้มีความสำคัญมาก ราชสำนักทบิลิซีมีกองทัพติดอาวุธอย่างดี และสิ่งนี้สร้างเงื่อนไขสำหรับการสร้างความสัมพันธ์ของการพึ่งพาศักดินาที่มีอำนาจน้อยกว่า และไม่มีอาณาเขตและอาณาจักรที่ใหญ่มาก

ที่สำคัญเท่าเทียมกันคือการสนับสนุนของศาสนจักร สมเด็จพระราชินีทามาราทรงพิจารณาถึงการขจัดความนอกรีตและการยุติปัญหาคริสตจักรเป็นเรื่องของรัฐ เธอคืนชาวคาธอลิกแห่งคาร์ทลีซึ่งลาออกจากตำแหน่ง หนีไปกรุงเยรูซาเล็มและเรียกประชุมสภาเพื่อจัดการกิจการของพระศาสนจักร เพื่อขจัดการทารุณกรรมและขจัดศิษยาภิบาลที่ละเลยออกจากตำแหน่งของพวกเขา

บิชอป นักเทววิทยา ฤาษี และพระสงฆ์มาถึงอาสนวิหารแล้ว ดังนั้น เมื่อสภาใกล้จะถึงจุดจบและมีการจัดตั้งระเบียบขึ้น และมีการบรรลุข้อตกลงในเรื่องทางจิตวิญญาณ คณะผู้แทนของสปอลซาลาร์ (ผู้นำทางทหาร) และเอริสตาวิสมาและเรียกร้องให้หาคู่ครองของพระราชินี

เกี่ยวกับการอภิเษกสมรสของพระราชินีทามารา

เป็นไปไม่ได้ที่จะเลือกพรรคจากตัวแทนของตระกูลขุนนาง เพราะสิ่งนี้จะทำให้เกิดความขัดแย้งในราชสำนักและทั่วราชอาณาจักร พวกเขาพบว่ามีพรรคพวกที่ดีในดินแดนรัสเซียผ่านพ่อค้า ในไม่ช้าเจ้าบ่าวก็มาถึงทามารา

เจ้าชายยูริลูกชายของเจ้าชาย Suzdal Andrei Bogolyubsky เป็นเด็กกำพร้าก่อนกำหนดลุงของเขายึดบัลลังก์จากเขาและขับไล่เขาออกจากประเทศยูริต้องหนีไป Kipchaks เนื่องจากเขาเกิดมาดี กล้าหาญและดูน่าพอใจ จึงตัดสินใจให้เขาเป็นสามีของราชินีทามารา

ผู้เขียนเล่าว่าทามาราขอรอโดยบอกว่าควรดูว่าเขาเป็นคนอย่างไรและมีลักษณะอย่างไร แต่ที่ปรึกษากังวลเรื่องการขาดพระราชินีและอนาคตของราชวงศ์จึงรีบเร่งงานอภิเษก . และไม่นานหลังจากการเฉลิมฉลองงานแต่งงานอันงดงามสิ้นสุดลง ยูริก็เริ่มแสดงประเพณี "ไซเธียน" ของเขา ลักษณะของคู่สมรสมีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ และการกระทำของเขาก็ไร้มนุษยธรรม ในความมึนเมาอย่างไม่หยุดยั้ง เขาได้ลงเอยด้วยบาปที่ร้ายแรงที่สุด

Tamara อดทนและให้อภัยสามีของเธอเป็นเวลาสองปี แต่การชักชวนหรือคำแนะนำของพระสงฆ์ของเธอไม่ได้ผลและเธอถูกบังคับให้เรียกร้องให้ยุบการสมรส ยูริถูกส่งไปยังกรุงคอนสแตนติโนเปิล แต่ในไม่ช้าเขาก็รวบรวมกองทัพและย้ายไปจอร์เจียเพื่อครองบัลลังก์ เขายึดครองคูทายสิและสวมมงกุฎจากพรรคพวกของเขา แต่กองทัพของเขาพ่ายแพ้อย่างสิ้นเชิง เกี่ยวกับชะตากรรมของเขาหลังการต่อสู้ข้อมูลที่เชื่อถือได้ยังไม่ได้รับการเก็บรักษาไว้

การแต่งงานของทามารากับเจ้าชายยูริยังคงไม่มีบุตร และโดยยอมจำนนต่อการยืนกรานของผู้ใกล้ชิดกับเธอ ในปี ค.ศ. 1188 เธอแต่งงานกับเดวิด โซสลัน เจ้าชายจากราชวงศ์ออสเซเชียน บาเกรชั่น ในช่วงกลางของศตวรรษที่ 11 David บุตรชายของ Demeter ได้พบที่หลบภัยใน Ossetia และกลายเป็นบรรพบุรุษของ Ossetian Bagrations

คราวนี้ไม่มีเรื่องน่าประหลาดใจในบทบาทของสามีในการรอคอยราชินี: เดวิดถูกเลี้ยงดูมาในวังของพระราชินี Rusudan น้าของทามารา และทามารารู้จักเขาตั้งแต่วัยเด็ก เขากลายเป็นแม่ทัพผู้กล้าหาญ ไปต่อสู้มากกว่าหนึ่งครั้งและได้รับชัยชนะเหนือศัตรูดังก้อง

ผู้ร่วมสมัยเชื่อว่าการแต่งงานครั้งนี้มีความสุขโดยเห็นชัยชนะทางทหารมากมายและการแพร่กระจายของศัตรูภายในและภายนอกเป็นข้อพิสูจน์ในเรื่องนี้ สิ่งเดียวที่ทำให้ราชินีเสียใจคือการไม่มีลูก แต่ความโศกเศร้านี้ สามปีต่อมา ถูกแทนที่ด้วยความปิติยินดี ในปี 1191 ทามาราได้ให้กำเนิดบุตรชายคนหนึ่ง ซึ่งตั้งชื่อว่าจอร์จเพื่อเป็นเกียรติแก่ปู่ของเขา และอีกหนึ่งปีต่อมา ลูกสาวคนหนึ่งเกิด - เธอได้รับชื่อรูซูดาน

ทำไมพวกเขาถึงรัก Queen Tamara?

การยึดดินแดนใหม่ เสริมความแข็งแกร่งของอาณาจักร และต่อต้านภัยคุกคามภายนอก Tamara ยังคงทำงานของ George III บิดาของเธอและ David IV the Builder ปู่ทวดของเธอ เมื่อในปี ค.ศ. 1195 ฝูงชนเคลื่อนทัพต่อต้านจอร์เจียภายใต้การนำของ Atabek แห่งอาเซอร์ไบจาน Abu Bakr (1191-1210) จากราชวงศ์ Ildegizids ราชินีได้รับคำสั่งให้รวบรวมกองกำลังของเธอ สวดมนต์อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยในอารามและแจกจ่ายทานให้กับคนยากจนอย่างไม่เห็นแก่ตัว

พงศาวดารให้คำพูดของราชินีแก่เราซึ่งเธอได้กล่าวถึงอัศวินผู้กล้าหาญก่อนการต่อสู้ที่เด็ดขาด เมื่อให้พรแก่ทหารแล้ว Tamara ได้ไปที่วัดของพระมารดาแห่งพระเจ้าใน Mtskheta และก้มหน้าลงต่อหน้าไอคอนสวดอ้อนวอนขอพรแห่งชัยชนะทั้งน้ำตา

ในการต่อสู้ที่ชัมคอร์เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน ค.ศ. 1195 กองทัพเอาชนะศัตรูและด้วยถ้วยรางวัลทางการทหาร นักโทษและอูฐจำนวนมากที่บรรทุกทรัพย์สมบัติมากมายได้ย้ายไปยังเมืองหลวง ราชินีก็ขี่ม้าออกไปพบพวกเขาอย่างเคร่งขรึม

พวกเขานำโจรมาเป็นของขวัญ: อัญมณี ไข่มุก อาวุธและชุดเกราะ หมวก จดหมายลูกโซ่ เสื้อผ้าทอสีทองและภาชนะที่ทำด้วยทองหอม ในบรรดาถ้วยรางวัลถูกจับป้ายศัตรู ถ้วยรางวัลหลัก - ธงของกาหลิบ - Tamara ตามประเพณีของครอบครัวนำมาเป็นของขวัญให้กับไอคอน Khakhul ของพระมารดาแห่งพระเจ้าในอาราม Gelati

เมื่อปัญหาของรัฐอนุญาต ราชินีชอบไปล่าสัตว์กับข้าราชบริพารและสมาชิกในครัวเรือนของเธอ พวกเขาล่าสัตว์บนฝั่งของ Iori และบนฝั่งของ Kura สำหรับการพักผ่อนหย่อนใจ พวกเขากางเต็นท์และใช้เวลาเพลิดเพลินไปกับเสียงเพลง บทเพลงและบทกวี ชัยชนะอันรุ่งโรจน์อีกครั้งได้รับชัยชนะโดยกองทัพจอร์เจียซึ่งนำโดย David Soslan ในการรบที่ Basiani เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 1202 เหนือกองทหารของ Sultan Ruknaddin

คลังของราชวงศ์เติมเต็มอีกครั้งด้วยรายการทองคำ อัญมณี ไข่มุก ผ้า และผ้าเนื้อดี นักประวัติศาสตร์สามารถพบคำกล่าวที่ว่าขณะนี้เครื่องใช้ทำด้วยเงินไม่เป็นเกียรติในราชสำนัก แต่มีการใช้จาน ถ้วยชาม และสิ่งของอื่นๆ ที่ทำจากคริสตัล ประดับด้วยอัญมณีล้ำค่า และทองคำ

Tamara ได้บริจาคสิ่งของล้ำค่าเหล่านี้จำนวนมากเพื่อประดับโบสถ์และอาราม ตามประเพณีของบรรพบุรุษของเธอ ราชินีได้ปลดปล่อยคริสตจักรจากภาษีและค่าธรรมเนียม เธอก่อตั้งโบสถ์และอารามไม่เฉพาะในจอร์เจียเท่านั้น แต่ยังรวมถึงในกรุงเยรูซาเล็มและปาเลสไตน์ด้วย ช่วยคริสตจักรในกรุงคอนสแตนติโนเปิลอย่างมาก ดูแลเด็กกำพร้า หญิงม่าย คนป่วยและคนทุพพลภาพ

โดยมากที่สุด วัตถุที่มีชื่อเสียงที่เกี่ยวข้องกับพระนามของพระราชินีทามารา คือ อารามเมืองวาร์ดเซีย

เธอเสียชีวิตในปี 2556 จากอาการป่วยในป้อมปราการ Agara (ปัจจุบันคือป้อมปราการ Kojori) บนภูเขา ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากทบิลิซี ซึ่งเป็นที่ประทับของราชวงศ์ในฤดูร้อน ไม่ทราบสถานที่ฝังศพของเธอ

ความนิยมของราชินีทามารานั้นยิ่งใหญ่มากทั้งในช่วงชีวิตของเธอและในเวลาต่อมา เธอได้รับเครดิตในทุกสิ่งที่ดี แม้กระทั่งสิ่งที่เธอไม่มีความสัมพันธ์โดยตรง

ลูกๆ ของเธอจะต้องรู้จักความขมขื่นของความพ่ายแพ้เมื่อความขัดแย้งภายในรุนแรงขึ้น และชาวมองโกลที่ไร้ความปราณีโจมตีประเทศ

ภาพของราชินีปรากฎบนจิตรกรรมฝาผนังของอาราม Gelati, Vardzia และ Betania

ราชินีทามาราได้รับการประกาศให้เป็นนักบุญโดยชาวจอร์เจียและรัสเซีย คริสตจักรออร์โธดอกซ์สำหรับการกระทำของเขาในการทำให้คริสต์ศาสนิกชนของชาวไฮแลนด์เหนือคอเคเซียน งานการกุศล และชีวิตคริสเตียนอย่างแท้จริง

ในสวาเนติ ประเพณีพื้นบ้านเธอได้รับการเคารพในฐานะผู้รักษาและสวดอ้อนวอนขอให้เธอช่วยให้พ้นจากความเจ็บป่วย วันแห่งความทรงจำของเธอมีการเฉลิมฉลองสองครั้ง: วันที่ 14 พฤษภาคม และในวันอาทิตย์ที่สามหลังเทศกาลอีสเตอร์ ซึ่งอุทิศให้กับสตรีที่ถือมดยอบ ในปี พ.ศ. 2435 ดาวเคราะห์น้อยที่นักวิทยาศาสตร์ชาวออสเตรียค้นพบได้รับการตั้งชื่อตามราชินี

เกี่ยวกับ St. Nino - บุคคลในตำนานอีกคน

จากภาพลักษณ์ที่มีชีวิตของเธอ ลูกหลานของเธอเหลืออยู่เพียงเล็กน้อย - ความชั่วร้ายและคุณธรรมของราชินีในตำนานกลายเป็นตำนานและตำนานตามเวลา วันที่ผสมกัน และแหล่งประวัติศาสตร์ขัดแย้งกัน และหากวันนี้ในจอร์เจียพวกเขาตัดสินใจที่จะทำการสำรวจเพื่อหาบุคคลที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในประเทศ Tamara ก็คงจะเป็นเขาอย่างไม่ต้องสงสัย ปราสาทโบราณทั้งหมด สะพานข้ามเหว หอคอย และอาราม ถูกสร้างขึ้นโดยราชินีองค์นี้ ราวกับว่าไม่มีใครในจอร์เจียนอกจากเธอที่สามารถสร้างได้ ราวกับว่ายุคทองได้โหมกระหน่ำไปพร้อมกับชีวิตของเธอ จางหายไปในประเทศและจะไม่กลับมาอีก หรือบางทีทามาราผู้ยิ่งใหญ่อาจกลายเป็นสัญลักษณ์ของพลังสร้างสรรค์ที่แฝงตัวอยู่ในชาวจอร์เจียและด้วยเหตุนี้ข่าวลือจึงกล่าวถึงความสำเร็จใด ๆ ต่อราชินีเพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาดในการประพันธ์โดยไม่ได้ตั้งใจ

Tamara ไม่เพียงแต่สร้างอาณาจักรอันทรงพลังที่ขยายจากแคสเปียนไปจนถึงทะเลดำ - ทั้งก่อนและหลังจอร์เจียมีสิ่งนี้ สถานะที่แข็งแกร่ง- แต่ยังกลายเป็น "แม่ทูนหัว" ของวัฒนธรรมจอร์เจีย มีผู้ปกครองสตรีที่เข้มแข็ง มีอำนาจ อยู่ใต้บังคับบัญชาของประวัติศาสตร์ตามความปรารถนาของตน แต่มีบุคคลเพียงไม่กี่คนที่สามารถสร้างคนทั้งชาติได้ ภายใต้สมเด็จพระราชินีทามาราสัญญาณหลักทั้งหมดของความคิดแบบจอร์เจียถูกสร้างขึ้นภายใต้เธอกวีที่เก่งสถาปนิกผู้ยิ่งใหญ่นักศาสนศาสตร์ที่มีชื่อเสียง ภายใต้การปกครองของเธอ อำนาจของชาวจอร์เจียในสายตาของชุมชนโลกเพิ่มขึ้นจนไม่สามารถบรรลุได้ - เพื่อนร่วมชาติของ Tamara ที่เดินทางไปยังสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ได้รับการยกเว้นจากการบรรณาการ สุลต่านตุรกีและสุลต่านอียิปต์ถือว่าเป็นพรที่จะเชิญนักปีนเขามาเฝ้ายามชั้นยอด กองทหารความบริสุทธิ์และความอดทนของสตรีชาวจอร์เจียเกิดขึ้นในเพลงเอเชียไมเนอร์

ยุคของ Tamara ไม่ได้เริ่มต้นอย่างไร้เมฆและค่อนข้างผิดกฎหมาย แม้ว่าเดวิดผู้สร้างเองเป็นปู่ทวดของเธอ แต่ทามาราก็ไม่มีสิทธิ์ขึ้นครองบัลลังก์ Dmitry Bagration ปู่ของเธอ (กล่าวคือ Tamara ผู้ยิ่งใหญ่ที่อยู่ในราชวงศ์นี้) มีลูกชายสองคน - น้อง George และคนโต David ซึ่งเขาโอนอำนาจในช่วงหลายปีที่ตกต่ำของเขาเสียชีวิตอย่างปลอดภัยเป็นวงกลม ญาติที่รัก. อย่างไรก็ตาม หกเดือนต่อมา เดวิด เสียชีวิตอย่างกะทันหัน โดยอ้างว่ามาจาก สาเหตุตามธรรมชาติซึ่งค่อนข้างจะน่าสงสัยเพราะรู้ถึงเหตุการณ์ต่อไป ผู้สืบทอดตำแหน่งของกษัตริย์จอร์เจียคนสุดท้ายคือมิทรีลูกชายคนเล็กของเขาซึ่งแน่นอนว่าลุงจอร์จรับหน้าที่อุปถัมภ์ เมื่อผู้ปกครองหนุ่มเติบโตขึ้น แน่นอนว่าเขาพยายามจะผลักผู้พิทักษ์ที่ประทับอยู่บนบัลลังก์อย่างเสรี แต่กลับไม่อยู่ที่นั่น พระเจ้าจอร์จที่ 3 ทรงปฏิเสธที่จะให้อำนาจโดยปราศจากความรู้สึกผิดชอบชั่วดี สงครามธรรมดาเริ่มต้นขึ้น เกี่ยวกับระบบศักดินา พลเรือน - มีคนสนับสนุนผู้แสร้งทำเป็นหนุ่ม ซึ่งเป็นผู้ปกครองที่ช่ำชอง ประสบการณ์ชนะ จอร์จที่ 3 ยึดครองคทาแห่งอำนาจจากสาขาเก่าแก่ที่สุดของแบ็กเคชั่น ขณะที่มิทรีหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ตามรายงานบางฉบับ เขาถูกแขวนคอ ตามรายงานอื่นๆ เขาตาบอด ถูกทำร้าย และถูกขับออกจากประเทศ นักอ่านหนังสือชาวจอร์เจียปฏิบัติต่อข้อเท็จจริงนี้ด้วยการถากถางถากถางประวัติศาสตร์ที่ดี พูดว่ามีเขาและถนน อย่างไรก็ตาม บางคนกำลังพยายามที่จะนำพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์มาใช้ - มิทรีคนนี้เป็นคนล้าหลัง ถอยหลังเข้าคลอง ก้าวหน้า และกวาดเขาออกจากหน้าประวัติศาสตร์ ไม่มีอะไรจะทำ มีการปลอบใจเพียงอย่างเดียว - ความยุติธรรมของมนุษย์ไม่ได้รวมเข้ากับความจริงของพระเจ้าเสมอไป และสิ่งที่ดูเหมือนว่าดีสำหรับเราอาจไม่ดีเสมอไป

เห็นได้ชัดว่าทามาราถือกำเนิดขึ้นในช่วงการแบ่งอำนาจที่นองเลือดนี้ ตามที่ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า เธอเกิดระหว่างปี 1164 ถึง 1169 ไม่ค่อยมีใครรู้จักเกี่ยวกับวัยเด็กของเธอ - ส่วนใหญ่เป็นเรื่องราวหวาน ๆ เกี่ยวกับการเชื่อฟังพระเจ้าและความศักดิ์สิทธิ์ ตัวอย่างเช่น เด็กสาวที่ยากจน ถักทอผ้าห่อศพอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยสำหรับคริสตจักรคริสเตียน หรือวิธีที่เธอแบ่งปันเปลือกแข็งสุดท้ายกับคนยากจน เป็นที่ทราบแน่ชัดว่าหญิงสาวเสียแม่ไปตั้งแต่เนิ่นๆ ซึ่งมาจากครอบครัวของเจ้า Ossetian และพ่อซึ่งยุ่งอยู่กับ "การประลองของเขา" มอบหมายให้ Tamara กับ Rusudan ญาติ รูซูดานคนนี้ก็โผล่ออกมาจากหมอกในประวัติศาสตร์ว่าเป็นจุดที่พร่ามัวมาก ไม่ว่าเธอเป็นป้าของทามารา หรือเป็นคนอื่น หรือเธอแต่งงานกับสุลต่าน หรือเจ้าชายรัสเซีย หรือเธอเป็นม่าย หรือ "หย่าร้าง" (แล้ว สิ่งนี้เกิดขึ้นด้วย) แต่ไม่ว่าใครจะเป็นครูของราชินีในอนาคต เธอเป็นผู้หญิงที่โดดเด่น - เธอยังคงสามารถขัดเพชรที่โชคชะตามอบให้เธอได้ Tamara ได้รับการศึกษาที่ยอดเยี่ยมและเห็นได้ชัดว่าตัวละครของเธอเหมาะกับเธอแม้ในช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุดความสงบทางจิตใจและความอดทนไม่เคยทำให้ผู้ปกครองผิดหวัง และทามาราต้องแสดงตัวเมื่ออายุยังน้อย เราไม่เสี่ยงให้วันที่ (แตกต่างกันใน แหล่งต่างๆ) แต่เห็นได้ชัดว่าพ่อสวมมงกุฎลูกสาวโดยรู้สึกว่าเขามีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน บุคคลสำคัญของดาร์บาซี (ที่เรียกว่าการชุมนุมของขุนนางฝ่ายวิญญาณและฆราวาสที่สูงที่สุดซึ่งเป็นตัวแทนของรัฐสภาของจอร์เจียโบราณ) อาจกลัวจอร์จที่ 3 มากจนไม่กล้าพูดอะไรเมื่อเขาเสนอ ผู้หญิงเป็นผู้สืบทอดของเขา “สิงโตมารก็เหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นตัวผู้หรือตัวเมีย” พวกเขายกย่องเผด็จการ แต่ใครๆ ก็นึกภาพออกว่าเจ้าหน้าที่หาทางแก้แค้นเด็กสาวอย่างไรเมื่อเธอถูกทิ้งให้อยู่ตามลำพัง เป็นที่ทราบกันว่า Tamara กลายเป็นผู้ปกครองเพียงคนเดียวเมื่ออายุ 15 ถึง 20 ปี หญิงสาวคนนี้สามารถระงับประเทศศักดินาป่าเถื่อนและชายชาวตะวันออกที่ร้อนแรงได้อย่างไรยังคงเป็นความลับกับแมวน้ำทั้งเจ็ด สิ่งหนึ่งที่ชัดเจนสำหรับสิ่งนี้จำเป็นต้องมีคุณสมบัติที่โดดเด่นและนอกเหนือจากความแข็งแกร่งของตัวละครแล้วยังมีไหวพริบไหวพริบและมีไหวพริบ Tamara เริ่มการประชุมสภาของรัฐครั้งแรกด้วย "การเปลี่ยนแปลงบุคลากร" ที่ยากลำบาก ในฐานะผู้ช่วย เธอได้เรียกนักศาสนศาสตร์ที่ฉลาดที่สุดจากกรุงเยรูซาเล็ม คาทอลิกอส นิโคไล กูลาบริดเซ และถึงแม้เธอจะยังรับมือกับพระสังฆราชมิเคเล่ผู้เกลียดชังซึ่งดำรงตำแหน่งในรัฐบาลหลายแห่งด้วยก็ตาม ทามาราอย่างระมัดระวัง ค่อยๆ นำเรือแห่งการปกครองของเธอเข้ามา แนวทางที่ถูกต้องสำหรับเธอ . . เธอไม่ได้ดุร้ายเป็นพิเศษ เธอรู้มาตรการ แต่เมื่อจำเป็น เธอรู้วิธีที่จะแกร่ง เธอได้กีดกันผู้กระทำผิดอย่างไร้ความปราณี ขุนนางที่ดื้อรั้นในยศและอภิสิทธิ์ ริบทรัพย์สินและมอบที่ดินให้ เธอยังเด็กและอยู่คนเดียว และกำลังมองหาคนที่ใช่เพื่อพึ่งพาอาศัย ในสถานการณ์เช่นนี้ ความสามัคคีของหัวใจที่เปี่ยมด้วยความรักควรเป็นสิ่งที่มีค่าที่สุด แต่ทามาราไม่โชคดีกับสามีคนแรกของเธอ เมื่อพิจารณาจากแนวความคิดที่ยอดเยี่ยมของโชตะ รัสตาเวลี ผู้ซึ่งอาจจะหลงรักผู้ปกครองอย่างหลงใหล นางเอกของเราเป็นตัวอย่างที่สมบูรณ์แบบของความงามของผู้หญิง “ลูกปัดคือดวงตาของ Tamara กรอบของเธอเป็นคริสตัลเรียว การจ้องมองของเธอน่ากลัวกว่าการลงโทษของพระเจ้า ... ดอกยาง ความสง่างามของการเคลื่อนไหวทั้งหมดนั้นสง่างามเหมือนสิงโตเหมือนราชินีที่แท้จริง” และอย่าทำให้คุณรู้สึกอับอายกับพลังของรูปลักษณ์ (ไม่ใช่ความอับอายทางร่างกายของราชินีที่กวีหมายถึง) ของ Tamara แต่ผู้ปกครองหลายคนชักชวนเธอ - เธอเป็นอาหารชิ้นเล็กชิ้นน้อยสำหรับเจ้าบ่าวที่สวมมงกุฎ

ทำไมเธอถึงเลือกเจ้าชายรัสเซียที่โชคร้าย? ตอนนี้เป็นการยากที่จะสร้างความจริง ตามฉบับหนึ่ง การแต่งงานของ Tamara ถูกกำหนดโดยการพิจารณาทางการเมือง อ้างอิงจากความโกรธของ Michele ผู้ซึ่งฝันว่าจะทำร้ายราชินีผู้เกลียดชังและยืนยันที่จะแต่งงานครั้งนี้ สิ่งหนึ่งที่ไม่ชัดเจน จะได้รับประโยชน์อะไรจากการเป็นพันธมิตรกับเจ้าชายที่อัปยศและโง่เขลา? ยูริเป็นบุตรชายของเจ้าชาย Andrei Bogolyubsky ผู้โด่งดัง Vladimir Suzdal ผู้ซึ่งจบชีวิตด้วยมีดของวิชาของเขาเองด้วยความช่วยเหลือจากภรรยาสาว หลังจากการตายของเขา การต่อสู้เพื่ออำนาจตามปกติเริ่มขึ้นระหว่างญาติพี่น้อง ผู้ที่ได้รับการคัดเลือกของ Tamara ไม่ได้ไปที่รายการโปรดของการต่อสู้ครั้งนี้ ชะตากรรมของคนร้ายส่งเขาไปพเนจรไกลและวิ่งผ่านดินแดนต่างประเทศ ดังนั้นยูริกับบริวารตัวน้อยและคนรับใช้ที่ซื่อสัตย์จึงลงเอยด้วยชนเผ่าเร่ร่อน Kipchak บนชายฝั่งของ Pontus (ทะเลดำ) ซึ่งผู้จับคู่ของราชินีพบเขา ตามพงศาวดาร Tamara ไม่รีบร้อนที่จะแต่งงานกับผู้ชายที่เธอไม่รู้จัก แต่ยอมจำนนต่อการยืนกรานของที่ปรึกษาของรัฐ

การแต่งงานสองปีครึ่งนำความอับอายและความทุกข์ทรมานมาสู่ราชินี ยูรินอกจากความมึนเมาและความรื่นเริงแล้ว ยังหลงไปกับบาปแห่งการเล่นสวาทซึ่งทำให้ทามาราต้องเลิกรากับคู่สมรสที่โชคร้ายของเธอ “ฉันไม่ควรพักผ่อนใต้ร่มเงาของต้นไม้ที่เสียหาย” เธอประกาศ และไล่ยูริออกจากอาณาจักร เจ้าชายรัสเซียผู้ถูกข่มเหงตัดสินใจแก้แค้นภรรยาที่ดื้อรั้นของเขา เขาไปที่กรุงคอนสแตนติโนเปิลและรวบรวมกองทัพเพื่อรณรงค์ต่อต้านจอร์เจีย ในการระบาดของสงคราม อดีตสามีศัตรูของ Tamara เข้าร่วมด้วย - ขุนนางศักดินาในท้องถิ่นที่กระตือรือร้นที่จะแก้แค้นราชินีสำหรับสิทธิพิเศษที่ถูกพรากไป แต่ผู้หญิงที่กล้าหาญก็สามารถเอาชนะข้อพิพาทนี้ได้ ในความทรงจำของการแต่งงานที่ไม่ประสบความสำเร็จเธอให้อภัยยูริและส่งเขาออกจากประเทศอีกครั้ง แต่การสูญเสียไม่ได้สอนอะไรเจ้าชาย แต่เพียงทำให้ความทะเยอทะยานของเขาอบอุ่นขึ้น เขาดำเนินการรณรงค์ครั้งที่สอง ซึ่งจบลงด้วยความล้มเหลวสำหรับเขา นอกจากนี้ ชื่อของเขาหายไปในป่าประวัติศาสตร์ บางทีเขาอาจจะเบื่อ Tamara กับความโง่เขลาและความสำคัญของเขา และเธอก็พบวิธีที่จะจัดการกับเขา

นางเอกของเราไม่ได้ทดลองกับการแต่งงานอีกต่อไป เธอเชื่อมโยงชีวิตของเธอกับสิ่งที่พิสูจน์และคุ้นเคยกับเธอ ปฐมวัยชาย. Tamara และ David ได้รับการเลี้ยงดูโดยป้า Rusudan แหล่งข้อมูลบางแห่งถึงกับพิจารณาว่าดาวิดเป็นบุตรของรูซูดาน นักประวัติศาสตร์คนอื่นๆ อ้างว่านางเอกของเราหลงรักเพื่อนเล่นของเธอตั้งแต่ยังเป็นทารก ไม่ทางใดก็ทางหนึ่งการแต่งงานของพวกเขากลับกลายเป็นว่ามีความสุขและสร้างสรรค์อย่างมาก ชัยชนะที่ดังที่สุดของ Tamara การกระทำที่ยิ่งใหญ่ทั้งหมดของเธอเชื่อมโยงกับชื่อของ David การต่อสู้ของ Shamkhor ที่ราชินีได้รับคืออะไร? หลายศตวรรษต่อมา ระหว่างการจับกุมคาซาน Ivan the Terrible เล่าถึงการต่อสู้อันยอดเยี่ยมเพื่อเป็นตัวอย่างที่น่าติดตาม

กษัตริย์แห่งเปอร์เซีย Abubakar ทำให้การรณรงค์มีลักษณะทางศาสนาโดยบดบังกองทัพขนาดใหญ่ของเขาด้วยธงของชาวมุสลิมอันศักดิ์สิทธิ์ Tamara ในฐานะผู้ปกครองที่ชาญฉลาดไม่ได้พึ่งพาความสามารถทางการทหารของเธอ แต่เธอสามารถสร้างกองทัพจอร์เจียที่สมบูรณ์แบบได้ ทั้งประเทศถูกแบ่งออกเป็น 9 อำเภอ แต่ละเขตมี eristava (ผู้ว่าราชการ) และ spasalar (ผู้บัญชาการ) ที่ราชสำนักของราชินี กองทัพประจำจำนวนหกหมื่นคนที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดีได้รับเงินเดือนที่เหมาะสม ดังนั้น หากจำเป็น กองกำลังติดอาวุธที่เกี่ยวข้องกับผู้เชี่ยวชาญและในการกำจัดราชินีก็เป็นหนึ่งในกองทัพที่ทรงอิทธิพลที่สุดในเวลานั้น และถ้าเราเพิ่มวินัยที่เข้มงวดที่สุดที่ Tamara จัดตั้งขึ้นในกองทัพและความจริงที่ว่าราชินีเองทำหน้าที่เป็นผู้สร้างแรงบันดาลใจและผู้จัดงานแห่งชัยชนะ กองเรือดังกล่าวถือได้ว่าอยู่ยงคงกระพัน ตัวเธอเองดังที่ได้กล่าวไปแล้วไม่ได้มีส่วนร่วมในการต่อสู้ - การต่อสู้นำโดยจอมพลแซคคารีผู้ซื่อสัตย์และเดวิดสามีที่รักของเธอ แต่สง่าราศีของชัยชนะทั้งหมดตกเป็นของผู้ปกครองที่รักของประชาชน

Abubakar ประสบความพ่ายแพ้อย่างรุนแรง Tamara นำศาลมุสลิมที่พ่ายแพ้เป็นของขวัญให้กับราชินีแห่งสวรรค์ไอคอน Khakhul มารดาพระเจ้าและวางไว้ในอารามของเจลาติ ถ้วยรางวัลสงครามและบรรณาการอันยิ่งใหญ่ทำให้จอร์เจียเป็นประเทศที่ร่ำรวยที่สุดในโลกยุคกลาง แต่ Tamara ไม่ยอมแพ้ต่อความหรูหรา เธอเปลี่ยนสมบัติที่ได้รับให้เป็นป้อมปราการใหม่ ถนน สะพาน วัด เรือ โรงเรียน ด้วยความระมัดระวังเป็นพิเศษ สมเด็จพระราชินีทรงดูแลการศึกษา - เธอสนับสนุนผู้ถือทุนการศึกษา 60 รายของอาราม Athos พร้อมกัน คุณภาพการสอนในโรงเรียนจอร์เจียสูงผิดปกติ วิชาบังคับเพียงรายการเดียวที่นักเรียนศึกษาทำให้เกิดความเคารพและความชื่นชม - เทววิทยา ปรัชญา ประวัติศาสตร์ กรีก ฮิบรู การตีความข้อความกวี การศึกษาการสนทนาอย่างสุภาพ เลขคณิต โหราศาสตร์ การเขียนบทกวี

ราชสำนักของพระราชินีไม่ใช่การชุมนุมตามธรรมเนียมของการนินทาทางโลก ความงามที่ว่างเปล่า และผู้สนใจที่ร้ายกาจ แต่เป็นท้องฟ้าที่ปกคลุมไปด้วย "ดวงดาว" แห่งกวีนิพนธ์ สถาปัตยกรรม และปรัชญา Tamara ไม่ได้มีความสุขจากการเที่ยวกลางคืน ไม่ใช่จากการดวลของอัศวิน แต่จากการแข่งขันของกวีที่เก่งที่สุด จากข้อพิพาททางปรัชญาที่ยาวนาน ราชินีรับกวีผู้โดดเด่น Sargis Tmogveli เป็นเลขานุการของเธอและในการรณรงค์ทางทหาร Tamara ก็มาพร้อมกับพระกวี Shavteli แต่ไข่มุกที่ดีที่สุดในสร้อยคอนี้คือ โชตะ รัสตาเวลีที่ยอดเยี่ยม เห็นได้ชัดว่าเขารักราชินี แต่ไม่ต้องการเป็นส่วนหนึ่งของ รักสามเส้า. โชตะออกจากจอร์เจียและกลายเป็นพระภิกษุ

Tamara เสียชีวิตเมื่อยังเป็นหญิงสาว ตามพงศาวดารที่เป็นพยาน จากความเจ็บป่วยที่ร้ายแรงและยาวนาน จนถึงปัจจุบัน ชาวจอร์เจียจากภูมิภาคต่างๆ ได้แสดงหลุมฝังศพต่อแขกที่มาเยี่ยมเยียน ทามาราผู้ยิ่งใหญ่. แต่นักประวัติศาสตร์ถือว่าห้องใต้ดินของตระกูล Bagration ในเมือง Gelati เป็นสถานที่พักผ่อนสำหรับราชินีมากที่สุด และตามเอกสารจากหอจดหมายเหตุของวาติกัน ปรากฎว่าทามาราถูกฝังในอารามจอร์เจียโบราณในกรุงเยรูซาเล็ม นอกจากนี้ยังพบภาพปูนเปียกที่วาดภาพชายสูงอายุชื่อโชตะ รัสตาเวลีที่นั่นด้วย เห็นได้ชัดว่ากวีตัดสินใจว่าผู้ที่ชีวิตเป็นของโลกมาโดยตลอดซึ่งเป็นกิจการของรัฐที่คึกคักในอีกมิติหนึ่งควรรวมตัวกับรำพึงของเขา

ฉันจะร้องเพลงเกี่ยวกับความรัก - คุณจะไม่ฟัง

ดวงดาวจะเล่นกับแสงของพวกมัน

และทะเลทรายเหมือนแม่ที่อ่อนโยน

เขาจะเปิดแขนของเขาให้ฉัน!

ฉันกำลังไป - ขอโทษ!

ไม่มีรางวัลที่น่ารังเกียจ

ฉันจะสร้างให้เสร็จ:

แต่จะได้รับการยืนยัน

ลูกหลานของเรา -

ขอให้ชื่อของคุณรุ่งโรจน์!

นี่คือวิธีที่กวีชาวรัสเซีย Y. Polonsky เขียนเกี่ยวกับความรักของ Tamara และ Shota Rustaveli