ดอกไอริสยืนต้น: ภาพถ่ายและคำอธิบายของพันธุ์การปลูกและการดูแลรักษา ไอริส เคราสีน้ำเงิน เหว

เป็นเวลากว่าหนึ่งศตวรรษครึ่งที่ดอกไอริสที่กำลังเติบโต มีหลายพันธุ์ที่ได้รับการอบรมมา หนึ่งในนั้นคือม่านตาเครา พวกเขาได้ชื่อมาจากสิ่งที่เรียกว่าเคราซึ่งอยู่บริเวณส่วนนอกของเพอแรนท์

บนพื้นฐานของพืชที่เป็นของสายพันธุ์นี้ ลูกผสมจำนวนมากได้รับการอบรมและนำไปใช้ใน วัตถุประสงค์ในการตกแต่ง. ความหลากหลายนี้รวมถึงไอริสดอกใหญ่จำนวนมาก พืชเหล่านี้แบ่งออกเป็นหลายกลุ่มขึ้นอยู่กับความสูงของก้านช่อดอก: เตี้ยถึงความสูง 25 ถึง 37 ซม. ขนาดกลาง - จาก 37 ถึง 70 ซม. และสูง - จาก 70 ซม. ขึ้นไป

ไอริสเครา: พันธุ์และพันธุ์

ผู้ปลูกดอกไม้มักจะปลูกไอริสเคราพันธุ์ต่าง ๆ เช่น:

• ไอริส อัลเบอร์ตา. ในความหลากหลายนี้ ก้านช่อดอกจะแตกแขนงออกสูงถึง 60 ซม. ใน 1 ต้นมีดอก 3-5 ดอกหรือน้อยกว่านั้นเพียง 7 ดอกเท่านั้นที่สามารถออกดอกซึ่งมีสีม่วงและไม่มีกลิ่น ไม่ค่อยมีดอกสีขาว ใบกว้างและมีสีม่วงอมม่วงที่โคน พันธุ์ไม้นี้จะเริ่มบานในปลายเดือนพฤษภาคม - ต้นเดือนมิถุนายน ม่านตานี้ทนต่อฤดูหนาวได้ดีและทนต่อแบคทีเรีย จริงอยู่ไม่ใช่ว่าไม่มีข้อบกพร่อง - ปลายใบมักจะแห้งและเสื้อคลุมของมันก็บวม ดอกไม้นี้ดูดีในสวนด้านหน้าหรือบนเนินเขาที่เป็นหิน
• ไอริสไม่มีใบ ถึงความสูง 50 ซม. มีดอกสีม่วงสดใส 3-5 ดอกบานโดยมีกลิ่นเล็กน้อย ใบเป็นรูปเคียวซึ่งจะตายเมื่อเข้าสู่ฤดูหนาวและเติบโตอีกครั้งในฤดูใบไม้ผลิหลังจากก้านช่อดอกซึ่งเป็นสาเหตุที่พืชชนิดนี้ได้ชื่อมา มักใช้ในการผสมพันธุ์พันธุ์ขนาดกลาง เริ่มบานกลางเดือนพฤษภาคม ไม่กลัวหน้าหนาว ในหลายภูมิภาคในธรรมชาติในยุคของเราเริ่มหายไป

• ไอริสซีด สปีชีส์นี้มีความสูงและยาวได้ถึง 80 ซม. ดอกมีสีฟ้าอ่อน มีกลิ่นหอมแรง บนก้านดอกสั้นมาก ใบมีลักษณะบางแห้งและเป็นสนิมมีสีเทาเคลือบด้วยขี้ผึ้ง พันธุ์นี้จะบานในต้นเดือนมิถุนายน มักใช้ในการผลิตธาตุเหล็ก กล่าวคือ น้ำมันดอกไม้ ความหลากหลายนี้กลัวน้ำขังจึงจำเป็นต้องปฏิบัติตามมาตรการเมื่อรดน้ำ
• ไอริสแคระ. ส่วนใหญ่มักพบทางตอนใต้ของยูเครนและคอเคซัสเหนือ ก้านช่อดอกมีความสูงเพียง 3 ถึง 5 ซม. ดอกมีสีเหลืองอ่อน ฟ้าอมม่วงหรือขาวน้อยมาก ไม่มีกลิ่น ใบยาวถึง 10 ซม. พืชชนิดนี้จะบานในต้นเดือนพฤษภาคมและเป็นบรรพบุรุษของดอกไอริสแคระ

• ไอริส ผสม. สูงถึง 45 ถึง 55 ซม. มันบานจากดอกไม้สีน้ำตาลแดงสองสี 3 ถึง 6 ดอกใกล้กับขอบและมีสีเหลืองอยู่ภายในดอกไม้ ใบกว้างบางครั้งโค้งเป็นรูปเคียว เริ่มบานในที่สุด พฤษภาคม - ต้นมิถุนายน. มันถ่ายทอดลักษณะพันธุ์ของมันอย่างสมบูรณ์แบบไปยังลูกหลาน
• ไอริสมีเขา คล้ายกับไอริสที่ไม่มีใบ มันมีก้านกิ่งบาง ๆ ซึ่งมีดอกสีม่วงเข้มขนาดเล็กเกิดขึ้น ใบจะตรงและแคบ ออกดอกช่วงปลายเดือนพฤษภาคม - ต้นเดือนมิถุนายน
• ไอริส ฟลอเรนซ์. เขามีก้านช่อดอกสูงยาวถึง 70 ซม. ซึ่งมีตั้งแต่ 5 ถึง 8 ดอกสีฟ้าอ่อนมีกลิ่นหอม ใบมีสีเทาและมีขนาดใหญ่ บุปผาในปลายเดือนพฤษภาคมทำซ้ำเฉพาะทางพืช มันจะต้องครอบคลุมสำหรับฤดูหนาว

ไอริสเครา: photo

อ่านเพิ่มเติม:

• ดอกบานต่อเนื่อง
• ดอกไม้ที่ไม่โอ้อวดสำหรับการให้
• ทำไมไอริสถึงไม่บาน?

ไอริสเครา: การปลูกและการดูแลรักษา

คุณต้องปลูกไอริสหลากหลายชนิดในที่ที่มีแสงแดดส่องถึงซึ่งได้รับการปกป้องจากลม ดินที่พวกเขาชอบหนัก เปรี้ยว และชื้น วิธีที่ดีที่สุด- ดินที่เป็นด่างหรือเป็นกรดเล็กน้อย หากดินมีน้ำขังมากก็จำเป็นต้องระบายน้ำ พันธุ์ไม้เหล่านี้เจริญเติบโตได้ดีบนดินหินและเตียงสูง

ให้ปุ๋ยดินอย่างไม่เห็นแก่ตัว ปุ๋ยอินทรีย์ทำไม่ได้ครับ มันสามารถทำให้เกิดโรคต่างๆ ได้ ในกระบวนการปลูกคุณไม่สามารถฝังรากลึกลงไปในดินไม่เช่นนั้นม่านตาจะไม่บานเพราะต้องใช้แรงมากในการผลักเหง้าขึ้นสู่ผิวน้ำและในกรณีที่เลวร้ายที่สุดมันจะเน่าและ ตาย. ก่อนปลูกคุณต้องขุดหลุมเล็ก ๆ และเทกองเล็ก ๆ ตรงกลางซึ่งรากจะตั้งอยู่ หลังจากเหง้าคุณต้องโรยทราย 1-2 ซม. และรูด้วยตัวเอง - ด้วยดินและกะทัดรัดเล็กน้อย ทิศทางของเหง้าที่ดีที่สุดในระหว่างการปลูกคือทางใต้ดังนั้นรากจะอุ่นขึ้นซึ่งเป็นการป้องกันโรคต่างๆ

หากพื้นที่สวนมีขนาดเล็กก็ไม่จำเป็นต้องปลูกพืชใกล้เกินไป การแออัดจะทำให้พืชอ่อนแอลงซึ่งนำไปสู่การพัฒนาของโรคและการปิดใบอย่างรวดเร็ว

ควรปลูกไอริสเคราพันธุ์สูงที่ระยะห่าง 50 ซม. จากกันและกันและคนแคระ - 30 ซม. หากไอริสเติบโตในที่เดียวเป็นเวลานานควรให้ปุ๋ยแร่ธาตุเป็นประจำ ในต้นฤดูใบไม้ผลิคุณสามารถใช้ nitroammophoska แล้วใช้ปุ๋ยฟอสฟอรัส - โพแทสเซียมเท่านั้น (ควรทำน้ำสลัดด้านบน 2 ก่อนที่ตาจะปรากฏขึ้นและ 3 - เมื่อสิ้นสุดการออกดอก) ไนโตรเจนส่วนเกินกระตุ้นการเจริญเติบโตของราก ซึ่งทำให้เสี่ยงต่อฤดูหนาวและน้ำค้างแข็งรุนแรง

ไอริสเคราควรกำจัดวัชพืชเป็นประจำ แต่ไม่ลึกเพราะรากของพวกมันเกือบจะอยู่บนพื้นผิว กำจัดดอกไม้เหล่านี้ตั้งแต่ครึ่งหลังของเดือนสิงหาคม ดีกว่าด้วยมือ. ไอริสไม่ต้องการการรดน้ำมากควรรดน้ำให้หมดเมื่อดินแห้งเท่านั้น จำเป็นต้องให้น้ำเมื่อย้ายปลูกหรือในช่วงที่แห้งเกินไป

หนึ่งใน จุดสำคัญในการเพาะเลี้ยงไอริสเคราคือการฟื้นฟู ได้แก่ การปลูกถ่ายและทำให้รากผอมบาง ดังนั้นพวกเขาจะได้รับความต้านทานต่อโรคเพิ่มเติม

โรคไอริสเคราและการรักษา

โรคที่อันตรายที่สุดสำหรับพืชคือแบคทีเรียหรือโรครากเน่า ก่อนอื่นใบไม้เปลี่ยนสีแล้วปลายแห้งและเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล ในส่วนของลำต้นจากที่ที่พวกมันเติบโตจะเกิดการเน่าซึ่งต่อมาจะผ่านไปยังเหง้า พัดใบไม้เน่าและร่วงมาจากราก กลิ่นเหม็นและกลายเป็นมวลอ่อน

เพื่อหลีกเลี่ยงการปรากฏตัวของโรคนี้เมื่อทำการย้ายปลูกจำเป็นต้องตรวจสอบวัสดุทั้งหมดและรักษาส่วนต่าง ๆ ของพืชด้วยสารละลายโพแทสเซียมเปอร์แมงกาเนตที่แข็งแกร่ง ระหว่างวันควรตากรากของพืชที่ปลูกไว้ตากแดดดีกว่าเพราะแบคทีเรียชนิดนี้กลัวแสงแดด

หากพบโรคในม่านตาที่กำลังเติบโต คุณจะต้องตัดบริเวณที่ได้รับผลกระทบออกด้วยมีดคมสะอาด หล่อเลี้ยงบาดแผลและโรยผงดาวหางซึ่งใช้สำหรับใช้ในครัวเรือน การฝังรากตื้นในระหว่างการปลูกและการใช้ปุ๋ยโปแตชและฟอสฟอรัสกับดินที่มีธาตุจะเพิ่มความต้านทานของพืชเหล่านี้ต่อโรค

โรคไอริสเคราอีกชนิดหนึ่งคือจุดใบ มันสามารถเกิดขึ้นได้เนื่องจากดินชื้นมากเกินไป ใบด้านนอกได้รับผลกระทบก่อน เกิดจุดขึ้นซึ่งจะค่อยๆเติมพื้นผิวทั้งหมด ควรกำจัดใบดังกล่าวทันที แต่ถ้าแยกออกจากรากได้ง่าย ไม่แนะนำให้สัมผัสใบที่แข็งแรงเพื่อหลีกเลี่ยงการปรากฏตัวของบาดแผลที่เชื้อโรคของแบคทีเรียแทรกซึม

การป้องกันที่ดีต่อโรคนี้คือการฉีดพ่นไอริสด้วยสารละลาย "Arceride" หรือ "Polychoma" 2-3 ครั้งก่อนที่จะเกิดโรค

ค่อนข้างหายากและสัมพันธ์กัน โรคใหม่ไอริสเครา - นี่คือเกรียม ในช่วงกลางฤดูปลูก ใบจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล แห้งและงอ และรากจะแข็งและแห้ง สาเหตุของโรคนี้ยังไม่ได้รับการระบุรวมถึงมาตรการในการต่อสู้กับโรคนี้ พืชที่ป่วยจะต้องขุดด้วยก้อนดินแล้วเผาและสถานที่เติบโตควรรักษาด้วยฟอร์มาลินหรือมะนาว

เตรียมไอริสเคราสำหรับฤดูหนาว

ไอริสเคราสามารถทนต่อน้ำค้างแข็งรุนแรงได้ดีและมีหิมะปกคลุมที่มั่นคง แต่การเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิอย่างกะทันหันทั้งในฤดูหนาวและในช่วงฤดูใบไม้ร่วงฤดูหนาวส่งผลเสียต่อพืช น้ำค้างแข็งในฤดูใบไม้ผลิเป็นอันตรายอย่างยิ่งหลังจากวันที่อากาศอบอุ่น ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ดอกไม้ออกจากโหมดจำศีลแล้ว ฝนในฤดูใบไม้ร่วงที่ยืดเยื้อก็ส่งผลเสียต่อดอกไอริสเช่นกันเพราะพวกเขาต้องเข้าสู่ฤดูหนาวที่แห้งแล้ง

หากต้นไม้ได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม พวกมันก็จะเติบโตและเติบโตได้ดี ในเวลานี้พื้นที่ว่างในแปลงดอกไม้สามารถปลูกด้วยพืชฤดูร้อนที่มีกระเปาะขนาดเล็กที่ไม่ได้หว่านด้วยตนเอง นี่จะเป็นส่วนเสริมที่ยอดเยี่ยมสำหรับดอกไม้ แต่ถึงแม้จะไม่มีดอกไอริสที่กำลังบาน https://site/dom-i-xobbi/czvetovodstvo/sadovye-tsvety/pochemu-ne-tsvetut-irisy ก็เป็นภาพที่ยอดเยี่ยม ข้อดีหลักคือไม่จำเป็นต้องปลูกทุกปีคุณสามารถปกปิดได้ดีสำหรับฤดูหนาว

37 578 เพิ่มในรายการโปรด

เมื่อเร็ว ๆ นี้ผู้ชื่นชอบดอกไอริสยืนต้นปลูกพันธุ์ไม่มีเครามากขึ้น แต่แฟน ๆ ของคลาสสิกชอบการปลูกไอริสเครา - ดอกไม้ที่สวยงามและเข้มงวดด้วยกลีบดอกไม้ขนาดใหญ่ในรูปแบบของ "ลิ้น" หรือ "เครา" ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่โดดเด่นของพืชชนิดนี้ "ไฮไลท์" โดยการจัดกลุ่มพันธุ์ไอริสตามเวลาออกดอก คุณสามารถตกแต่งได้ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมถึงกรกฎาคม

ในธรรมชาติมีดอกไม้ที่นำเราอย่างราบรื่นตั้งแต่ฤดูใบไม้ผลิถึงฤดูร้อน อันดับแรก, ในต้นฤดูใบไม้ผลิ, ดอกไอริสป่าบานสะพรั่ง พวกมันถูกแทนที่ด้วยดาวแคระ "มีหนวดเครา" และสเปอร์เรีย และภายในสิ้นเดือนพฤษภาคม สวนก็ส่องแสงระยิบระยับไปด้วยสีสันของรุ้งด้วยไอริสที่มีเคราสูงหลายสายพันธุ์ ในเดือนมิถุนายน ซึ่งเป็นการมาถึงของฤดูร้อน เรามีความยินดีกับความสง่างามของไซบีเรียนและญี่ปุ่น

ม่านตาไม้ยืนต้นเป็นของตระกูลไอริสหรือไอริส มีประมาณ 200 สายพันธุ์ที่เติบโตในยุโรป เอเชีย แอฟริกา อเมริกาเหนือ ในศตวรรษที่ XX ดอกไอริสได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางจากผู้ปลูกดอกไม้ในหลายประเทศ และในแง่ของจำนวนพันธุ์ (มากกว่า 35,000) วัฒนธรรมนี้ได้มาถึงสถานที่แรกๆ

คุณสามารถตัดสินได้ว่าม่านตามีลักษณะอย่างไรจากจิตรกรรมฝาผนังที่เก่าแก่ที่สุด ประวัติของดอกไม้นี้ย้อนกลับไปหลายศตวรรษ ไอริสได้รับการปลูกฝังในสวนของฟาโรห์อียิปต์ ที่ กรีกโบราณพวกเขาปลูกทั้งทุ่ง เนื่องจากความหลากหลายของสี พืชจึงได้รับชื่อ "ไอริส" ซึ่งในภาษากรีกหมายถึง "รุ้ง" ชาว Hellenes โบราณต่างตกตะลึงกับไอริสและถือว่าพวกเขาเป็นผู้ส่งสารของเทพธิดา Irida ผู้มีปีกสีทองผู้ส่งสารของเหล่าทวยเทพผู้แปลความประสงค์ของพวกเขา

ดอกไอริสดึงดูดผู้คนไม่เพียงแค่ดอกไม้ที่สวยงามเท่านั้น พวกเขามีค่าเป็น พืชสมุนไพร, น้ำหอมและวัตถุดิบทำขนม

ไอริส- พืชเหง้ายืนต้น เหง้าตั้งอยู่ขนานกับระดับดินที่ระดับความลึกตื้นและมีดอกไอริสเคราโผล่ขึ้นมาที่ผิวน้ำ เหง้าที่มีสต็อก สารอาหาร, ประกอบด้วยลิงค์รายปี การเชื่อมโยงที่สร้างขึ้นใหม่จบลงด้วยพวงของใบนั่งที่ตายทุกปี ใบมีลักษณะกว้างหรือแคบ เป็นรูปตรงหรือโค้งพระจันทร์เสี้ยว ส่วนใหญ่มักเก็บเป็นมัดรูปพัด มักเป็นสีเขียวอ่อนในฤดูใบไม้ผลิ และจะเข้มขึ้นในฤดูร้อน

และคำอธิบายของเคราไอริสแตกต่างกันอย่างไร พันธุ์ลูกผสม? ในพืชเหล่านี้ใบมักจะเป็นสีเทาด้วยการเคลือบแว็กซ์และตามกฎแล้วจะคงอยู่จนถึงปลายฤดูใบไม้ร่วง ดังนั้นไอริสจึงตกแต่งสวนไม่เพียงในช่วงออกดอกเท่านั้น

ก้านช่อดอกมีตั้งแต่ 1 ถึง 10 ดอกขึ้นไป จำนวนสาขาขึ้นอยู่กับชนิดและความหลากหลาย ความสูงของลำต้นในสายพันธุ์ต่างๆ จะแตกต่างกันอย่างมาก - จาก 15 ซม. ในม่านตาแคระถึง 2 ม. ในบึง

ดอกไม้ที่โดดเด่นด้วยความสง่างามและความวิจิตรตระการตาเป็นพิเศษ ประกอบด้วยกลีบเลี้ยง 6 กลีบ จัดเป็น 2 ชั้น โดยกลีบชั้นนอกสามกลีบโค้งลง และกลีบด้านในสามกลีบถูกยกขึ้นเป็นโดม Perianth เซ็กเมนต์ถูกปรับใช้ในลักษณะที่มองเห็นรายละเอียดของ "กลีบดอกไม้" แต่ละอัน ดอกไอริสมีลักษณะอย่างไร? พันธุ์เครา? บนกลีบล่างของพวกเขามีขนที่อ่อนนุ่มคล้ายเคราซึ่งให้ชื่อแก่กลุ่ม

ดอกไอริสมีความโดดเด่นในเรื่องความแวววาวของกลีบดอกไม้ที่ส่องประกายระยิบระยับอย่างลึกลับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจะสังเกตเห็นได้ชัดเจนโดยเฉพาะอย่างยิ่งในแสงตะวันเฉียงหรือภายใต้แสงไฟ นี่เป็นเพราะโครงสร้างพิเศษของเซลล์ที่เน้นแสง เช่น เลนส์ออปติคอลขนาดเล็ก ไม่น่าแปลกใจในสมัยก่อนอัญมณีสีรุ้งบางอัญมณีถูกเรียกว่าไอริส

สีของดอกไม้มีความหลากหลายผิดปกติ มีไอริสสีดำที่นุ่มนวลและลึกลับอย่างเคร่งขรึม แต่ไม่มีความลึกลับน้อยกว่าคือความแวววาวของดอกไม้สีขาวและสีฟ้าอ่อนที่เปล่งประกายซึ่งชวนให้นึกถึงความโปร่งใสของน้ำแข็งหรือคริสตัล และระหว่างสีขาวกับสีดำ - มีทั้งสีน้ำเงิน ม่วง ชมพู เหลือง แดง และสม่ำเสมอ เฉดสีน้ำตาล. ทั้งภาพวาดและการถ่ายภาพไม่ได้สื่อถึงการเล่นสี พื้นผิว ลายเส้นที่สง่างามของดอกไม้เหล่านี้ได้อย่างเต็มที่ ไม่น่าแปลกใจที่ไอริสจะถูกเปรียบเทียบกับ

ดูว่าม่านตามีลักษณะอย่างไรในภาพถ่ายเพื่อชื่นชมความงามของพืชชนิดนี้อีกครั้ง:

เงื่อนไขในการปลูกไอริสเครา

ตอนนี้ได้เวลาเรียนรู้ว่าไอริสเติบโตอย่างไร แปลงบ้าน. สำหรับดอกไอริสเคราไฮบริด ให้เลือก สถานที่ที่มีแดดป้องกันจากลมแรง พวกเขาสามารถทนต่อแสงบางส่วนจากต้นไม้ พันธุ์ส่วนใหญ่มีมาก ดอกไม้ขนาดใหญ่ซึ่งลมพายุฝนจะเป็นอันตรายอย่างยิ่ง ดังนั้นในช่วงที่มีการออกดอกเป็นจำนวนมากในสภาพอากาศที่มีลมแรงและมีฝนตกจึงจำเป็นต้องมีสายรัดถุงเท้า

อีกหนึ่ง เงื่อนไขสำคัญสำหรับการปลูกไอริส - การปรากฏตัวของแสงดินร่วนปน หากดินบนพื้นที่หนัก จะต้องปรับปรุงโดยการเติมทรายและพีท ที่ ดินที่เป็นกรดเพิ่มขี้เถ้าไม้ ก่อนปลูกควรขุดพื้นที่ด้วยดาบปลายปืนพลั่วและกำจัดวัชพืชทั้งหมดอย่างระมัดระวัง ใช้ปุ๋ยคอกที่ความลึก 20-25 ซม. โดยไม่ต้องผสมกับดิน

ไอริสกลัวความชื้นมากเกินไป จึงเติบโตได้ดีที่สุดในพื้นที่ที่มีระดับต่ำ น้ำบาดาล. อย่างไรก็ตามในช่วงออกดอกและออกดอก ความต้องการน้ำเพิ่มขึ้น รดน้ำดีในเวลานี้ช่วยยืดอายุการออกดอกและสร้าง เงื่อนไขที่เอื้ออำนวยสำหรับการผสมเกสร การรดน้ำทำได้ดีที่สุดในตอนเย็น

ดอกไอริสที่ซีดจางจะถูกลบออกและก้านดอกจะแตกออกอย่างสมบูรณ์เมื่อสิ้นสุดการออกดอก ในช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วง ใบจะสั้นลงเหลือ 10 ซม. พืชจะถูกคลุมด้วยวัสดุคลุมด้วยหญ้าชั้นเล็กๆ สำหรับฤดูหนาว พันธุ์ที่ทนต่อความเย็นจัดถูกปกคลุมอย่างระมัดระวังยิ่งขึ้น ในฤดูใบไม้ผลิ หลังจากที่หิมะละลาย ที่กำบังฤดูหนาวที่อัดแน่นจะถูกกวนอย่างระมัดระวัง จะถูกลบออกอย่างสมบูรณ์ในช่วงต้นหรือกลางเดือนเมษายนขึ้นอยู่กับ สภาพอากาศ. ไอริสเคราแม้จะมีต้นกำเนิดทางตอนใต้ แต่ก็ค่อนข้างดีเมื่อเทียบกับไม้ยืนต้นชนิดอื่น น้ำค้างแข็งในฤดูใบไม้ผลิด้วยอุณหภูมิลดลงถึง -5 ... -7 ° C

วิธีปลูกไอริสและดูแลอย่างไร

และวิธีการปลูกไอริสเพื่อให้แน่ใจว่าการเติบโตอย่างรุนแรงของพวกเขา? พืชขยายพันธุ์โดยเหง้า ในการทำเช่นนี้รากจะถูกขุดแบ่งออกเป็นหน่วยปลูกซึ่งเรียกว่าแผนกซึ่งแต่ละส่วนประกอบด้วยลิงค์ประจำปี 1-3 ก่อนปลูกไอริสส่วนรากจะได้รับการบำบัดด้วยถ่านบดหรือสารละลายโพแทสเซียมเปอร์แมงกาเนต

เมื่อใดควรปลูกไอริสเพื่อให้แตกหน่อตรงเวลา? เวลาที่เหมาะสมสำหรับปลูกไอริส - 2 สัปดาห์หลังดอกบาน ด้วยก้อนดินพวกเขาสามารถปลูกถ่ายได้ตลอดเวลา อย่างไรก็ตามการปลูกในช่วงปลาย (ปลายวันที่ 10-15 กันยายน) นำไปสู่การรูตพืชที่ไม่ดี เมื่อปลูกมันเป็นสิ่งสำคัญที่ delenka จะไม่ถูกฝัง เหง้าตั้งอยู่เกือบถึงระดับผิวดิน กองดินถูกเทลงที่ด้านล่างของหลุมและรากจะกระจายไปตามทางลาดของมันอย่างสม่ำเสมอปกคลุมด้วยดินและกดด้วยมือให้แน่น รดน้ำอย่างอุดมสมบูรณ์ตรวจสอบอีกครั้งว่า delenka ปลูกแน่นเพียงพอหรือไม่ เหง้าควรอยู่ในแนวนอน และใบพัดควรลาดเอียงเล็กน้อย ไอริสสูงและขนาดกลางปลูกในระยะ 30-40 ซม. จากกันและมีขนาดเล็ก - 15-20 ซม.

ลิงค์เชื่อมโยงไปถึงอยู่ในตำแหน่งเพื่อให้มีที่ว่างสำหรับ "การเคลื่อนไหว" ระบบรากของไอริสมุ่งไปข้างหน้า (ในระหว่างการเจริญเติบโตของเหง้า) และ delenka ที่ปลูกจะเติบโตต่อไปพร้อมกับส่วนที่เป็นพัดลม เมื่อทำรังเพื่อปลูกไอริส ระนาบของใบไม้ควรถูกพาดผ่านวงกลมที่ร่างไว้

หากดินเป็นดินเหนียวและไม่ผ่านน้ำได้ดีแนะนำให้ปลูก delenka บน "หมอน" ของทรายหรือกรวดละเอียดเพื่อไม่ให้น้ำนิ่งและเหง้าไม่เน่า เมื่อปลูกเหง้าจะไม่ถูกฝัง แต่เพียงโรยด้วยชั้นดินไม่เกิน 2-3 ซม. - เมื่อเวลาผ่านไปมันจะมาถึงพื้นผิวด้วยตัวเอง

หลังจากปลูกไอริสแล้วเมื่อดูแลต้นไม้จะต้องทำน้ำสลัดอย่างน้อยสามครั้ง ไม่ได้อยู่ คำแนะนำสากลวิธีการดูแลไอริสในแง่ของปุ๋ย แต่ต้องจำกฎข้อหนึ่งให้แน่น: การให้อาหารมากเกินไปเป็นอันตรายต่อพืช การแต่งกายครั้งแรกจะดำเนินการในฤดูใบไม้ผลิทันทีหลังจากถอดที่พักพิง (ไนโตรเจน - ฟอสฟอรัส - 3: 1) ครั้งที่สองหลังจาก 2-3 สัปดาห์ (ไนโตรเจน - โพแทสเซียม - 1: 1) ในตอนท้ายของการออกดอกจะมีการเติมไนโตรเจน - ฟอสฟอรัส - โพแทสเซียม (3:1: 3) น้ำสลัดสุดท้ายเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับการออกดอกของไอริสในปีหน้าไม่ควรข้าม การตกแต่งด้านบนจะดำเนินการในอัตรา 10 ลิตรของสารละลายต่อ 1 m2 หรือสำหรับพุ่มไม้ไอริส 6 อัน ในช่วงฤดูร้อน ดินรอบ ๆ ต้นไม้จะถูกโรยด้วยขี้เถ้าเล็กน้อย 1-3 ครั้ง ซึ่งไม่เพียงแต่เป็นน้ำสลัดชั้นยอดเท่านั้น แต่ยังช่วยขับไล่ศัตรูพืชและป้องกันโรคอีกด้วย

ที่นี่คุณสามารถดูภาพถ่ายของการปลูกและดูแลไอริสของกลุ่มต่างๆ:

เมื่อคุณรู้วิธีดูแลดอกไอริสแล้ว ให้ลองดูพันธุ์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด

พันธุ์ของไอริสเคราที่มีรูปถ่ายชื่อและระยะเวลาออกดอก

ไอริสเคราแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มตามความสูง: ขนาดเล็ก (25-36 ซม.), ขนาดกลาง (37-70 ซม.), สูง (มากกว่า 70 ซม.)

ตามระยะเวลาของการออกดอกพันธุ์จะถูกแบ่งออกเป็นต้น, กลางต้น, กลาง, กลาง - ปลายและปลาย การเริ่มต้นของการออกดอกของแต่ละกลุ่มย่อยอาจแตกต่างกันไปในแต่ละปีขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ ตัวอย่างเช่นในภูมิภาคมอสโก พันธุ์ต้นดอกไอริสเคราบานในช่วงกลางเดือนพฤษภาคมและบานจนถึงสิ้นเดือน บานปานกลางถึงต้นในห้าวันสุดท้ายของเดือนพฤษภาคม และสิ้นสุดการออกดอกในทศวรรษแรกของเดือนมิถุนายน พันธุ์กลางและกลางปลายที่มีอยู่ในสวนของเราบานสะพรั่งตลอดเดือนมิถุนายน พันธุ์ปลายที่บานในต้นเดือนกรกฎาคมไม่ค่อยโต

ตามสีของดอกไม้ ไอริสแบ่งออกเป็น 13 ชั้น: ขาว, แดง, ส้ม, เหลือง, เขียว, น้ำเงิน, ม่วง, แดงม่วง, ดำ, ทูโทน, ทูโทน, ขอบ, สีรุ้ง

ควรสังเกตว่า สีเขียวไอริสมีโทนสีเหลืองหรือน้ำตาล ไม่มีพันธุ์ที่มีสีแดงสดและสีแดงบริสุทธิ์: ไอริสมีสีน้ำตาล, ดินเผา, เฉดสีเชอร์รี่ ไอริสสีชมพูเรียกว่าสีแดงอ่อน สีน้ำตาลจัดเป็นสีส้มเข้ม สีดำมีเฉดสีเชอร์รี่สีน้ำเงิน ม่วง น้ำตาลเข้ม และมีลักษณะพิเศษที่ความลึกและความนุ่มเป็นพิเศษ

ด้านล่างนี้ คุณจะเห็นภาพถ่ายและชื่อพันธุ์ของดอกไอริสเคราที่บานตั้งแต่กลางเดือนพฤษภาคม รวมทั้งอ่านคำอธิบายด้วย

"อาร์ดี ไรกิน" ม่านตาหลากหลายนี้ได้ชื่อมาเพื่อเป็นเกียรติแก่นักแสดงตลกชาวรัสเซียผู้ยิ่งใหญ่ ก้านช่อดอก 80-100 ซม. แข็งแรง แตกกิ่งก้านสั้น 5-7 ดอก ดอกไม้ 12-13 ซม. สีชมพูอมแดงอ่อน ๆ กลีบด้านนอกมีลักษณะกึ่งหลบตาส่วนด้านในเป็นลอนเล็กน้อยตามขอบกลิ่นหอมแรง

"เบเวอร์ลีฮิลส์". ความสูงของพุ่มไม้คือ 50 ซม. ก้านช่อดอก 80-85 ซม. ในช่อดอกมีดอกฉูดฉาดมาก 3-4 ดอกมีเส้นผ่านศูนย์กลาง 17 ซม. กลีบบนเป็นสีชมพูอ่อนหยักมากส่วนล่างเป็น ซีด, ทะยาน เคราเป็นสีชมพู

บลูสแตคคาโต้. ความสูงของพุ่มไม้คือ 55-60 ซม. ก้านดอก - 90-100 ซม. ในช่อดอก 4-5 ดอกฉูดฉาดมากขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 16 ซม.

ให้ความสนใจกับภาพถ่ายของดอกไอริสที่มีหนวดเคราของพันธุ์นี้ - กลีบเลี้ยงบนเป็นสีน้ำเงิน - น้ำเงิน, หยักศก, ฝอยเล็กน้อย, ส่วนล่างเป็นสีขาวมีขอบสีน้ำเงินพร่ามัว, เคราเป็นสีเหลืองทอง:

"เบอร์โกมาสเตอร์". ความสูงของก้านช่อดอกอยู่ที่ 100-110 ซม. ช่อดอกมี 5-7 ดอก กลีบด้านนอกเป็นสีม่วงม่วงมีขอบสีน้ำตาลส่วนด้านในมีสีเหลืองครีม ความงามของดอกไม้เน้นเป็นลอนที่สง่างาม

"ยาม". ก้านช่อดอก 125-140 ซม. แข็งแรง แตกกิ่งก้านยาว 10-12 ดอก ดอก 14-15 ซม. สีเหลืองแดด มีเคราสีส้ม กลิ่นหอมแรง น้ำผึ้ง

แคนาดาโกลด์ ก้านช่อดอก 90-105 ซม. แข็งแรง แตกกิ่งก้านสั้น ดอกมีสีเหลืองทองอ่อนมีเคราสีส้มมีกลิ่นหอมแรง มันบานสะพรั่งอย่างล้นเหลือพุ่มไม้โตเร็ว

"สุลต่านสูงสุด". มันมีพุ่มไม้ทรงพลังที่มีก้านที่แข็งแรงสูงถึง 120 ซม. และอื่น ๆ มีดอกที่ใหญ่ที่สุดจนถึงปัจจุบัน (เส้นผ่าศูนย์กลางมากกว่า 20 ซม.) ม่านตามีหนวดมีเคราหลากหลายสีเป็นของสองสี: กลีบด้านในมีสีเหลืองทองสัมฤทธิ์, ม่านตาด้านนอกมีสีน้ำตาลแดง, นุ่ม มีความโดดเด่นด้วยลอนที่ยอดเยี่ยมและขอบกลีบดอกที่ผิดปกติ

"เคนทากิ ดาร์บี้" ความสูงของพุ่มไม้คือ 50 ซม. ก้านช่อดอกอยู่ที่ 80-90 ซม. ในช่อดอกมี 5-6 ดอกที่มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 16 ซม. ส่วน perianth มีสีเหลืองมะนาวอ่อนหยักมีขอบเป็นฝอยบน อันล่างมีจุดสีขาวครีมอยู่ตรงกลาง เคราเป็นสีทอง

อันดับแรกในรายการโปรดของสวนสามารถใส่ได้อย่างปลอดภัย ไอริสเคราลักษณะเด่นของมันคือแถบปุยที่ตั้งอยู่ตามแนวเส้นกลางของกลีบดอกไม้ด้านนอกและบางครั้งด้านใน

งานเพาะพันธุ์เข้มข้นด้วยไอริสเคราเริ่มขึ้นใน ต้นXIXศตวรรษในยุโรป พันธุ์สวนม่านตาเคราที่ได้จากการผสมข้ามม่านตาแปดประเภท: ม่านตาเยอรมัน (Iris germanica), motley (Iris variegata), ซีด (Iris pallida), ไม่มีใบ, Cypriot, Mesopotamian, Kashmir, Trojan ดังนั้นไอริสเคราจึงมักถูกเรียกว่าไอริสดั้งเดิมในการติดฉลากทางการค้า ตอนนี้ชื่อที่ล้าสมัยนี้ถูกแทนที่ด้วยชื่ออื่นซึ่งสะท้อนถึงสาระสำคัญได้อย่างแม่นยำมาก - ไอริสไฮบริด (Iris hybrida hort.) ท้ายที่สุดแล้วม่านตาเคราทุกพันธุ์เป็นลูกผสมที่ได้จากการผสมข้ามพันธุ์หลายครั้ง ( การผสมเกสรเทียม). นี่มันดอกไม้ชัดๆ ทำด้วยมือ” ผลงานชิ้นเอกที่มนุษย์สร้างขึ้นร่วมกับธรรมชาติ

นอกจากเส้นขอบภาพวาดจากจังหวะ สีที่ต่างกันการผสมผสานที่ซับซ้อนของสีที่ต่างกันกลายเป็นกันและกันพันธุ์สมัยใหม่จำนวนมากมีพื้นผิวเฉพาะของกลีบดอก เธอสร้างสรรค์สิ่งพิเศษ วิชวลเอฟเฟกต์ทำให้สีพาสเทลมีความขุ่นหรือโปร่งแสงคล้ายขี้ผึ้ง และสีเข้มมีความนุ่มลึก ดอกไอริสเช่นเดียวกับดอกเดย์ลิลลี่มีหลายพันธุ์ที่มี "การเคลือบเพชร" ที่เปล่งประกายในแสงแดดหรือส่องแสงระยิบระยับในยามพลบค่ำของฤดูร้อน
ในไอริสเครามีเหง้ายืนต้นหนาในแนวนอนพร้อมกับดินรากยาวเหมือนสายสะดือยื่นออกมาจากมันสร้างระบบรากที่มีเส้นใย ใบซีฟอยด์ที่เคลือบด้วยแว็กซ์สีน้ำเงินจะพับเหมือนพัด ดอกไอริสมีสามแฉก: ที่แหงนขึ้นเรียกว่า "มาตรฐาน" ผู้ที่ดูถูกเรียกว่า "เหม็น"

ที่ พันธุ์วินเทจม่านตาแคบคล้ายกับลิ้นยื่นออกมาของสุนัข พันธุ์สมัยใหม่มีน้ำตกที่กว้าง โค้งมน ทรงโดมหรือมงกุฎมาตรฐาน และ รูปทรงต่างๆลอน ลักษณะเด่นของดอกไอริสในทศวรรษที่ผ่านมาคือเคราขนฟูกว้าง ซึ่งในกลุ่มพันธุ์ต่างๆ จะกลายเป็น "เขา" "เขา" "ช้อน" หรือ "จีบ" หลากสี

สีสันของดอกไม้ก็มีความหลากหลายที่น่าทึ่งเช่นกัน แต่ถึงแม้จะใช้ความพยายามโดยเจตนาของไฮบริไดเซอร์ จนกระทั่งม่านตาเป็นสีแดงที่ไม่เหมือนใคร ความพยายามมากมายที่จะทำให้ได้มันนำไปสู่การสร้าง จำนวนมากพันธุ์แดงเบอร์กันดี ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องเกินจริงที่จะกล่าวว่ากลุ่มม่านตาสมัยใหม่ครอบคลุมช่วงสีทั้งหมด ซึ่งรวมถึงสีดำด้วย

ตามรายงานของ American Iris Society ผู้นำและผู้บัญญัติกฎหมายของการปรับปรุงพันธุ์ไอริสเคราสมัยใหม่ มีมากกว่า 80,000 สายพันธุ์ในปัจจุบัน ในการจำแนกประเภท AIS ไอริสแบ่งออกเป็นหกกลุ่มสวนซึ่งมีความสูงของก้านช่อดอกขนาดดอกและเวลาออกดอกต่างกัน ในการเลือกพืชที่เหมาะกับสวนของคุณ คุณควรทำความรู้จักกับพืชเหล่านี้ให้ดีขึ้น

(ตาราง)

เพื่ออธิบายลักษณะสีของม่านตาเครา มีการใช้คำศัพท์จำนวนหนึ่ง:
plikata - บนพื้นหลังสีอ่อน, รูปแบบของจุดสีเข้มและลายเส้น, รวมขอบเป็นเส้นขอบ;
luminata - ไฮไลท์ลวดลายบนพื้นหลังสีเข้ม มาตรฐานจะสว่างกว่า
ผสมผสาน (สีรุ้ง) - สองสีขึ้นไปที่เปลี่ยนสีได้อย่างราบรื่น
อะมีนา - มาตรฐานสีขาวหรือสีอ่อนกว่าในดอกไม้สองสีในพันธุ์สมัยใหม่ "อมีนาย้อนกลับ" เกิดขึ้นเมื่อมาตรฐานมีสีเข้มกว่าน้ำตกล่าง
สาด ("สีฉีกขาด") - กับพื้นหลังของสีหลัก, ลายเส้นจำนวนมากและจังหวะของสีอื่น ๆ

การใช้สวน

ผู้ริเริ่ม - นี่คือชื่อของผู้สร้างพันธุ์ใหม่ - ในกระบวนการทำงานกับพืชทำให้ดอกไม้มีคุณสมบัติใหม่ นี่คือความคิดสร้างสรรค์แบบพิเศษที่มุ่งเป้าไปที่การค้นหาภาพลักษณ์ใหม่ ทั้งในด้านสี สัดส่วน และรูปแบบ ดังนั้นหากเปรียบเสมือนว่าไอริสในสวนทั้งหมดเป็นผลงานศิลปะ

แข็งแกร่งที่สุดและแข็งแกร่งในฤดูหนาว

ยิ่งม่านตาต่ำเท่าไหร่ มันยิ่งบานเร็ว ดังนั้นคุณจึงเป็นคนแรกที่ได้รับการต้อนรับ ไอริสแคระ. ใช่มันไม่เล็กมาก 40 ซม. เป็นการเติบโตที่ยอดเยี่ยมสำหรับการออกดอกในทศวรรษแรกของเดือนพฤษภาคม "คนแคระ" (SDB) สูงกว่าที่คลุมดิน เป็นกระเปาะขนาดเล็กและไม้ยืนต้นที่เพิ่งโผล่ขึ้นมาจากพื้นดิน แต่อยู่ในระดับที่เท่าเทียมหรือต่ำกว่าแดฟโฟดิลและทิวลิปเล็กน้อย พวกเขาจำศีลโดยไม่มีที่พักพิงไม่ต้องการดินไม่ต้องการการรดน้ำความร้อนในฤดูร้อนของเราก็เพียงพอแล้วสำหรับพวกเขาที่จะทวีคูณและเบ่งบานอย่างล้นเหลือ นั่นคือเหตุผลที่แม้จะมีการเติบโตต่ำ แต่ไอริสแคระได้กลายเป็นหนึ่งในแฟชั่นที่ทันสมัยที่สุดและเป็นที่ต้องการสำหรับการเพาะปลูกในสภาพอากาศที่อบอุ่น

ดอกไม้ต่ำในการปลูกเดี่ยวและกลุ่มดูอินทรีย์ท่ามกลางหินและ พืชคลุมดินบนเขาอัลไพน์ นำมาซึ่งองค์ประกอบ เน้นสี. ความหลากหลายของสีอันน่าอัศจรรย์ของ "คนแคระ" ช่วยให้คุณสร้างได้ ชุดค่าผสมที่น่าทึ่งทั้งขึ้นอยู่กับคอนทราสต์และอยู่ในช่วงสีเดียวกัน ไอริสแคระปลูกร่วมกับทิวลิป แดฟโฟดิล ผักตบชวา พริมโรสจิ๋ว และ ปัญหานิรันดร์- ดินเปล่าใต้กระเปาะ - จะถูกลืมตลอดไป

การออกดอกที่อุดมสมบูรณ์และเร็ว ความโอ้อวดและความอุดมสมบูรณ์ทำให้ไอริสแคระไม่อยู่ในการแข่งขันเมื่อสร้างเส้นขอบที่ขยายออกและแถวดอกของพื้นที่ขนาดใหญ่ บนสนามหญ้า ในวงรอบลำต้นของต้นไม้ บนเนินเขาที่มีแดดจ้า ในสวนเดือนพฤษภาคมที่ปกคลุมไปด้วยพืชพันธุ์แรกแทบจะไม่มีพรมดอกไอริสที่บานสะพรั่งจะดึงดูดความสนใจของทุกคนและเมื่อสิ้นสุดการออกดอกก็แทบจะมองไม่เห็น ใบไอริสที่แหลมด้วยดอกสีน้ำเงินยังคงรักษาเอฟเฟกต์การตกแต่งไว้ได้ตลอดฤดูกาล แต่มีความสูงเพียงเล็กน้อยดังนั้นจึงไม่ปิดกั้นพืชชนิดอื่นโดยพอใจกับบทบาทของพื้นหลังที่มีไหวพริบ เป็นไปได้ที่จะแบ่งและปลูกไอริสแคระแม้ในช่วงออกดอกหลังจากฤดูร้อนที่อบอุ่นพวกเขามักจะบานอีกครั้งในเดือนสิงหาคม - กันยายน "คนแคระ" สามารถปลูกได้ในตู้คอนเทนเนอร์ บนระเบียงและชาน พวกมันรู้สึกดีในกระถางและง่ายต่อการกลั่นในฤดูหนาว

เป็นกันเองที่สุด

ต้นเดือนมิถุนายนผลัดดอกบานผ่านไปยัง ไอริสเคราขนาดกลางสูงถึง 70 ซม. กลุ่มนี้ประกอบด้วยไอริส Intermedia (IB), Table (MTB) และ Border (BB) ดอกไอริสของกลุ่มนี้สามารถมีขนาดใหญ่และจำนวนมากได้ แต่เนื่องจากความสูงของก้านที่ต่ำกว่าจึงทนต่อลม ไอริสบนโต๊ะตามชื่อของมันบ่งบอกว่าไม่เพียง แต่ตกแต่งสวนเท่านั้น แต่ยังรวมถึงบ้านด้วย ดอกไม้ที่สวยงามของพวกมันบนก้านดอกที่แข็งแรงเหมาะสำหรับการทำช่อดอกไม้ ไม้ตัดดอกจะเปิดตาทั้งหมดซึ่งช่วยให้สามารถเก็บเอฟเฟกต์การตกแต่งไว้ในแจกันได้เป็นเวลานาน นอกจากนี้ ช่อดอกไม้ดังกล่าวสามารถบานสะพรั่งให้คุณได้ภายในปีใหม่หรือวันที่ 8 มีนาคม - ไอริสขนาดกลางช่วยกลั่นตัวเองได้อย่างสมบูรณ์แบบและสามารถบานเต็มที่ในที่ร่มในฤดูหนาว
การออกดอกของพันธุ์ต่างประเทศใหม่ล่าสุดนั้นน่าทึ่งมากด้วยขนาดรูปร่างของดอกไม้และการเล่นเฉดสีที่น่าทึ่ง อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเป็นพืชที่มาจากทางใต้จึงอาจต้องการการดูแลเพิ่มเติมในช่วงระยะเวลาของการปรับตัวให้เข้ากับพันธุ์ไม้ใหม่ สภาพภูมิอากาศ. นี่เป็นเรื่องจริงโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับสีพีชชมพูซึ่งอ่อนไหวต่อน้ำค้างแข็งมากที่สุด
ต้นเดือนมิถุนายน ช่วงนอกฤดูที่ดอกพริมโรสจากไปแล้ว และไม้ยืนต้นและไม้ยืนต้นยังคงเตรียมผลิบาน เป็นดอกไอริสขนาดกลางที่จะเติมสีสันที่ขาดหายไปให้กับจานสีในสวน ดอกไอริสขนาดกลางในฤดูหนาวเติบโตอย่างรวดเร็วสร้างพุ่มไม้เขียวชอุ่มพร้อมก้านดอกมากมาย

นี่คือชั้นไอริสที่หลากหลายที่สุด สวยงามเหมือนใน ลงจอดเดี่ยวและในทุกรูปแบบของกลุ่ม

นอกจากการสร้างเส้นขอบและอาเรย์ขนาดใหญ่แล้ว ดอกไอริสขนาดกลางยังเหมาะที่สุดสำหรับการปลูกบนทางลาด ระบบรากจะยึดชั้นดินและป้องกันการเสียรูปของการบรรเทา

"ประเภทสูง"

ไอริสสูง (ทีวี)- ศิลปินเดี่ยวที่เกิด การปลูกชายหนุ่มรูปงามที่มีความยาวเมตรเช่นนี้ไว้ใกล้บ้านหรือตามทางเดิน จะทำให้คุณมีความสุขอย่างหาที่เปรียบมิได้ในการเฝ้าดูการเกิดของดอกไม้ โดยจะเปลี่ยนโครงร่างและเฉดสีของมันเมื่อเติบโตขึ้น พุ่มไม้ไอริสสามารถผลิตได้ 10-15 ก้าน โดยแต่ละต้นสามารถเปิดดอกได้มากถึง 25 ดอกพร้อมกัน สิ่งที่น่าสนใจเป็นพิเศษคือคอลเล็กชั่นไอริสสำหรับผู้ที่ชื่นชอบกลิ่นหอม เนื่องจากกลิ่นที่หลากหลายของไอริสเคราหลากหลายสายพันธุ์นั้นไม่น้อยกว่าช่วงของสีและรูปร่าง

จัสมิน ดอกโบตั๋น ฟ็อกซ์โกลฟ เดย์ลิลี่ เกย์เฮรา และหัวหอมที่บานพร้อมกันจะทำหน้าที่เป็นฉากหลังที่ยอดเยี่ยมสำหรับดอกไอริส คุณสมบัติการตกแต่งที่โดดเด่นของพันธุ์สมัยใหม่มากมายที่มีก้านดอกขนาดใหญ่ ดอกไม้ลูกฟูกขนาดใหญ่ จะถูกเน้นโดย "สิ่งประกอบ" ที่สุขุมของพืชใบประดับ
ไอริสเคราทุกประเภทมีพันธุ์ที่สามารถออกดอกซ้ำได้คุณสมบัตินี้เรียกว่า remontant และระบุด้วยตัวย่อ (RE) แต่ในเลนกลางนี่เสียเปรียบมากกว่าได้เปรียบ ในสภาพอากาศของเรา การออกดอกซ้ำในฤดูใบไม้ร่วงนั้นผิดปกติอย่างมาก และเกิดขึ้นในดอกไอริสแคระและดอกขนาดกลางหลังจากฤดูร้อนที่อากาศอบอุ่นมาก ทั้งหมด พันธุ์ remontantในฤดูใบไม้ร่วงพวกเขายังคงเติบโตอย่างแข็งขันไม่มีเวลาเข้าสู่สภาวะพักผ่อนก่อนที่จะเริ่มมีน้ำค้างแข็งซึ่งจำเป็นสำหรับฤดูหนาวที่ประสบความสำเร็จ ดังนั้นไอริสที่บานสะพรั่งใหม่จึงเป็นกลุ่มพันธุ์ที่ทนต่อความหนาวเย็นน้อยที่สุดและเติบโตได้ยาก
พันธุ์ดูกลมกลืนกันในการปลูกแบบกลุ่ม สีพาสเทลหรือสีใกล้เคียงกัน ให้ใส่ใจเป็นพิเศษกับดอกไอริสสองสี พวกมันไม่ค่อย "ไป" เพื่อปลูกในแถวเดียว ในพื้นที่ ชุดค่าผสมที่ตัดกันความเป็นไปได้มากมายถูกเปิดขึ้นโดยการจัดม่านแบบไม่เชิงเส้นในพื้นที่ขนาดใหญ่เพียงพอควรจัดกลุ่มจากพันธุ์จำนวนคี่

ดอกไอริสที่มีเคราสูงบานในเดือนมิถุนายนช่างงดงามจริงๆ! ข้อดีของพวกมันนั้นชัดเจนและความหลากหลายของพันธุ์จะตอบสนองผู้ที่ชื่นชอบความต้องการมากที่สุด ทางเลือกขึ้นอยู่กับรสนิยมและที่ตั้งของสวนของคุณ ฉันจะทราบเพียงว่าสูง (ทีวี) เป็นชั้นไอริสที่มีความต้องการมากที่สุดในแง่ของสภาพการเจริญเติบโต

ไม่โอ้อวดและทนต่อความหนาวเย็นแมลงศัตรูพืชและโรคต่างๆ ได้แก่ ไอริสของพันธุ์คลาสสิกเก่าซึ่งได้รับการอบรมในศตวรรษที่ 19 และต้นศตวรรษที่ 20 อย่างไรก็ตามด้วยความอดทนทั้งหมดจึงด้อยกว่าพันธุ์สมัยใหม่อย่างมากในแง่ของคุณภาพการตกแต่ง ผู้ปลูกดอกไม้ที่เริ่มต้นควรให้ความสนใจเป็นอันดับแรกกับการเลือกพันธุ์ไม้ในประเทศซึ่งหนึ่งในความสำคัญหลักคือการเพาะพันธุ์พันธุ์ที่ทนต่อความหนาวเย็นและโรคได้มากที่สุด

การเลือกวัสดุปลูก

หน่วยปลูกของม่านตาเคราที่เรียกว่า "delepka" เป็นส่วนหนึ่งของเหง้าหนาที่มีรากยื่นออกมาจากมันและพัดใบไม้ซึ่งสั้นลงเหลือความยาว 10-15 ซม. คุณภาพสูงมีไตที่ทำเครื่องหมายไว้อย่างดีที่ด้านข้าง คุณสามารถปลูกไอริสได้ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมถึงกันยายน ดังนั้นเพื่อการขายจำนวนมาก วัสดุปลูกมาถึงในต้นฤดูใบไม้ผลิ ทุกที่ที่คุณซื้อไอริส อย่าลืมนำเดเลนก้ามาไว้ในมือและตรวจสอบโรงงานอย่างระมัดระวัง สีเหลืองของใบด้านนอกคู่นั้นค่อนข้างยอมรับได้ แต่ถ้าพบบริเวณที่อ่อนตัวของเหง้า รา หรือจุด คุณควรละเว้นจากการซื้อ

ไอริสเครามีความไวต่อความชื้นมากเกินไป ความชื้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อรวมกับความร้อนจะเป็นอันตรายต่อวัสดุปลูก เหง้าที่โตเต็มที่ไม่กลัวการอบแห้งและสามารถเก็บไว้ในที่แห้งและเย็นได้นานถึง 2 เดือน คุณลักษณะนี้มีส่วนทำให้ แพร่หลายวัฒนธรรมของไอริสเคราเพราะ delenki ทนต่อการส่งจดหมายได้อย่างสมบูรณ์แบบ ดังนั้นวิธีที่สมเหตุสมผลที่สุดในการซื้อวัสดุปลูกที่ดีต่อสุขภาพและเหมาะสมกับความหลากหลายคือการติดต่อนักสะสม

สมาคมที่ใหญ่ที่สุดของคนรักม่านตารวมถึงพ่อพันธุ์แม่พันธุ์และผู้ผลิตวัสดุปลูกที่มีความสามารถคือ Russian Iris Society ภายในกรอบของสมาคมผู้ปลูกดอกไม้ที่ไม่แสวงหากำไรนี้ การจัดนิทรรศการ สัมมนาฝึกอบรม การลงทะเบียนพันธุ์ใหม่อย่างเป็นทางการ และการจัดซื้อวัสดุปลูกของการคัดเลือกรัสเซียและต่างประเทศ ทุกคนสามารถเป็นสมาชิกของ ROI ได้สมาคมดูแลเว็บไซต์อย่างเป็นทางการ (http//rusiris.narod.ru) และเผยแพร่กระดานข่าว "Irises of Russia" เป็นประจำทุกปีพร้อมภาพรวมของเหตุการณ์ที่สำคัญที่สุดใน โลกสมัยใหม่ไอริส บทความเกี่ยวกับเทคโนโลยีการเกษตรและการคัดเลือกพืชเหล่านี้ ที่อยู่บริษัท: 129110 Moscow, st. กิลยารอฟสกี, 36-23.

สิ่งสำคัญที่ต้องคำนึงถึงเมื่อซื้อวัสดุปลูกจากคอลเลกชันส่วนตัวคืออะไร?

ระดับของการจัดการคอลเลกชันนั้นส่วนใหญ่เห็นได้จากแคตตาล็อก - รายการพันธุ์ที่เสนอพร้อมคำอธิบายที่แจ้งให้คุณทราบมากที่สุดเกี่ยวกับคุณสมบัติของพันธุ์ อย่าลืมระบุระดับของความหลากหลายตามความสูงของก้านช่อดอก ตามด้วยชื่อผู้เพาะพันธุ์ ปีที่จดทะเบียนพันธุ์ คำอธิบายสี ลักษณะเด่น และรางวัลที่ได้รับ
ช่วงเวลาที่คุณสามารถฝันถึงการเลือกใหม่ได้สิ้นสุดลงแล้ว ตอนนี้เราพลิกดูแคตตาล็อกอย่างไม่ระมัดระวัง กระโดดจากไซต์หนึ่งไปอีกไซต์หนึ่งเพื่อค้นหา พันธุ์ที่น่าสนใจ. แต่ยิ่งมีทางเลือกมากเท่าไหร่ก็ยิ่งทำให้ยากขึ้นเท่านั้น ในการวางและรักษารากฐานที่มั่นคงสำหรับสวนไอริสจะอนุญาตให้มีกฎ "ทอง" หนึ่งข้อ - ก่อนอื่นให้เลือกพันธุ์ที่ได้รับรางวัล
นักสะสมที่ให้ความสำคัญกับชื่อเสียงและกลุ่มลูกค้าเสนอระบบส่วนลด โบนัส การรับประกัน และการอนุมัติคำสั่งซื้อ ตามแนวทางปฏิบัติของโลกในการนำเสนอวัสดุปลูก รวมถึงกฎหมายที่ไม่ได้เขียนไว้: ยิ่งพันธุ์เก่าราคายิ่งต่ำ ค่าใช้จ่ายสูงของพันธุ์ล่าสุดไม่ได้อธิบายโดยคุณสมบัติการตกแต่งที่โดดเด่นเท่านั้น แต่ยังรวมถึงจำนวนของพืชด้วย ที่ดอกไอริส ความหลากหลายใหม่มันทำซ้ำเฉพาะทางพืชนั่นคือโดยการแบ่งพืช "ดั้งเดิม" หนึ่งต้นที่ได้รับจากเมล็ดดังนั้นเมื่อถึงเวลาที่ความหลากหลายได้รับการจดทะเบียนอย่างเป็นทางการจำนวนพืช - ผู้ให้บริการมีขนาดเล็กและเป็นเรื่องปกติที่จะเรียกเก็บราคาสูงสุด เพื่อสิทธิในการเป็นเจ้าของ สำหรับการอ้างอิง: ราคาของพันธุ์ต่าง ๆ ของปีปัจจุบันในหมู่ผู้ทรงคุณวุฒิของการคัดเลือกชาวอเมริกันอยู่ในช่วง 30 ถึง 50 ดอลลาร์

เติบโตไอริส

การเลือกไซต์ลงจอด

เพื่อให้การออกดอกสม่ำเสมอและอุดมสมบูรณ์ พื้นที่สำหรับปลูกไอริสเคราควรจะอบอุ่น แสงมากที่สุด และเมื่อปลูกไอริสสูงจะต้องได้รับการปกป้องจากลม ไอริสเคราไม่ทนต่อความชื้นมากเกินไปดังนั้นที่ราบลุ่มน้ำท่วมจึงไม่เหมาะสำหรับพวกเขาในพื้นที่ที่มีน้ำใต้ดินสูงสามารถปลูกบนสันเขาที่ยกได้

การเตรียมดิน

ดินที่ดีที่สุดสำหรับไอริสคือดินร่วนปนเบา ดินเหนียวสามารถปรับปรุงได้โดยการเพิ่มทรายและพีท, กรดสามารถทำให้เป็นกลางด้วยแป้งโดโลไมต์, ดินเหนียวและปุ๋ยหมักที่เน่าดีสามารถเติมลงในทราย ดินใต้ไอริสควรผ่านน้ำและอากาศได้ดี ในการต่อสู้เพื่อความพรุน ทุกวิถีทางก็ดี - ทรายหยาบ อิฐบด หินปูนละเอียด และถ่านก็ทำได้

ไนโตรเจนส่วนเกินช่วยลดความแข็งแกร่งของฤดูหนาวและเพิ่มความเสี่ยงของการติดเชื้อแบคทีเรีย ดังนั้นสารอินทรีย์ (ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยอินทรีย์ที่เน่าเปื่อย) สามารถใช้ในปริมาณเล็กน้อยกับชั้นล่างของดินจนถึงความลึกของรากบาง ๆ หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับเหง้าหนา

เพื่อให้ได้พืชขนาดใหญ่ที่มีคุณภาพจัดแสดง (โดยเฉพาะดอกไอริสสูง) พวกเขาฝึกปลูกบนสันเขาที่ยกขึ้นสองชั้น ชั้นล่างสุดของดินประกอบด้วยปุ๋ยหมักด้วยการเติม แป้งโดโลไมต์, ปุ๋ยแร่คอมเพล็กซ์ที่ออกฤทธิ์ยาวนานหรือฟอสฟอรัสโพแทสเซียม ชั้นบนสันเขา (10-15 ซม.) - ทราย

การปลูก

คุณสามารถปลูกไอริสและปลูกถ่ายด้วยก้อนดินตั้งแต่เดือนพฤษภาคมถึงกันยายน เวลาที่ดีที่สุด- กรกฎาคม ในขณะนี้การเติบโตของรากใหม่เริ่มต้นขึ้น การปลูกต้นอ่อนควรเริ่มต้นด้วยการฆ่าเชื้อ เมื่อต้องการทำเช่นนี้ก็เพียงพอที่จะทนต่อพวกเขาเป็นเวลา 15-30 นาที ในสารละลายโพแทสเซียมเปอร์แมงกาเนตสีชมพู หากสภาพอากาศมีแดดจัด ให้นำเดเลนกิไปตากแดดเป็นเวลาหลายวันเพื่อให้เหง้ามีแสงสว่างจากทุกด้าน "ผิวสีแทน" ดังกล่าวทำลายแบคทีเรียที่ทำให้เกิดโรคและช่วยให้อยู่รอดได้ดีขึ้นและการก่อตัวของดอกตูม

เหง้ายืนต้นควรอยู่บนผิวดินเมื่อปลูก ทำหลุมด้วยตัก เติมด้านล่างด้วยเนินดิน (และที่ดีที่สุดคือส่วนผสมของทรายและขี้เถ้าไม้) ให้เหง้าล้างออกด้วยผิวดินกระจายรากไปตามด้านข้างของเนินดินราวกับปลูกต้นเดเลนก้าคร่อมเนิน เติมหลุมโดยกดดินรอบ ๆ รากด้วยมือของคุณ น้ำอย่างไม่เห็นแก่ตัวเพื่อให้แน่ใจว่า delenka จะไม่ตก ไม่จำเป็นต้องรดน้ำต้นไม้อีกต่อไป มันเป็นสิ่งสำคัญที่พืชที่ปลูกทั้งหมดจะต้องรักษาตำแหน่งตั้งตรงและเหง้าจะไม่ถูกฝัง Delenki ที่ปลูกสามารถสนับสนุนจากด้านข้างของใบด้วยแท่งหรือหินหลังจาก 2-3 สัปดาห์รากที่เติบโตใหม่จะช่วยให้พืชสัมผัสกับดินอย่างเหมาะสม

และขั้นตอนสุดท้ายที่ไม่บังคับ แต่มองการณ์ไกลมาก คือการติดตั้งฉลากที่มีชื่อพันธุ์ มีดพลาสติกแบบใช้แล้วทิ้งจะทำหน้าที่เป็นฉลากดังกล่าว เขียนชื่อพันธุ์ด้วยเครื่องหมายที่ลบไม่ออกแล้วติดไว้ข้างต้นพืช

ยิ่งม่านตาสูงเท่าไหร่ก็ยิ่งต้องการพื้นที่มากขึ้นเท่านั้น และยิ่งคุณปลูกไอริสบ่อยเท่าไหร่ คุณก็จะต้องปลูกต้นไอริสให้เร็วขึ้นเท่านั้น เมื่อปลูกไอริสเป็นกลุ่มควรวางต้นไม้ให้ห่างจากกัน: สำหรับไอริสสูง 30-40 ซม. สำหรับไอริสขนาดกลาง - 15-20 สำหรับต้นแคระ - 10-15 ซม. ในกระบวนการ ของการเจริญเติบโต ไอริสเคราเคลื่อน เหง้าเคลื่อนไปข้างหน้าตามผิวดิน ดังนั้น ในระหว่างการปลูกริมถนน ทุกฝ่ายควรมองไปในทิศทางเดียว เป็นการดีกว่าที่จะปรับการตัดเหง้าไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ ดังนั้นเหง้าจะเป็น ให้แสงสว่างและอุ่นเครื่องได้ดีขึ้น เมื่อทำรัง delenki จะถูกวางด้วยชิ้นตรงกลาง

การดูแลเคราม่านตา

ในฤดูใบไม้ผลิ หลังจากที่หิมะละลาย อาจดูเหมือนว่าไอริสตายแล้ว แต่อย่ารีบสรุป หากเหง้าแข็ง หลังจากผ่านไป 1-2 สัปดาห์ ม่านตาจะเปลี่ยนเป็นสีเขียวชอุ่ม รักษาม่านตาและดินโดยรอบด้วยขี้เถ้าหรือสารฆ่าเชื้อราชนิดใดชนิดหนึ่ง เถ้าไม้สำหรับไอริสเป็นทั้งผลิตภัณฑ์สุขอนามัยและปุ๋ยใช้หลายครั้งต่อฤดูกาล

ส่วนใหญ่แล้วส่วนบนของเหง้าที่มีดอกตูมจะแข็งตัว ตัดบริเวณที่เสียหายให้เป็นเนื้อเยื่อแข็งแรงที่แข็งแรงโดยเร็วที่สุด ตาสร้างใหม่ของไอริสถูกวางที่ด้านข้างของเหง้า ดังนั้นแม้แต่ม่านตาที่ "ทำงาน" อย่างรุนแรงก็มีโอกาสที่จะอยู่รอดได้ การตัดสดบนเหง้าควรฆ่าเชื้อเสมอ นี่คือการเยียวยาจากประสบการณ์อันยาวนานของผู้ปฏิบัติงาน ส่วนผสมของกำมะถันและ ถ่าน, สีเขียวสดใส, ฟูคอร์ซิน, โพแทสเซียมเปอร์แมงกาเนต, ผงเมโทรนิดาโซล พยายามให้เหง้ามีแสงสว่างสูงสุดรังสีอัลตราไวโอเลตจากแสงอาทิตย์ - การรักษาที่ดีที่สุดต่อสู้กับการติดเชื้อแบคทีเรีย

ความต้องการความชื้นของม่านตาเคราในความชื้นถูกปกคลุมด้วยปริมาณน้ำฝนตามธรรมชาติพวกเขาไม่ต้องการการรดน้ำปกติการรดน้ำเป็นสิ่งที่พึงปรารถนาในฤดูร้อนที่แห้งสำหรับดอกไอริสสูงในช่วงออกดอก ในเขตที่ไม่ใช่เชอร์โนเซมการพัฒนาและความแข็งแกร่งของพืชในฤดูหนาวสามารถกระตุ้นได้ด้วยการใส่ปุ๋ย ในฤดูใบไม้ผลิ ไนโตรเจน - ฟอสฟอรัส (3:1) ในระหว่างการแตกหน่อ - ไนโตรเจน - ฟอสฟอรัส - โพแทสเซียม (1:1:1), 2-3 สัปดาห์หลังดอกบาน - ฟอสฟอรัส - โพแทสเซียม (1:1) ปุ๋ยใช้กับดินชื้นเพื่อป้องกันไม่ให้เม็ดเม็ดตกบนเหง้า
การป้องกันและป้องกันโรค

การดูแลหลักสำหรับไอริสนั้นเกิดจากการป้องกันโรค การเกิดขึ้นของความเน่าที่เกิดจาก หลากหลายชนิดแบคทีเรีย ทำให้เกิดความชื้น อินทรียวัตถุส่วนเกิน การปลูกแบบหนา และการเพาะปลูกระยะยาวในที่เดียว เมื่อตรวจพบโรค มีทางเดียวเท่านั้นที่จะต่อสู้: ส่วนที่ได้รับผลกระทบของพืชถูกตัดออก ส่วนที่เหลือจะได้รับการบำบัดด้วยสารฆ่าเชื้อรา (ดูด้านบน)

มาตรการป้องกันและควบคุมโรคโคนเน่าอย่างได้ผล ต้นกำเนิดต่างๆเป็นการนำเข้าสู่ดินภายใต้ไอริสของการเตรียมแบคทีเรียที่มีชีวิต (Trichodermin, Gliocladin) ซึ่งยับยั้งการพัฒนาของจุลินทรีย์ที่ทำให้เกิดโรค การหว่านเมล็ดในฤดูใบไม้ผลิในพื้นที่ที่มีไว้สำหรับการปลูกไอริสในฤดูร้อน, พืชผลประจำปี (มัสตาร์ดสีขาว, phacelia) ตามด้วยการปลูกที่ระดับความลึกประมาณ 20 ซม. จะช่วยปรับปรุงดินและให้สารอาหารที่เหมาะสมแก่ไอริส

ในช่วงครึ่งหลังของฤดูร้อนคุณสามารถเห็นใบไม้ของไอริสได้ จุดสีน้ำตาลและปลายเหลือง การจำที่เกิดจากเชื้อโรคต่าง ๆ ไม่ได้คุกคามชีวิตของพืชโดยตรง แต่ทำให้เสียรูปลักษณ์และอาจส่งผลต่อความแข็งแกร่งของฤดูหนาว เพื่อให้ใบไม้แข็งแรงจะช่วยให้: การฉีดพ่นป้องกันใบไม้ด้วยสารฆ่าเชื้อราเป็นประจำ (fundazol, "Maxim",

คอปเปอร์ออกซีคลอไรด์ 0.2%), การปลูกที่กว้างขวาง, การตัดแต่งกิ่งใบก่อนฤดูหนาว (และการล้างด้วยปูนขาวในภายหลัง)

ฤดูหนาว

ไอริสของการคัดเลือกในประเทศและพันธุ์ต่างประเทศที่ผ่านการทดสอบตามเวลาซึ่งปลูกมาเป็นเวลานานในรัสเซียนั้นมีความโดดเด่นด้วยความแข็งแกร่งในฤดูหนาวที่ยิ่งใหญ่ที่สุด เลนกลาง. สำหรับดอกไอริสส่วนใหญ่ หิมะ 30 ซม. ก็เพียงพอแล้วในการป้องกันน้ำค้างแข็ง สิ่งที่เปราะบางที่สุดคือความแปลกใหม่ของการเลือกไอริสสูงของโลก ศักยภาพของความแข็งแกร่งในฤดูหนาวและวิธีการที่พักพิงต้องได้รับการกำหนดโดยสังเกต

ไอริสแคระและขนาดกลางส่วนใหญ่ในสวนใกล้มอสโกสามารถฤดูหนาวโดยไม่มีที่พักพิง ในช่วงที่มีดอกไอริสสูงในเดือนพฤศจิกายน ก่อนที่อากาศจะหนาวเย็น เหง้าจะถูกปกคลุมด้วยดินประมาณ 8-10 ซม. และเมื่อดินถูกจับด้วยน้ำค้างแข็ง พวกมันจะถูกปกคลุมด้วยกิ่งสปรูซหรือวัสดุที่ระบายอากาศได้ด้านบน

ที่สุด วิธีที่เชื่อถือได้ที่พักพิงของไอริสเคราคือ "ฤดูหนาวที่แห้งแล้ง"

ในฤดูใบไม้ร่วงที่มีฝนตก มีหลังคาแข็งทรงเตี้ยติดตั้งอยู่เหนือดอกไอริสเพื่อให้ดินยังคงแห้งและที่กำบังลมพัดผ่าน เมื่อเริ่มมีน้ำค้างแข็งครั้งแรกใบไม้จะถูกตัดที่ความสูง 10 ซม. พืชจะถูกฉีดพ่นด้วยยาฆ่าเชื้อราและปกคลุมด้วยลูทราซิลเหนือท้องฟ้า

พืชจำนวนเล็กน้อยสามารถคลุมด้วยกล่องพลาสติกตาข่ายและ lutrasil หรือหมวกจากภาชนะพลาสติกที่มีรูที่ด้านล่าง วิธีการใดๆ ที่ช่วยให้อากาศหมุนเวียนอยู่ใต้ที่พักพิงนั้นดี

ได้รับความนิยมมาอย่างยาวนานเนื่องจากไม่ธรรมดา รูปร่างและไม่โอ้อวด พวกเขาไม่ต้องการการดูแลแม้แต่คนทำสวนที่ไม่มีประสบการณ์ก็สามารถรับมือกับการเติบโตได้ พืชชนิดนี้ได้รับการอบรมมาหลายพันธุ์แล้ว เพื่อไม่ให้สับสนในความหลากหลายดังกล่าวจำเป็นต้องศึกษาไอริสล่วงหน้าพันธุ์ที่มีรูปถ่ายและชื่อ ซึ่งจะช่วยสร้าง สวนสวยเพื่อความอิจฉาของเพื่อนบ้านทั้งหมด

พันธุ์ของไอริส

ไอริสเป็นไม้ยืนต้น พืชโอ้อวดซึ่งแตกต่าง รูปร่างไม่ปกติและสีของดอก เหมาะสำหรับปลูกในที่โล่งน้ำท่วมขัง แสงแดด. ลักษณะเด่นของดอกไม้คือกลิ่นหอมอันละเอียดอ่อนที่มีเสน่ห์ ดังนั้นจึงมักใช้ในอุตสาหกรรมน้ำหอม

ดอกไอริสที่เติบโตตามธรรมชาติในปัจจุบันสามารถพบได้ในทุ่งหญ้า ในที่ราบกว้างใหญ่ หรือบนหน้าผาสูงชัน ภายใต้เงื่อนไขประมาณห้าร้อย หลากหลายพันธุ์ซึ่งเหมาะสำหรับปลูกในแปลงส่วนตัว พวกเขาสามารถแบ่งออกเป็นกลุ่มใหญ่หลายกลุ่ม:

• เครา;
• แคระ;
• โป่ง;
• ไซบีเรียน;
• บึง;
• ญี่ปุ่น.

ในประเทศแถบยุโรป เป็นเรื่องปกติที่จะแบ่งพืชเหล่านี้ออกเป็น 10 - 15 ประเภท แยกชายแดนแคลิฟอร์เนียและสายพันธุ์อื่น ๆ ในการตัดสินใจว่าจะหยั่งรากได้ดีกว่าบนไซต์ของคุณ ให้ศึกษาไอริสอย่างละเอียด พันธุ์ที่มีรูปถ่ายและชื่อ

ไอริสเครา

ไอริสเคราถือเป็นหนึ่งในพันธุ์พืชที่พบมากที่สุด ลักษณะเด่นคือมีขนละเอียดอยู่ที่กลีบด้านล่าง พวกมันมีสีที่อิ่มตัวมากกว่าเมื่อเทียบกับโทนสีทั่วไปของดอกไม้ ในบรรดาพันธุ์ที่งดงามที่สุดคือ:

นี่เป็นเพียงส่วนเล็ก ๆ ของความหลากหลายในตลาดปัจจุบัน เมื่อเลือก ให้ใส่ใจกับความจริงที่ว่าดอกไม้นั้นกลมกลืนกับตัวอย่างที่อยู่ใกล้เคียงและเข้ากับการออกแบบโดยรวมของไซต์

ความสูงของพันธุ์ดังกล่าวสามารถสูงถึง 80 ซม. ดังนั้นคุณไม่ควรปลูกไว้ใกล้กับพืชที่มีแสงน้อย

ไอริสแคระ

คนแคระไอริสแตกต่างจากคู่ของมันในรูปร่างที่เล็ก ความสูงของก้านดอกไม่เกิน 40 ซม. สำหรับพันธุ์ส่วนใหญ่ พารามิเตอร์นี้อยู่ที่ 20 ซม. เลย เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการตกแต่งเตียงดอกไม้ขนาดเล็กกะทัดรัด ในบรรดาพันธุ์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ได้แก่ :

ไอริสแคระทำได้ดีในดินที่มีแสงและดูดซึมได้ หากดินในสวนของคุณหนัก ให้เติมทรายลงไปก่อนปลูก

ไอริสกระเปาะ

ทุกคนคุ้นเคยกับความจริงที่ว่าไอริสเป็นพืชที่มีเหง้า ผู้เชี่ยวชาญสมัยใหม่สามารถผสมพันธุ์ได้หลายพันธุ์จากหัว พวกเขาโดดเด่นด้วยการออกดอกเร็วผิดปกติ เปรียบได้กับเม็ดหิมะ ทันทีที่หิมะละลาย ดอกไม้ดอกแรกก็จะปรากฏขึ้น มีสามประเภทหลัก:

ดอกไอริสกระเปาะดูดีในแปลงดอกไม้ที่มี crocuses, galanthus และอื่นๆ พวกเขาจะเหมาะสำหรับสไลด์อัลไพน์

พันธุ์ดังกล่าวสามารถปลูกได้ในกระถางและในกระถางขนาดใหญ่ พวกเขาจะเป็นของตกแต่งที่ยอดเยี่ยมของเฉลียงและซุ้มประตู

ไอริสไซบีเรีย

ภาพถ่ายของไอริสไซบีเรียนั้นน่าประทับใจ พวกเขาโดดเด่นด้วยความงามที่ไม่ธรรมดาของดอกไม้ คุณค่าของสายพันธุ์นี้ก็คือความจริงที่ว่าใบของพืชมีสีเขียวสดตลอดทั้งฤดูกาล พันธุ์ที่งดงามที่สุดคือ:

พันธุ์ดังกล่าวดูงดงามตามริมฝั่งอ่างเก็บน้ำชั่วคราวในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ กลุ่มดอกไม้ดังกล่าวสามารถตกแต่งสนามหญ้า ซึ่งจะทำให้ภูมิทัศน์ดูแปลกตา

ไอริสหนองน้ำ

Iris marsh หรือ iris เติบโตทุกที่ในประเทศของเรา ใบของสายพันธุ์นี้มีรูปร่างคล้ายดาบ ความยาวสามารถเข้าถึงสองเมตร สายพันธุ์นี้ทำได้ดีในที่ร่มบางส่วน ดังนั้นดอกไม้ดังกล่าวสามารถปลูกตามรั้วหรือใกล้ต้นไม้ที่มีมงกุฎไม่หนาแน่นเกินไป ในบรรดาพันธุ์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ได้แก่ :

เมื่อศึกษาพันธุ์ไอริสที่มีรูปถ่ายและชื่อเหล่านี้แล้วเราสามารถสรุปได้ว่าเหมาะสำหรับการปลูกแบบกลุ่ม ด้วยความช่วยเหลือ ประเภทต่างๆไอริสสามารถสร้างเตียงดอกไม้ที่งดงามได้

ไอริสญี่ปุ่น

ไอริสญี่ปุ่นมีดอกรูปกล้วยไม้ ขนาดของมันอาจแตกต่างกันตั้งแต่ 15 ถึง 25 ซม. ในญี่ปุ่นมีการปลูกพืชดังกล่าวเพื่อให้สามารถชื่นชมได้จากที่สูง จากมุมนี้ดูน่าประทับใจที่สุด

ต้นไม้มีขนาดใหญ่ดังนั้นเมื่อปลูกระหว่างกันจึงจำเป็นต้องรักษาระยะห่างอย่างน้อย 30 ซม. พันธุ์ที่นิยมมากที่สุด:

หลังจากศึกษาภาพถ่ายของดอกไอริสนานาพันธุ์แล้ว คุณสามารถเลือกวัสดุปลูกที่เหมาะสมกับชนิดของดินได้ หากคุณเลือกอินสแตนซ์ด้วย เงื่อนไขที่แตกต่างกันบานสะพรั่งสามารถชื่นชมความงามของดอกไม้ได้ตลอดฤดูร้อน

ดอกไอริสบานในสวน - วิดีโอ