"Planida" เป็นคำพ้องความหมายทางโหราศาสตร์สำหรับ "โชคชะตา" เช่นเดียวกับชื่อเรียกของดาวเคราะห์ แบ่งปัน โชคชะตา โชคชะตา กรรม - แนวคิดทั้งหมดนี้มีความหมายใกล้เคียงกันและมักจะใช้แทนกันได้ อย่างไรก็ตาม สิ่งเหล่านี้ค่อนข้างคลุมเครือ และไม่มีคำจำกัดความเชิงพรรณนาที่ชัดเจน เนื่องจากความหมายของคำเหล่านี้คือเป้าหมายของการวิจัยที่ลึกลับ ที่นี่คุณจะต้องเจาะลึกประวัติศาสตร์ทางจิตวิญญาณโดยรวมของมนุษยชาติ ในขณะเดียวกันก็แยกช่วงเวลาที่เกี่ยวข้องกับภาษาศาสตร์ออกไปพร้อมกัน

คำจำกัดความทั่วไป

Planid คือวิถีแห่งชีวิตที่เหตุการณ์ต่างๆ เกิดขึ้นในลำดับที่ตั้งโปรแกรมไว้ล่วงหน้า แม้ว่ามนุษย์จะกระทำก็ตาม คำที่ใกล้เคียงที่สุดในความหมายคือ "โชคชะตา" นั่นคือสิ่งที่ถูกกำหนดไว้และไม่สามารถมีอิทธิพลได้

พลานิสและโชคชะตาในประวัติศาสตร์

ในตำนานเทพเจ้ากรีก โชคชะตาเป็นตัวแทนของพี่สาวสามคน (มอยรา) เส้นแรก - โคลโธ - ปั่นด้ายแห่งชีวิต เส้นที่สอง - ลาเชซิส - วัดความยาว และเส้นที่สาม - Atropos - ตัดมัน เพื่อตัดสินใจว่าใครจะอยู่ต่อไปและใครจะตาย ความหลากหลายของภาพเหล่านี้ก็มีอยู่ในเทพนิยายโรมันและสแกนดิเนเวียด้วย โชคชะตาถูกมองว่าเป็นสิ่งที่กำหนดไว้เหนือธรรมชาติและอยู่นอกเหนือการควบคุมของมนุษย์

วงล้อแห่งโชคลาภ

แต่ยุคคริสเตียนส่วนใหญ่ถูกครอบงำโดยแนวคิดเรื่องวงล้อแห่งโชคลาภซึ่งมนุษย์เชื่อมโยงกันตลอดชีวิตของเขา นั่นคือโชคชะตาแสดงให้เห็นถึงโชคและความโชคร้ายจากมุมมองในแง่ร้าย: บุคคลยังคงไร้พลังและไม่สามารถทำอะไรได้ เมื่อความตายมาเยือน ย่อมถูกมองว่าเป็นหายนะ ด้วยความหวาดกลัวอย่างไม่แยแส

อย่างไรก็ตาม ในทางกลับกัน วงล้อแห่งโชคลาภก็ถูกมองว่าเป็นโอกาสเช่นกัน ผู้ศรัทธาในโชคชะตาจะพยายามมีอิทธิพลต่อตำแหน่งของเขาในการเลี้ยวครั้งต่อไปของวงล้อผ่านการศึกษาและดำเนินการบางอย่าง แต่เขาจะไม่สงสัยในความจริงของวงล้อหากเขายังคงถูกกดขี่

ความแตกต่างระหว่างโชคชะตาและการวางแผน

คำเหล่านี้ค่อนข้างเกี่ยวข้องกันมาก ในความเป็นจริงพวกเขามักจะถือว่าตรงกัน อย่างไรก็ตาม มีความแตกต่างเล็กน้อยในลักษณะการใช้งาน ทั้งการวางแผนและโชคชะตาหมายถึงการกำหนดล่วงหน้าของอนาคตซึ่งมีเหตุการณ์ที่กำหนดไว้ซึ่งไม่สามารถได้รับอิทธิพลได้ ทั้งสองคำอ้างถึงความจริงที่ว่ามีระเบียบธรรมชาติบางอย่างที่เป็นตัวกำหนดสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต อาจเป็นพระเจ้า จักรวาล และอื่นๆ

แล้วความแตกต่างคืออะไร? เงื่อนไขอาจกล่าวได้ว่ามีความหมายแฝงที่แตกต่างกัน โชคชะตากำหนดไว้ล่วงหน้าและสั่งการเหตุการณ์ที่ต้องเกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ Planida ถูกพรรณนาว่าเป็นจุดสิ้นสุดของเหตุการณ์ - จุดหมายปลายทางแบบหนึ่งที่นำไปสู่จุดสิ้นสุดของสิ่งต่างๆ ในท้ายที่สุด

“โชคชะตา” มีความหมายที่กว้างกว่าและเปิดกว้างกว่า และมีมุมมองภาพรวมมากกว่า Planid คือผลลัพธ์สุดท้าย ในขณะที่โชคชะตาเป็นเพียงหนทางที่จะไปถึงจุดนั้น ดังนั้น โดยทั่วไป "planid" จึงใช้เพื่ออ้างถึงบางสิ่งที่มีความหมายเชิงลบ ในขณะที่ "โชคชะตา" เป็นแนวคิดที่เป็นกลางมากกว่า

พลานิดา แบ่งปัน โชคชะตา

โชคชะตาคืออะไร? เป็นพลังเหนือธรรมชาติที่เชื่อกันว่าควบคุมเหตุการณ์ต่างๆ ในอนาคตได้ แปลจากภาษาละตินแปลว่า "สิ่งที่พูด" โชคชะตาขึ้นอยู่กับแนวคิดที่ว่ามีระเบียบธรรมชาติบางอย่างในจักรวาลที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ เป็นสิ่งที่ใกล้เข้ามาหรือหลีกเลี่ยงไม่ได้

Rock and Share มักเกี่ยวข้องกับความหมายเชิงลบ แม้แต่คำจำกัดความที่พบบ่อยที่สุดก็คือคำว่า ชั่วร้าย (หิน) และ ขมขื่น ยาก หรือไม่มีความสุข (แบ่งปัน) คำว่า "โชคชะตาที่ยากลำบาก" ก็ได้ยินเช่นกัน แต่มีทั้งยากและมีความสุข ผู้ประสบเคราะห์กรรมสามารถยอมรับชะตากรรมของตนได้ และเนื่องจากเขาเชื่อว่าสิ่งนี้เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เขาจะไม่พยายามเปลี่ยนแปลงอนาคตของเขา ความเชื่อที่ว่าเหตุการณ์ทั้งหมดถูกกำหนดไว้ล่วงหน้าแล้วเรียกว่าพลานิดาหรือลัทธิความตาย

เป็นไปได้ไหมที่จะเปลี่ยนโชคชะตาของคุณ?

Planid เป็นสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ สิ่งต่างๆ เช่น การทำงานหนัก ความขยัน ความอดทน ความกล้าหาญ สามารถช่วยเปลี่ยนแปลงโชคชะตาได้หรือไม่? พวกเขาบอกว่าบุคคลสามารถเลือกเส้นทางของตนเองได้ จากนั้นทุกอย่างก็จะเป็นบวกมากขึ้น

คงจะถูกต้องและยุติธรรมหากแผนเป็นผลจากการกระทำของมนุษย์ วิธีมองโลกในแง่ร้ายมากกว่าคือการเห็นด้วยกับความหลีกเลี่ยงไม่ได้ของทุกสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่ว่าคุณจะพยายามแค่ไหน ทุกอย่างก็จะเป็นไปตามโชคชะตา

ไม่มีอะไรเกิดขึ้นโดยบังเอิญในโลกนี้

การวางแผน แบ่งปัน กรรม และแนวคิดลึกลับอื่นๆ ที่มีลักษณะลึกลับ ยังคงปลุกเร้าจิตใจของผู้คนมาจนถึงทุกวันนี้ พวกเขากล่าวว่า "ไม่มีอะไรเกิดขึ้นโดยบังเอิญในโลกของเรา" และ "มนุษย์สร้างโชคชะตาของตัวเอง" และไม่สามารถระบุได้ว่าเหตุการณ์ใดๆ เกิดขึ้นโดยบังเอิญหรือถูกกำหนดไว้ล่วงหน้าแล้ว ผู้คนสามารถหวังสิ่งที่ดีที่สุด เพื่อความยุติธรรมสากลและทำความดีเท่านั้น

หลังจากการทดสอบแต่ละครั้งซึ่งนำไปสู่ทำไมคุณถึงหยุด?ที่จะมองหน้าด้วยความกลัวคุณได้รับความแข็งแกร่งความกล้าหาญ และความมั่นใจในตนเอง

เอเลนอร์ รูสเวลต์

กรรมใด ๆ - ไม่ว่าอะไรก็ตาม มันไม่หนัก -ยังสว่างอยู่

ทุกสิ่งมีความหมายในตัวเอง หน้าที่ของเราคือการทำความเข้าใจมัน

หิน- สิ่งที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ดวงวิญญาณเองเลือกหินเพื่อที่จะทะลุไป สัมผัสมัน ตระหนักถึงประสบการณ์ จากนั้นหินก้อนนี้ก็กลายเป็นยูร็อค เพื่อไม่ให้มีความสุขเราต้องเข้าใจว่าทุกสิ่งคือบทเรียนสำหรับเรา สิ่งที่เราเอาออกไปนั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ในกรณีที่เกิดเหตุการณ์ร้ายแรงไม่มีทางเลือก

โชคชะตา. EssenceBa คือแก่นแท้ของพระเจ้าโดยตรงในตัวคุณ นี่คือชีวิตของคุณซึ่งคุณสร้างขึ้นทุกขณะ นี่คือทุกช่วงเวลาของชีวิต

ในระดับโชคชะตามีความแปรปรวนอยู่เสมอ ร็อคไม่มีทางเลือก มันเป็นยุคดึกดำบรรพ์ในระดับโชคชะตาย่อมมีทางเลือกเสมอ ทางเลือกที่เป็นเวรเป็นกรรม

กรรม- นี่คือความสัมพันธ์ระหว่างเหตุและผล ถ้าเราต้องการที่จะเข้าใจธรรมชาติของกรรมของเราที่ได้รับในชาติก่อน เราไม่จำเป็นต้องมองไปไกลและทำการถดถอยหรือมองอวตารภายใต้การสะกดจิต การดูสถานการณ์ในชีวิตปัจจุบันของคุณอย่างใกล้ชิดก็เพียงพอแล้ว ในช่วงเวลาอันยาวนาน รูปแบบพฤติกรรมและปฏิกิริยาทางอารมณ์แบบเดิมๆ จะเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีกเป็นจำนวนอนันต์ สถานการณ์เฉพาะของชีวิตทำให้เรามีโอกาสเรียนรู้บทเรียนที่จำเป็นและแก้ปมกรรม สถานการณ์เหล่านี้จะกำหนดคุณภาพของจิตสำนึกที่เราได้รับ ครอบครัวและวัฒนธรรมที่เราเกิดมา ร่างกายที่เราได้รับ และประสบการณ์สำคัญและความสัมพันธ์ที่จะมีในชีวิตของเรา

สำหรับเราแล้ว “กรรม” เป็นคำที่เข้าใจง่ายกว่าสำหรับชาวพุทธ เป็นต้น สามารถบรรยายเรื่องกรรมได้ 3 วัน กับเราทุกอย่างง่ายขึ้น: มีเทพีกรรณะผู้รับผิดชอบเรื่องการจุติเป็นมนุษย์ ผู้ช่วยของเธอ (ในหมู่ชาวสลาฟ) คือ Makosh กับลูกสาวสองคน Dolya และ Nedolya ลักษณะผู้หญิง 4 ประการเหล่านี้ (เทพธิดา: Karna, Makosh, Dolya และ Nedolya) มีหน้าที่รับผิดชอบต่อกรรมของบุคคลใดบุคคลหนึ่ง ทั้งหมด.

อย่างไรก็ตาม Nedolya ปรากฏตัวเมื่อเร็ว ๆ นี้เมื่อการย่อยสลายเริ่มขึ้น ผู้หญิงสลาฟมีส่วนแบ่งเป็นผู้หญิงมาโดยตลอด

ถ้าเรียนไม่จบ โชคชะตาก็สร้างในทางลบ กรรมก็สร้างในทางลบถ้าเรียนจบ โชคชะตาสร้างในทางบวก กรรมสร้างทางบวก เพื่อชาติหน้า

ลามะโอเล่เคยกล่าวไว้ว่าการเริ่มต้นเข้าสู่เรอิกิถือเป็นกรรมที่ดีมากซึ่งหมายความว่าเราได้เตรียมกรรมนั้นไว้ด้วยการกระทำที่เป็นบวกก่อนหน้านี้

กรรม

ทุกสิ่งสามารถพรากไปจากบุคคลได้ แต่...อิสรภาพสุดท้ายของมนุษย์คือ

เพื่อเลือกทัศนคติของคุณต่อสิ่งที่เกิดขึ้นในทุกสถานการณ์ - และเลือกเส้นทางของคุณ

Viktor Frankl "การค้นหาความหมายของมนุษย์"

โปรแกรมเหตุการณ์ในชีวิตเกิดขึ้นได้อย่างไร?

1. จากชาติที่แล้ว.
2. ส่งต่อจากพ่อและแม่
3. เกิดขึ้นเมื่อเลือกงานการใช้งาน
4. ในช่วงชีวิตและการเกิดของมดลูก
5. ในช่วงสามปีแรกของชีวิต
6. ในช่วงเหตุการณ์สำคัญที่สุดตลอดชีวิตของคุณ

กรรมเป็นสิ่งที่เราไม่เข้าใจ เป็นบทเรียนที่เราไม่ได้เรียนรู้ ไม่ได้ตระหนัก สิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่เราทำไม่ได้ ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่เราไม่สามารถเอาชนะได้ด้วยความพยายาม

เราจะรู้ได้อย่างไรว่าทำไมเราถึงเจ็บปวด? ทำไมเราไม่มีความสุข? อะไรทำให้เราหนักใจ และเหตุใดทุกอย่างจึงไม่เป็นไปตามที่เราต้องการ? มีเหตุผลสำหรับทั้งหมดนี้ หากคุณไม่เข้าใจและตระหนักรู้ นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้น - เลวร้าย เจ็บปวด และเจ็บปวดเหตุเมื่อเราตระหนักรู้แล้ว เลิกเป็นกรรม ก็กลายเป็นหน้าที่ที่เราแก้ไขได้. เรามีความสามารถ - เพราะพระเจ้าไม่ได้ส่งการทดลองมาให้เรามากเกินกว่าที่เราจะทนได้ เมื่อปัญหาได้รับการแก้ไข บุคคลมักจะประสบกับความสุข

ความสุขคืออะไร? ความสุขเป็นส่วนที่กลมกลืนกันของทั้งหมด นั่นคือความสุขเป็นส่วนหนึ่งของทั้งหมด ความสมบูรณ์ของสถานการณ์ชีวิตของเรา

ในระดับที่ละเอียดอ่อน สถานการณ์ในชีวิตของบุคคลดูเหมือนมีโซ่คล้องคอ สถานการณ์ทั้งหมดเขียนไว้บนวงจรของมนุษย์ แต่ละลิงก์เป็นศูนย์รวม หมายเลขของพวกเขาคือจำนวนอวตาร คุณภาพของอวตารแสดงให้เราเห็นสีของลิงค์ หากคุณทำงานกับตัวเองถึงระดับนี้ คุณสามารถแก้ไขและปรับปรุงได้มาก สิ่งสำคัญที่ต้องเข้าใจที่นี่คืออะไร? กรรมกำลังถูกแก้ไข ความตระหนักรู้และทัศนคติภายในต่อสิ่งที่เกิดขึ้น. นั่นคือคุณควรตระหนัก ตัวเองทำอะไรผิด เดินไปทางไหน แล้วกลับไปสู่อดีตก็เลือกตรงนั้นอีกครั้ง บางครั้งนี่อาจเป็นตัวเลือกที่ยากมาก แต่ไม่ว่าในกรณีใดก็ยังต้องทำไม่เช่นนั้นจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงในห่วงโซ่กรรมและดังนั้นในชีวิตของคุณ หากคุณทำทุกอย่างถูกต้อง ได้ข้อสรุปที่ถูกต้อง และตัดสินใจได้ถูกต้อง ทุกอย่างก็จะง่ายขึ้นและไม่มีอะไรเป็นภาระอีกต่อไป นอกจากนี้ยังมีเทคนิคพิเศษในการทำงานกับกรรมซึ่งมุ่งช่วยสร้างความตระหนักรู้ บนเว็บไซต์ของเรานี่เป็นเทคนิคทาร์ปานา การชำระล้างกรรมของร็อด และศักติกรรมกริยา

สำหรับผู้ที่มีวิสัยทัศน์ภายใน คุณสามารถลองฝึกวิธีนี้ได้ กับเริ่มดูว่ามันแขวนอยู่ที่ไหนโซ่: ไปมา? ถ้าซึ่งไปข้างหน้า - นี่เป็นกรรมส่วนตัว ถ้าเขาจากไปกลับ- เอ่อ นั่นคือกรรมของบรรพบุรุษ มันทอดยาวจากด้านหลังและมีญาติเก่าของเราติดอยู่ กรรมของบรรพบุรุษสืบทอดมาตามสายสตรีมาไม่ต่ำกว่า 7 ชั่วอายุคน เส้นชายไม่ค่อยยาว แต่บางครั้งมันอาจจะยาวมาก อะไรก็เกิดขึ้นได้ หากเราเห็นโซ่ของเรา (หรือของบุคคลอื่น) ติดอยู่กับกำแพง ถ้าเราก้าวข้ามอุปสรรคนี้ไป เราก็จะพบว่าตัวเองอยู่ในแอตแลนติส หรือในไฮเปอร์บอเรีย หรือที่อื่น มีได้เยอะมาก และลิงก์แรกดูเหมือนครึ่งลิงก์ ในกรณีนี้คุณสามารถส่งผ่านสีมรกต (สีที่ใช้ตรวจสอบข้อมูลเพื่อความจริง) และไปยังดาวเคราะห์ที่เรามาที่นี่มายังโลกได้ บางครั้งมันเกิดขึ้นที่โซ่ถูกถักทอเป็นอวัยวะเฉพาะบนร่างกาย ซึ่งหมายความว่าโดยโรคของอวัยวะนี้บุคคลจะกระทำกรรมของเขา หากหัวใจ - ในชาติใดชาติหนึ่งคน ๆ หนึ่งทำผิดพลาดซึ่งทำให้นึกถึงตัวเองในชีวิตนี้

การปรากฏตัวของลิงค์ โซ่พูดถึงคุณภาพของอวตารสีของวงแหวนสามารถบ่งบอกคร่าวๆ ได้ว่าคนเราทำอะไรผิดพลาด สีดำ- บุคคลหนึ่งเคยฝึกฝนเวทมนตร์คาถามนต์ดำรับใช้อำนาจมืดและทำด้วยความยินดี ไม่จำเป็นต้องกลัวสิ่งนี้ เนื่องจากหลายคนมีประสบการณ์มหัศจรรย์นี้ ในกรณีนี้สามารถทำอะไรได้บ้าง? เราไปที่ลิงค์นี้ ส่งผ่านแหวนมรกต (ทดสอบความจริง) และภาพของชีวิตนั้นก็ปรากฏต่อหน้าเราเมื่อมีการตัดสินใจที่จะรับใช้กองกำลังความมืด คุณถูกจับได้ว่าทำอะไรที่นั่น: ความกระหายอำนาจ ชื่อเสียง เงิน? เหยื่อมีไม่มากจริงๆ ทันทีที่คุณเห็นเหตุผลและอยู่ตรงนั้น ในขณะนั้น ในขณะที่ทำการตัดสินใจ คุณสามารถพูดว่า "ไม่" ได้ นั่นคือเราตัดสินใจเลือกอีกครั้ง วิธีนี้ทำให้คุณสามารถเขียนบทชีวิตของคุณใหม่ได้ มันก็เกิดขึ้นเช่นกัน: คุณหยิบวัตถุบนถนนโดยอัตโนมัติและด้วยชะตากรรมที่คล้ายกัน ก็เพียงพอแล้วที่จะไม่ยกมันขึ้นและห้ามไม่ให้วัตถุดังกล่าวปรากฏโดยทั่วไปในชีวิตนั้น หากทุกอย่างถูกต้อง เหตุผลจะถูกกำหนดอย่างถูกต้องและดำเนินการอย่างถูกต้อง ลิงก์จะเริ่มสว่างขึ้นและกลายเป็นโลหะ ซึ่งหมายความว่างานเสร็จสิ้นแล้ว การเชื่อมต่อกับพลังแห่งความมืดได้ถูกลบออกไปแล้ว ด้วยการเปลี่ยนกิจกรรมที่นั่น เราจะเปลี่ยนกิจกรรมใน "ที่นี่และเดี๋ยวนี้"

ถ้าเป็นลิงค์ เหล็ก, สีโลหะสีเทา - ซึ่งหมายความว่าชาตินี้เป็นเรื่องปกติ ไม่จำเป็นต้องทำการตัดสินใจระดับโลก

สึกกร่อน สนิม, ป ปกคลุมไปด้วยเปลือกสีน้ำตาลสีของเลือดแห้ง - คน ๆ หนึ่งหลั่งเลือดของคนอื่นและทำมันด้วยความยินดี ชีวิตของเพชฌฆาต นักฆ่ารับจ้าง ผู้ทรมาน... มีหมายเหตุอยู่ตรงนี้ หากบุคคลหนึ่งเป็นนักรบและต่อสู้เพื่อความชอบธรรมเพื่อมาตุภูมิก็ไม่มีภาระ การเชื่อมโยงของบุคคลดังกล่าวไม่ได้ถูกปกคลุมไปด้วยเลือด - เป็นสีโลหะหรือสีเงิน ดังนั้นนี่คือ หากคุณเห็นความเชื่อมโยงกับเลือดเราก็ส่งมันผ่านแหวนมรกตแล้วดูว่าคุณชอบอะไรในอาชีพนี้ ที่นี่คุณจะต้องทำการตัดสินใจภายใน ทำการประเมิน - การกระทำดังกล่าวสอดคล้องกับโลกทัศน์ของคุณหรือไม่? มโนธรรมของคุณมีปฏิกิริยาอย่างไรต่อสิ่งนี้? สิ่งที่สามารถทำได้ที่นี่? เราเลือก: เราเปลี่ยนอาชีพของเรา เช่น เพื่อการชาตินั้น และหากเลือกถูกต้อง ลิงก์จะเปลี่ยนเป็นสีเทา หากบุคคลไม่ฆ่าตัวตาย แต่ออกคำสั่งให้ฆ่า ภาระกรรมของเขาจะเพิ่มขึ้นหลายเท่า: กรรมส่วนบุคคล รัฐ และสาธารณะเป็นชั้น ๆ - นี่เป็นเรื่องยากมากที่จะแก้ไขโดยเฉพาะตัวคุณเอง แต่มันก็คุ้มค่าที่จะลอง ไม่ว่าในกรณีใดคุณสามารถขอความช่วยเหลือได้ตลอดเวลา สิ่งสำคัญคือการประเมินจุดแข็งและความสามารถของคุณอย่างมีสติ โดยทั่วไปแล้วกรรมที่มากเกินไปเป็นสัญญาณว่าถึงเวลาที่บุคคลจะต้องชำระค่าใช้จ่าย และนี่คือสิ่งเล็กน้อยที่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ คุณเพียงแค่ต้องเข้าใจว่าคุณทำผิดและยอมรับมัน ไม่ใช่บ่นเกี่ยวกับโชคชะตา พระเจ้า ผู้คน ชีวิต และอื่นๆ ตำแหน่งดังกล่าวจะนำไปสู่การหยั่งรากในความชั่วร้ายและความทรมานต่อไป

สีชมพูลิงก์ - บุคคลหนึ่งใช้ชีวิตด้วยความรัก ให้ความรักมากมาย และส่งแรงสั่นสะเทือนสูง สีแดง (และสีแดงเข้ม) - บุคคลหนึ่งใช้ชีวิตตามกิเลสตัณหาและเสียชีวิต

หากเราพบเห็นสิ่งใดๆ ลิงก์เพิ่มเติมและน่าสงสัยมาก - นี่หมายความว่ามีคนทิ้งกรรมไว้กับบุคคล พวกยิปซีมักมีความผิดมากในเรื่องนี้ พวกเขาถ่ายโอนโดยเพียงแค่จับมือบุคคล ไม่ใช่ตลอดไปจริงๆ แล้วเธอก็ยังกลับมาที่บ้านของเธอ แต่น่าเสียดาย มันยังคงอยู่กับมนุษย์เช่นกัน ดังนั้นอย่ายื่นมือให้พวกยิปซี อย่าพูดกับพวกเขาด้วยข้ออ้างใดๆ และหากพวกเขาเริ่มโจมตีอย่างชัดเจน ให้หันกลับมาแล้วบอกพวกเขาว่า: "และพระเจ้าก็ประทานความรัก ความสุข และสุขภาพที่ดีแก่คุณเช่นกัน!"

ลิงค์ทอง - ชีวิตนี้อยู่ร่วมกับมหาอำนาจสูง เขามีชีวิตที่ศักดิ์สิทธิ์ ยิ่งลิงค์ทองมากเท่าใดบุคคลก็ยิ่งมีความศักดิ์สิทธิ์มากขึ้นเท่านั้น

มีคน, ปราศจากกรรม. ในกรณีนี้ เราไม่เห็นโซ่ ปลอกคอ หรือข้อต่อใดๆ ที่คอ

ผมขอสรุป: กรรมถูกกำหนดโดยการกระทำของบุคคลและแรงจูงใจทางอารมณ์ตลอดจนทัศนคติที่เขามีต่อผู้คน การก้าวพ้นภาระกรรมคือการตรัสรู้ เกิดขึ้นโดยความหลุดพ้นจากตัณหา ความคิดและการกระทำอันไม่กรุณา โดยการทำลายจิตแห่งโลกมายา เพิ่มความ

ร็อคหรือโชคชะตา

(μοϊρα, αΐσα, τύχη, άνάγκη, είμαρμένη, πεπρωμένη; ดูแบ่งปัน) - มีความหมายสองเท่าในวรรณคดีกรีกโบราณ: อักษรย่อ, นาม, แฝง - ส่วนแบ่ง, กำหนดไว้ล่วงหน้าสำหรับมนุษย์ทุกคนและส่วนหนึ่งสำหรับเทพ และอนุพันธ์, เหมาะสม, กระตือรือร้น - ความเป็นอยู่ส่วนบุคคล แต่งตั้งประกาศชะตากรรมของเขาโดยเฉพาะเวลาและประเภทของความตาย ฝ่ายหนึ่งเทวดาและเทวดาฝ่ายมนุษย์มีกำลังจำกัด มีตัณหาเข้าถึงได้ บูชาแล้วสวดภาวนา ในทางกลับกัน มีหน้าที่ตอบแทนผู้มีคุณธรรมและลงโทษผู้ชั่วร้าย กลับกลายเป็นว่าไม่เพียงพอจะอธิบายในแต่ละข้อที่ให้มา เหตุแห่งภัยพิบัติอันเกิดแก่มนุษย์คนใดคนหนึ่ง มักจะโดยไม่คาดคิดและไม่สมควรได้รับเลย เหตุการณ์มากมายในชีวิตของบุคคลและทั้งชาติเกิดขึ้นซึ่งขัดแย้งกับการคำนวณและการพิจารณาของมนุษย์ทั้งหมด แนวคิดทั้งหมดเกี่ยวกับการมีส่วนร่วมของเทพรูปทรงมนุษย์ในกิจการของมนุษย์ สิ่งนี้บังคับให้ชาวกรีกโบราณยอมรับการดำรงอยู่และการแทรกแซงของสิ่งมีชีวิตพิเศษ ซึ่งเจตจำนงและการกระทำมักจะไม่อาจหยั่งรู้ได้ และดังนั้น ในจิตใจของชาวกรีกจึงไม่เคยได้รับการปรากฏตัวที่ชัดเจนและชัดเจน “คนเหล่านั้น” นักประวัติศาสตร์ โพลิเบียส ตั้งข้อสังเกต “ผู้ซึ่งไม่ว่าจะเนื่องมาจากข้อจำกัดตามธรรมชาติ ความไม่รู้ หรือท้ายที่สุดคือความเหลื่อมล้ำ ไม่สามารถเข้าใจอุบัติเหตุ สาเหตุ และความสัมพันธ์ทั้งหมดไม่ว่าในกรณีใดๆ ก็ตาม ที่พิจารณาเทพเจ้าและโชคชะตา เป็นผู้กระทำผิดในเหตุการณ์นั้น” ซึ่งบรรลุได้ด้วยญาณ การคำนวณ และการมองการณ์ไกล” (X, 5, 8) การเริ่มต้นคำอธิบายเชิงเปรียบเทียบของระบบทหารของโรมันและมาซิโดเนียและเชื่อมั่นในความเหนือกว่าของระบบแรก Polybius ตั้งข้อสังเกตว่าจากคำอธิบายของเขา ผู้อ่านจะเข้าใจเหตุผลที่แท้จริงสำหรับชัยชนะของอาวุธโรมันในการทำสงครามกับมาซิโดเนีย และจะไม่ “เหมือนคนโง่ ถือว่าทุกสิ่งเป็นไปตามโชคชะตา” (XVIII, 28 , 5) อย่างไรก็ตาม โพลีเบียสเองในหลาย ๆ ที่ในประวัติศาสตร์ของเขา หันไปใช้แนวคิดเรื่องโชคชะตาเพื่ออธิบายเหตุการณ์ที่สำคัญที่สุดและซับซ้อนที่สุด ซึ่งยากต่อการเข้าใจในเหตุและผลที่ตามมาทั้งหมด แง่มุมหนึ่งของความเชื่อในโชคชะตาได้รับการอธิบายอย่างมีไหวพริบโดย N. Chernyshevsky เกี่ยวกับการกล่าวถึงอาร์บ่อยครั้งในโศกนาฏกรรมของชาวกรีก:“ ยิ่งสิ่งที่บุคคลสำคัญคิดขึ้นมากเท่าใดก็ยิ่งจำเป็นต้องมีเงื่อนไขมากขึ้นเพื่อให้เป็นไปตามที่วางแผนไว้ แทบจะไม่มีเงื่อนไขทั้งหมดเลยที่จะไม่เป็นไปตามที่บุคคลคาดหวังดังนั้นจึงแทบไม่เคยทำงานที่สำคัญเลย อย่างแน่นอนตามที่บุคคลนั้นตั้งใจไว้ อุบัติเหตุครั้งนี้ ซึ่งทำให้แผนของเราปั่นป่วน ดูเหมือนว่าคนครึ่งป่าจะเป็นผลงานของสิ่งมีชีวิตคล้ายมนุษย์ โชคชะตา; จากตัวละครพื้นฐานนี้ ปฏิบัติตามคุณสมบัติทั้งหมดที่แนบมากับโชคชะตาโดยคนป่าเถื่อนยุคใหม่ ผู้คนตะวันออกจำนวนมาก และชาวกรีกโบราณ... โอกาสทำลายการคำนวณของเรา - ซึ่งหมายความว่าโชคชะตาชอบที่จะหัวเราะเยาะบุคคลและการคำนวณของเขา เป็นไปไม่ได้ที่จะคาดการณ์กรณีนี้ ไม่สามารถพูดได้ว่าทำไมมันถึงเกิดขึ้นในลักษณะนี้และไม่เป็นอย่างอื่น - ดังนั้นโชคชะตาจึงไม่แน่นอนและไม่แน่นอน โอกาสมักเป็นอันตรายต่อบุคคล - ดังนั้นโชคชะตาชอบที่จะทำร้ายบุคคลชะตากรรมของความชั่วร้าย" ("The Aesthetic Relations of Art to Reality", pp. 35 et seq.) แต่แนวคิดของ R. มีมากกว่านั้นมาก มากกว่าหนึ่งคุณลักษณะของโอกาส (τύχη, τα τής τύχης) ความไม่เปลี่ยนรูปและความจำเป็น (άνάγκη) ถือเป็นคุณลักษณะเฉพาะที่สุดของแนวคิดนี้ ความจำเป็นเร่งด่วนที่สุดและไม่อาจต้านทานได้สำหรับการเป็นตัวแทนของ R. เกิดขึ้นเมื่อบุคคลซึ่งไม่มีความรู้ที่ถูกต้องเป็นอาวุธ การวิจารณ์และการวิเคราะห์ยืนหยัดเผชิญหน้ากับข้อเท็จจริงลึกลับที่เกิดขึ้นแล้วและกระทบต่อจิตใจและจินตนาการด้วยความไม่สอดคล้องกับแนวความคิดที่คุ้นเคยและเงื่อนไขปกติ กวีของเราในคำพูดของ Chatsky บรรยายถึงความสับสนของบุคคลอย่างถูกต้องในมุมมองของ สถานการณ์ที่เกิดขึ้นโดยไม่คาดคิดและไม่อาจเข้าใจได้:

“โอ้ จะเข้าใจเกมแห่งโชคชะตาได้อย่างไร...

คนที่มีจิตวิญญาณเป็นผู้ข่มเหงเป็นหายนะ!

เมื่อพิจารณาถึงการปรากฏตัวของสิ่งที่เรียกว่าโลกทัศน์แบบวิญญาณและในระดับต่ำของการพัฒนาจิตใจ ความฉงนสนเท่ห์ดังกล่าวย่อมนำไปสู่ความคิดของสิ่งมีชีวิตที่นำพาผู้คนไปตามเส้นทางที่เขารู้จักเพียงผู้เดียวอย่างทรงพลัง อย่างไรก็ตาม จิตใจของชาวกรีกโบราณที่อยากรู้อยากเห็นแม้จะไม่สอดคล้องกันทั้งหมด แต่ก็ไม่ค่อยสงบลงด้วยคำตอบว่า "ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นขัดกับความคาดหวังของเขา มันก็ควรจะเป็นเช่นนั้น" ความรู้สึกยุติธรรมที่เข้าใจในแง่การให้รางวัลแก่ทุกคนตามการกระทำของเขากระตุ้นให้เขามองหาสาเหตุของภัยพิบัติอันน่าอัศจรรย์และมักจะพบพวกเขาในสถานการณ์พิเศษบางอย่างในชีวิตส่วนตัวของเหยื่อหรือมาก บ่อยขึ้นและง่ายขึ้นในบาปของบรรพบุรุษของเขา ในกรณีหลังนี้ ความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดระหว่างสมาชิกทุกคนในเผ่า ไม่ใช่แค่ครอบครัวเท่านั้น ออกมาอย่างชัดเจนเป็นพิเศษ ชาวกรีกมีความเชื่อมั่นอย่างลึกซึ้งถึงความจำเป็นที่ลูกหลานจะต้องชดใช้ความผิดของบรรพบุรุษโดยสืบเชื้อสายมาจากบรรพบุรุษ โศกนาฏกรรมของชาวกรีกได้พัฒนาแนวคิดนี้อย่างขยันขันแข็งซึ่งฝังอยู่ในนิทานพื้นบ้านและตำนาน ในขั้นต้นคำนามทั่วไปหรือความหมายเชิงโต้ตอบของชื่อข้างต้นของอาร์ตามมาจากข้อเท็จจริงที่ว่าพวกเขายังคงรักษาความหมายนี้ไว้แม้ในช่วงเวลาที่พวกเขากำหนดให้เทพมีเจตจำนงแน่วแน่และการตัดสินใจที่ไม่ยอมแพ้ ความหมายที่ระบุของชื่อทำให้ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงแนวคิดที่เกี่ยวข้องโดยสิ้นเชิงให้กลายเป็นภาพในตำนานที่แท้จริงเช่น Zeus, Apollo และเทพส่วนบุคคลอื่น ๆ มันทำให้ R. อยู่ในระดับการแสดงตน ซึ่งเป็นการแสดงออกโดยนัยเกี่ยวกับสิ่งที่ใครบางคนได้แบ่งปัน คำว่า τύχη (กรณี การพบปะ; คำภาษาเซอร์เบีย) ได้รับความหมายของโชคชะตา และในแง่นี้มักใช้บ่อยในวรรณกรรมรุ่นหลังๆ เนื่องจากโอกาสที่ไม่อาจคาดเดาได้และยากที่จะเอาชนะกลับกลายเป็นว่ารุนแรงกว่าการคำนวณและการปรับตัวใดๆ ของมนุษย์ และ ดังนั้น ดูเหมือนว่าการแทรกแซงที่ผ่านไม่ได้จะเป็นพลังที่กำหนดผลลัพธ์ของสถานการณ์ที่กำหนดไว้ล่วงหน้า โอกาส, τύχη, กลายเป็นความจำเป็น, άνάγκη; ชื่อ Tyche มอบให้กับผู้มีอำนาจมากที่สุดในบรรดาพี่สาวทั้งสามคน - เทพีแห่งโชคชะตา (ตัวอย่างเช่นในข้อความหนึ่งของพินดาร์) ในความคิดของชาวกรีกโบราณเกี่ยวกับอาร์ การมองหาความสอดคล้องและเอกภาพที่เข้มงวดนั้นไร้ประโยชน์ มันจะยากพอๆ กันที่จะสร้างความต่อเนื่องตามลำดับเวลาในการพัฒนาแนวคิดประเภทนี้ ในจิตสำนึกของชาวกรีก แม้แต่คนที่ได้รับการเพาะเลี้ยง เช่น เฮโรโดทัส ก็มีความคิดที่แตกต่างกันเกี่ยวกับเทพเจ้าอยู่ร่วมกัน โดยมักจะแยกออกจากกัน ดังนั้น เฮโรโดทัสจึงเชื่อว่า “เป็นไปไม่ได้ที่พระเจ้าจะหลีกหนีชะตากรรมที่พระองค์ทรงกำหนดไว้ (I, 91) สิ่งที่ต้องอดทนเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้” (I, 8, 13; II, 161, 173; IV, 79 ฯลฯ ). ข้อความส่วนใหญ่ที่เกี่ยวข้องกันในที่นี้แสดงถึงชะตากรรมที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ของมนุษย์ที่มาจากเทพ (ό θεός) และเทพเองก็ไม่ได้ถูกเรียกตามชื่อ เห็นได้ชัดว่านักประวัติศาสตร์แยกเขาออกจากซุส อพอลโล และเทพเจ้ามานุษยวิทยาอื่น ๆ “สิ่งที่จะเกิดขึ้นตามความประสงค์ของเทพ (έκ τοϋ θεοϋ) มนุษย์ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้” (IX, 16) เฮโรโดตุสเรียกสิ่งมีชีวิตสูงสุดเพียงครั้งเดียว ซึ่งคำจำกัดความของเหล่าเทพเจ้าไม่เปลี่ยนรูปในชื่อมอยราในรูปพหูพจน์ (I, 91) นอกเหนือจากแนวคิดเรื่องการหลีกเลี่ยงไม่ได้ของโชคชะตาแล้ว การแก้แค้นยังครองตำแหน่งที่โดดเด่นในหมู่นักประวัติศาสตร์ในฐานะงานของเหล่าทวยเทพ การตอบแทนมนุษย์ในสัดส่วนที่เท่าเทียมกัน (VI, 11, 109) ดังนั้น จึงเป็นการกระทำที่เป็นอิสระจากสิ่งมีชีวิตที่มีอำนาจมากกว่า เฮโรโดตุสยังคุ้นเคยกับแนวคิดเรื่องแผนการของพระเจ้า (τοϋ θείου ή προνοίη, III, 108) ซึ่งตั้งแต่แรกเริ่มได้กำหนดลำดับของสิ่งต่าง ๆ ไว้ล่วงหน้าอย่างชาญฉลาด คำอธิษฐาน การเสียสละต่อเทพเจ้า และวิธีอื่นในการขอความช่วยเหลือจากพวกเขายังขัดแย้งกับแนวคิดของอาร์ ความหายนะของ Croesus ล่าช้าไปสามปีโดย Apollo ซึ่งตรงกันข้ามกับการกำหนดชะตากรรม (I, 91) เทพแห่งเดลฟิคเปลี่ยนคำทำนายที่เป็นลางไม่ดีให้กลายเป็นคำทำนายที่ดีหลังจากได้รับคำร้องขออันเข้มข้นจากชาวเอเธนส์เท่านั้น (VII, 141); ลางบอกเหตุแห่งความสุขมอบให้กับชาวสปาร์ตันหลังจากคำอธิษฐานของ Pausanias ถึง Hera (IX, 61-62) เท่านั้น ความไม่สอดคล้องกันแบบเดียวกันนี้สะท้อนให้เห็นในมุมมองของชาวกรีกโบราณดังที่เห็นได้จากเพลงของ Homeric เป็นหลัก ความแตกต่างที่สำคัญระหว่างชาวกรีก Homeric และ Herodotus คือแนวคิดของ R. และความประสงค์ของเทพเจ้าที่ปกครองกิจการของมนุษย์นั้นแยกออกจากกันอย่างอ่อนแอมากจากแนวคิดแรก บ่อยครั้งที่มีกรณีของการละเมิดคำจำกัดความของอาร์ในเพลงของโฮเมอร์ชื่อαΐσαและμοϊραเปิดเผยด้วยความชัดเจนทั้งหมดความหมายดั้งเดิมของส่วนหนึ่งส่วนใดส่วนหนึ่งของบางสิ่งด้วยความยุติธรรม - การแบ่งปันที่เหมาะสมและเหมาะสม ( "อีเลียด", VI, 333; XVIII, 327; " โอดิสซี", XIX, 327; XX, 171) ในฐานะเทพประจำตัว มอยราได้รับการตั้งชื่อถัดจากซุส, เอรินเยส, อพอลโล และเทพเจ้าอื่น ๆ (อีเลียด, เจ้าพระยา, 849; XIX, 87, 410) จึงแยกตัวออกจากพวกเขา คุณสมบัติถูกระบุโดยคำฉายา: เกลียดชัง, หายนะ, ทรงพลัง (“ Iliad”, III, 101; V, 83; XII, 116; XVI, 334; “ Odyssey”, II, 100; III, 238; XIX, 145 ฯลฯ .) . มอยราทรยศ Lycaon อีกครั้งในมือของ Achilles (Iliad, XXI, 82); เธอเชื่อง ล่ามโซ่ผู้คน จับพวกเขา ฯลฯ Kera และ Death ช่วยเธอเมื่อการสิ้นสุดของการดำรงอยู่ของโลกมาถึงใครบางคน เจ้าแม่อาร์. เฝ้าดูมนุษย์ทุกคนอย่างระมัดระวังและไม่ลดละ เพื่อให้ระดับความสุขและภัยพิบัติที่ได้รับมอบหมายตั้งแต่แรกเกิดได้รับการเติมเต็มอย่างถูกต้อง และการสิ้นสุดของชีวิตก็ตกแก่เขาอย่างต่อเนื่องตามเวลาที่กำหนดไว้

“เจ้ามีอายุไม่ยืนยาวอีกต่อไป” Patroclus พูดกับ Hector: “ปิด

ทั้งความตายและโชคชะตาอันโหดร้ายยืนเคียงข้างคุณ

ตกอยู่ภายใต้เงื้อมมือของอคิลลิส หลานชายผู้ยิ่งใหญ่ของยาโคบ” (อีเลียด ที่ 16, 857)

Hercules ผู้ยิ่งใหญ่ถูกเอาชนะโดย R. และความโกรธที่ไม่ยอมแพ้ของ Hera (Iliad, XVIII, 116) อาร์ผู้หายนะผูกมัดเฮคเตอร์และไม่อนุญาตให้เขาซ่อนตัวอยู่หลังกำแพงเมืองทรอย อพอลโลผู้พิทักษ์ผู้ซื่อสัตย์ของฮีโร่โทรจันละทิ้งคนโปรดของเขา ในทางตรงกันข้าม Athena มาช่วย Achilles เมื่อใด

“ซุส ผู้ทรงจัดเตรียม ทรงกางเกล็ดทองคำออก พระองค์ทรงวางบนนั้น

ฆ่าคนตายไปมากมาย หลับใหลไปนาน:

ล็อตหนึ่งสำหรับอคิลลีส และอีกล็อตสำหรับลูกชายของพริอัม

เขาหยิบมันขึ้นมาตรงกลางแล้วยกขึ้น: ล็อตของเฮคเตอร์ตกต่ำ

ตัวหนักก็ตกสู่ฮาเดส" (XXII, 209, 5)

Hera และ Athena ตำหนิ Zeus ที่พยายามตรงกันข้ามกับ R. เพื่อหลีกเลี่ยงความตายจาก Sarpedon และ Hector ซึ่งเป็นคนโปรดของเขา (XVI, 433-442; XXII, 179) เมื่อ Zeus สั่งให้ Hermes ไปที่ Calypso และบังคับให้เธอปล่อย Odysseus เขาเพียงทำตามคำจำกัดความของ R. โดยสรุปการสนทนากับ Hermes ด้วยคำเหล่านี้:

“ในที่สุด เขาก็รักเพื่อนบ้านตามความประสงค์แห่งโชคชะตา

เขาจะได้เห็นดินแดนของบรรพบุรุษและบ้านที่ตกแต่งอย่างหรูหราของเขา” (โอดิสซีย์, 41)

Hermes ประกาศต่อ Calypso ถึงเจตจำนงของเหล่าทวยเทพ:

“เหล่าทวยเทพขอให้ท่านส่งเขาออกไปทันที

เพราะไม่ใช่ชะตากรรมของเขาที่จะตายไปไกลจากบ้านเกิดของเขา:

ความตั้งใจตรงกันข้ามกับโชคชะตาเพื่อให้เพื่อนบ้านที่รักที่รัก

พระองค์ทรงเห็นแผ่นดินและเรือนอันสดใสของพระองค์แล้ว” (112)

การทดสอบโชคชะตาของซุสนั้นแสดงให้เห็นในรูปแบบของการชั่งน้ำหนักบนตาชั่งทองคำ (อีเลียด, VIII, 69; XVI, 658; XIX, 223) และเจ้าแห่งเทพเจ้าก็ปฏิบัติตามความประสงค์ของอาร์อย่างเชื่อฟังในสิ่งเหล่านี้และที่คล้ายกัน กรณีที่อาร์อยู่เหนือความปรารถนาของเหล่าเทพเจ้าเช่นและในเฮโรโดทัส: ในช่วงเวลาแห่งโชคชะตาเหล่าเทพเจ้าโดยไม่แยกผู้ปกครองสูงสุดของพวกเขาสละตัณหาของตนเองและมีส่วนช่วยในการปฏิบัติตามคำสั่งแห่งโชคชะตาเท่านั้น

“แต่มันเป็นไปไม่ได้แม้แต่กับเทพเจ้า” เทเลมาคัสกล่าว

ถึงพี่เลี้ยง - จากชั่วโมงแห่งความตายทั่วไป

เพื่อช่วยคนที่รักเมื่อเขาถูกหักหลังไปแล้ว

ชะตากรรมจะอยู่ในมือแห่งความตายอย่างสมเกียรติตลอดไป” ("Odyssey", III, 236)

สิ่งที่ไม่เปลี่ยนรูปไปกว่านั้นคือการตัดสินใจของโชคชะตาเพื่อมนุษย์:

“ฝ่าฝืนโชคชะตา มนุษย์จะไม่ส่งฉันไปหาผู้ช่วย

แต่อย่างที่ฉันจำได้ ไม่มีชะตากรรมเดียวที่เกิดมาบนโลก

สามีไม่กล้าหาญหรือขี้อายไม่ว่าเขาจะเกิดเร็วแค่ไหนก็ตาม” -

นี่คือวิธีที่ Hector สงบ Andromache เมื่อเขาออกไปดวลกับ Achilles (Iliad, VI, 487; cf. VII, 52) ในบทเพลงของโฮเมอร์มีข้อบ่งชี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าถึงความไร้อำนาจของมนุษย์ต่อโชคชะตา เช่นเดียวกับความคงกระพันของเขาจนกระทั่งชั่วโมงแห่งโชคชะตามาถึง (ฉันถูกโชคชะตาตามทัน วันที่ถูกกำหนดโดยโชคชะตา ถูกกำหนดโดยโชคชะตา) โดยไม่ได้มอบความคิดของอาร์ด้วยคุณสมบัติและคุณสมบัติบางอย่างของภาพแต่ละภาพ แต่ชาวกรีกโฮเมอร์ริกก็มีแนวโน้มที่จะเห็นผู้หญิงที่หมุนด้ายแห่งชีวิตให้กับทุกคนที่เกิดในโชคชะตากำหนดความยาวของ ด้ายแห่งชีวิตและถักทอความผันผวนทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับเขาตั้งแต่แรกเกิดจนถึงหลุมศพ ดังนั้น เฮร่าจึงกลัวอคิลลีสเมื่ออีเนียสจับอาวุธขึ้นต่อสู้กับเขา และสวดภาวนาต่อเทพเจ้าเพื่อปกป้องเธอคนโปรดจากอันตรายที่กำลังจะเกิดขึ้น

"...วันนี้เขาจะไม่ต้องทนทุกข์ทรมานจากโทรจันอีกต่อไป

หลังจากนั้นเขาจะอดทนต่อทุกสิ่งที่เป็นชะตากรรมที่ไม่สิ้นสุดของเขา

ตั้งแต่วันแรกที่เขาเกิดมาจากแม่เธอก็ปั่นด้าย" ("อีเลียด", XX, 127)

การไว้ทุกข์ให้กับเฮคเตอร์และขอร้องให้ Priam อย่าไปหา Achilles เพื่อเก็บศพลูกชายของเขา Hecuba พูดว่า:

"...ที่รู้คือชะตากรรมอันโหดร้ายของอุทยาน (Μοϊρα)

ฉันบอกลูกชายของเราว่าฉันให้กำเนิดเด็กชายที่โชคร้ายได้อย่างไร

แบ่งปันเพื่อให้สุนัขพอใจ” ฯลฯ (XXIV, 209)

ในรูปแบบนี้ บางครั้งโชคชะตาก็มีผู้ช่วยที่หมุนอยู่ด้วย ดังที่เห็นได้จากคำปราศรัยของ Alcinous ถึงที่ประชุมของชาว Phaeacians:

“...เมื่อไรจะถึง(บ้านเกิด)

ปล่อยให้เขาสัมผัสประสบการณ์ทุกสิ่งที่ Fate และ Spinners ผู้ยิ่งใหญ่

เส้นด้ายแห่งการดำรงอยู่แห่งความตายถูกถักทอเพื่อเขาตั้งแต่แรกเกิด" (Odyssey, VII, 196)

จากที่นี่การเปลี่ยนแปลงจะเป็นไปตามการนำเสนอของมอยราหลายตัวตามธรรมชาติ ครั้งหนึ่งมีการกล่าวถึงสิ่งเหล่านี้ในพหูพจน์ของโฮเมอร์ในอีเลียด: มอยไรทำให้ผู้คนมีความกล้าหาญในการอดทนต่อปัญหา (XXIV, 49) เฮเซียดรู้จักมอยราสามตัวแล้ว โดยเรียกชื่อพวกมัน (ดูมอยรา) มอยไรยังปรากฏอยู่ในร่างบุคคลสามคน (τρίμορφοι) ในเอสคิลุส (โพรมีธีอุส, 515) ทุกสิ่งที่กล่าวมานั้นหมายถึงโชคชะตาหรืออาร์ซึ่งเป็นพลังที่แยกจากเทพเจ้าและยืนอยู่เหนือพวกเขา อย่างไรก็ตาม เพลงของโฮเมอร์ริกจำนวนมากและชัดเจนไม่น้อยคือสถานที่ที่ชะตากรรมและชะตากรรมของมนุษย์ดูเหมือนจะมาจากเทพเจ้าส่วนใหญ่มาจากซุส เทพเจ้าเป็นผู้กำหนดชะตากรรมของมนุษย์ ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องแยกจากเทพเจ้า ดังนั้นการแสดงออกเช่นการตัดสินใจที่ร้ายแรง ความประสงค์ที่ร้ายแรงของซุส เทพ เทพเจ้า ฯลฯ ; สิ่งที่เทพพูดนั้นเทียบเท่ากับร.ผู้กำหนดโชคชะตา ตัวอย่างเช่น เฮคเตอร์ถูกกำหนดไว้แล้ว (θέσφατόν έστι) ตามคำกล่าวของซุส ว่าจะไม่ถอนตัวจากการต่อสู้กับชาวอาเคียส ก่อนที่อคิลลิสจะกลับมามีส่วนร่วมในสงครามอีกครั้งหลังจากการตายของ Patroclus (Iliad, VIII, 477) ตามที่เพเนโลพีกล่าวไว้ เหล่าเทพได้มอบชะตากรรมของเขาให้กับมนุษย์แต่ละคน μοϊραν (Odyssey, XIX, 593) ในที่สุดการปั่นด้ายชีวิตแบบเดียวกัน (έπικλόθειν) ที่เกิดของบุคคลนั้นมีสาเหตุมาจากซุสและเทพเจ้าซึ่งในที่อื่นเรียกว่าผลงานของมอยราหรือไอซา (έπινεω); เป็นที่น่าสังเกตว่าในทั้งสองกรณีกวีใช้คำกริยาที่มีคำบุพบทเดียวกัน έπί นั่นคือ ซ่อน ทอ เมื่อปั่นด้าย การทดสอบนี้หรือการทดสอบนั้น ("Odyssey", I, 17; III, 209; VIII , 579; XI, 139; XVI, 64; XXI, 96. "อีเลียด", XXIV, 525. เปรียบเทียบ "อีเลียด", X, 70) คำอธิบายสำหรับความไม่สอดคล้องกันนี้ในมุมมองของชาวกรีกโฮเมอร์ควรหาเป็นหลักในความจริงที่ว่าในช่วงเวลาที่ห่างไกลความรู้สึกและอารมณ์ทางศาสนาไม่พบการแสดงออกที่สมบูรณ์และแม่นยำในภาพในตำนานของเทพเจ้า เมื่อเวลาผ่านไป ความขัดแย้งระหว่างศาสนาและเทพนิยายก็เพิ่มมากขึ้น นักคิดเช่น Heraclitus, Protagoras, Xenophanes, Plato โจมตีโฮเมอร์และเฮเซียดอย่างดุเดือดในการลดระดับเทพลงสู่ระดับของมนุษย์ธรรมดาด้วยจุดอ่อนและความเลวทรามทั้งหมดของยุคหลัง ผู้ศรัทธาเฮโรโดตุสได้ผลิตเทพเจ้ามานุษยวิทยาชาวกรีกจากอียิปต์ ยอมรับว่าความเข้าใจของชาวเปอร์เซียเกี่ยวกับเทพนั้นถูกต้องมากกว่า และเมื่อพูดถึงการแทรกแซงเหนือธรรมชาติในชะตากรรมของผู้คนและประชาชาติ เขานิยมใช้ชื่อสามัญ (θεός, θεϊον) มากกว่าชื่อ ของเทพประจำตัว Pindar, Aeschylus, Sophocles ก้าวไปไกลกว่านั้นอีก ชื่อเกือบเพียงอย่างเดียวยังคงเป็นเรื่องธรรมดาระหว่าง Zeus ของ Homer และ Zeus ของกวีที่มีชื่อ “สำหรับคุณ ซุส ถ้าชื่อนี้ทำให้คุณพอใจ ไม่ว่าคุณจะเรียกชื่ออะไร ฉันก็อธิษฐาน” นักร้องประสานเสียงในเพลง “Agamemnon” (ข้อ 155 et seq.) “ท่านลอร์ดแห่งลอร์ด ผู้ได้รับพรมากที่สุดในบรรดาผู้ที่ได้รับพร แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาซุสที่แข็งแกร่งและมีความสุข นั่งอยู่บนท้องฟ้า” บทร้องประสานเสียงในเพลง “The Petitioners” (ข้อ 518) พระองค์ทรงเป็นรูปเป็นร่างของความจริง การตัดสินใจของเขาไม่เปลี่ยนแปลงและไม่เปลี่ยนรูป อย่างไรก็ตาม แม้ในเพลงของโฮเมอร์ แนวคิดของซุสและเทพเจ้าอมตะอื่นๆ ก็ยังห่างไกลจากเรื่องราวเกี่ยวกับเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ และการกระทำอื่น ๆ ที่คัดลอกมาจากผู้คน เรื่องราวในตำนานเกี่ยวกับความเป็นอมตะนั้นก่อตัวและซับซ้อนภายใต้อิทธิพลของข้อกำหนดและรสนิยมทางศิลปะในสมัยนั้น ความคล้ายคลึงกับผู้คนทำหน้าที่เป็นเหตุผลและเป็นจุดเริ่มต้นสำหรับเรื่องราวดังกล่าว แต่เมื่อรวมกับพวกเขาและบางส่วนในพวกเขาแล้ว ความต้องการอีกอย่างหนึ่งก็พบการแสดงออก - เพื่ออธิบายปรากฏการณ์และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในโลกโดยการดำรงอยู่ของลำดับที่แน่นอน การอนุรักษ์ซึ่ง ถูกเฝ้าดูโดยเหล่าทวยเทพโดยมีซุสเป็นหัวหน้าหรือโชคชะตาหากแนวคิดของเทพเจ้าและซุสถูกแทนที่ด้วยความคิดที่ชัดเจนเกินไปเกี่ยวกับความใกล้ชิดกับมนุษย์ กวีดูเหมือนรู้สึกว่าการร้องเพลงเทพเจ้าในรูปของสิ่งมีชีวิตคล้ายมนุษย์ พวกเขากำลังบ่อนทำลายความนับถือพวกเขา ดังนั้นในเพลงของพวกเขาเกี่ยวกับเทพเจ้า พวกเขาจึงให้แนวคิดอื่นเกี่ยวกับเทพ ไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่ Phidias ประติมากรชาวกรีกที่ยิ่งใหญ่ที่สุดซึ่งมีชีวิตอยู่หลายศตวรรษหลังจากการกำเนิดของเพลง Homeric ซึ่งมีสังคมเอเธนส์ที่มีการพัฒนาค่อนข้างสูงก่อนหน้านี้ได้ใส่รูปปั้น Olympian Zeus ของเขาด้วยความคิดเกี่ยวกับเทพผู้สูงสุดซึ่ง ปรากฏในโองการของอีเลียด:

“ดูเถิด แล้วเจ้าจะแน่ใจ เราจะเจิมเจ้าด้วยศีรษะของเรา”

ดูเถิด ในนามของเราเพื่อเทพเจ้าผู้เป็นอมตะผู้ยิ่งใหญ่ที่สุด

คำพูดคือคำมั่นสัญญา: คำนั้นไม่อาจเพิกถอนได้และไม่เปลี่ยนรูปตลอดไป

และจะไม่เกิดขึ้นเมื่อฉันเจิมศีรษะ

แม่น้ำและเป็นสัญลักษณ์ที่ซุสโบกคิ้วสีดำของเขา:

ผมหอมของโครนิดลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว

รอบศีรษะอมตะและโอลิมปัสที่มีเนินมากมายก็สั่น” (อีเลียด, ฉัน, 524-530)

Nestor เตือน Diomedes ว่าบุคคลไม่ว่าเขาจะแข็งแกร่งแค่ไหนก็ไม่สามารถกลับการตัดสินใจของ Zeus ได้ (Iliad, VIII, 143) Achilles พร้อมที่จะยอมรับความตายทุกครั้งที่ Zeus และเทพเจ้าอื่นๆ ต้องการส่งมันลงมา (Iliad, XVIII, 115) ในอีกที่หนึ่งเขาตกลงว่าเขาถูกกำหนดไว้แล้ว (μόρσιμόν έστι, μόρος) ให้ตกอยู่ที่นี่ ห่างไกลจากพ่อและแม่ของเขา (XIX, 417, 421) การระบุชะตากรรมของ Zeus นั้นชัดเจนยิ่งขึ้นในจุดที่ Achilles คร่ำครวญถึงการสูญเสีย Patroclus และสงบสติอารมณ์กับความคิดที่ว่า Zeus ไม่ได้เติมเต็มความคิดทั้งหมดของผู้คน เพราะ "เราทั้งคู่ถูกลิขิตให้นองเลือดโลกอย่างเท่าเทียมกันที่นี่ใน ดินแดนโทรจัน” (Iliad, XVIII , 328) การแทนที่แนวคิดของซุสและโชคชะตา (εΐμαρτο) แบบเดียวกันนั้นพบเห็นได้ในหลายสถานที่ในโอดิสซีย์ (V, 286, 304, 312; XXIV, 24, 34) ในกรณีอื่น ๆ ในสถานที่ของซุสเพียงลำพังเทพเจ้าโดยทั่วไปถูกวางไว้ในฐานะผู้กระทำผิดของชะตากรรมที่เกิดขึ้นกับมนุษย์ (Iliad, XVIII, 8, 74, 79; XXI, 273, 281; VI, 138, 140, 200; VIII, 37 และอื่น ๆ อีกมากมาย .) อย่างไรก็ตาม ความเป็นอันดับหนึ่งยังคงอยู่กับซุส: เขาเพียงคนเดียว

“...และคนชั้นสูงจากโอลิมปัส

ความสุขให้โดยไม่เลือกปฏิบัติตามความประสงค์ของความแปลกประหลาด” (Odyssey, VI, 188)

ในวังของซุสมีภาชนะสองใบที่เต็มไปด้วยของขวัญ: อันหนึ่ง - มีความสุขและอีกอัน - ไม่มีความสุข (Iliad, XXIV, 527) ดังนั้นคุณสมบัติของโชคชะตาจึงถูกโอนไปยังซุส เทพเจ้าองค์อื่น ๆ ก็มีส่วนเกี่ยวข้องเช่นกันเนื่องจากพวกเขาช่วยซุสและทำเรื่องเดียวกันกับเขา ลักษณะที่ทำให้เทพเจ้าใกล้ชิดกับมนุษย์นั้นถูกแยกออกจากภาพในตำนาน และแนวคิดเรื่องเทพเจ้าได้รับเนื้อหาเกี่ยวกับจิตวิญญาณมากขึ้น ข้อ จำกัด ทางมานุษยวิทยาของเทพเจ้าส่วนบุคคลหลีกทางให้กับความคิดเกี่ยวกับอำนาจทุกอย่างและสัพพัญญูของพวกเขา: พวกเขาสร้างลำดับของปรากฏการณ์ไว้ล่วงหน้า มอบหมายชะตากรรมและขอบเขตของชีวิตมนุษย์แต่ละคนรวมถึงผลลัพธ์ของเหตุการณ์ที่สำคัญที่สุด และไม่อนุญาตให้ยกเลิกการตัดสินใจของตน แนวคิดเชิงนามธรรมของร. โชคชะตา ความจำเป็น และความหลีกเลี่ยงไม่ได้นั้นรวมอยู่ในภาพลักษณ์ที่เป็นรูปธรรมของเทพส่วนบุคคลผู้สูงสุด ชะตากรรมผู้มีอำนาจทุกอย่างที่อยู่ข้างๆเขาครองตำแหน่งผู้ใต้บังคับบัญชา ซุสเป็นบิดาของมอยราในเฮเซียด; ในโอลิมเปียในอาร์คาเดียในเดลฟีมีการสร้างแท่นบูชารูปปั้นของซุสผู้นำของมอยราถูกสร้างขึ้น (Pausanias, V, 15, 4; VIII, 37, 1; X, 24, 4) นักวิจารณ์เทววิทยาโฮเมอร์ริกในเวลาต่อมา ทั้งชาวกรีกและคริสเตียน ไม่ได้สังเกตเห็นความโน้มเอียงของชาวกรีกโบราณในการสร้างแนวคิดทางศาสนาทางจิตวิญญาณ และในเพลงของโฮเมอร์ริก พวกเขาพบเพียงความเชื่อโชคลางอย่างร้ายแรง การบูชาสิ่งมีชีวิตที่มีขอบเขตจำกัด มักจะเป็นสิ่งเลวร้ายและเป็นอาชญากร ด้านจิตวิญญาณของความเชื่อเหล่านี้ได้รับการเข้าใจอย่างใกล้ชิดมากขึ้นโดยศิลปินและประติมากรแห่งศตวรรษที่ 5 ก่อนคริสต์ศักราชด้วยพลังแห่งความสามารถทางศิลปะของเขา อย่างไรก็ตาม ความเชื่อในพลังของเทพเจ้าและในโชคชะตาอันทรงพลังไม่ได้กีดกันความเป็นไปได้ของเหตุการณ์ที่ขัดแย้งกับโชคชะตาหรือเทพ พวกอาร์กิฟส์จะต้องกลับมาจากทรอยเพื่อท้าทายโชคชะตา หากเอเธน่าไม่เข้ามาแทรกแซง (Iliad, II, 155) ซุสเองก็กลัวว่าอคิลลีสซึ่งโกรธ Patroclus ที่ถูกสังหารอาจทำลายฐานที่มั่นของโทรจันซึ่งตรงกันข้ามกับโชคชะตา (XX, 29) โพไซดอนเตือนอีเนียสว่าเขาอาจลงไปสู่ยมโลกซึ่งตรงกันข้ามกับโชคชะตาหากเขาไม่อายที่จะพบกับอคิลลีส (XX, 335) กวีรู้ถึงกรณีที่มีการละเมิดการกำหนดชะตากรรมในเชิงบวก ตามที่ Zeus ถึง Athena ผู้คนเรียกเทพเจ้าว่าเป็นผู้กระทำความผิดในปัญหาทั้งหมดของพวกเขาในขณะที่บ่อยครั้งที่พวกเขาเองซึ่งตรงกันข้ามกับโชคชะตานำความตายมาสู่ตัวเองด้วยความประมาทของตัวเอง (Odyssey, I, 33) เป็นการไร้ประโยชน์ที่จะพยายามลดแนวคิดที่ต่างกันทั้งหมดของชาวกรีกโบราณให้เป็นแนวคิดเรื่องเหนือธรรมชาติที่เป็นหนึ่งเดียวและจัดเรียงตามลำดับภายในหรือความต่อเนื่อง การผสมผสานระหว่างแนวความคิดที่ขัดแย้งและแยกจากกันอย่างชัดเจนนี้เองที่ก่อให้เกิดคุณลักษณะเฉพาะของจิตใจที่ด้อยพัฒนาและไร้วิจารณญาณ ในความคิดของ Homeric Greeks เกี่ยวกับชะตากรรมหรือเกี่ยวกับ Zeus ผู้มีอำนาจทุกอย่างเราไม่สามารถช่วยได้ แต่รับรู้รูปแบบเดียวที่เป็นไปได้ในขั้นตอนของการพัฒนาแนวคิดเรื่องความสอดคล้องของปรากฏการณ์และความไม่เปลี่ยนรูปความไม่เปลี่ยนรูปของระเบียบโลก ในบทกวีหลังโฮริก โชคชะตาเข้าใกล้ซุสมากขึ้นเรื่อยๆ โดยยอมจำนนต่อเขาตามคำจำกัดความของเขา ในเวลาเดียวกัน จิตวิญญาณของซุสในฐานะผู้ปกครองสูงสุดและทรงอำนาจทั้งหมดของโลกก็ทวีความรุนแรงมากขึ้น สำหรับประวัติความเป็นมาของแนวคิดเรื่องโชคชะตา โศกนาฏกรรมของ Aeschylus และ Sophocles กวีผู้เชื่อในเทพเจ้าประจำบ้านนั้นแสดงความสนใจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดและเนื้อหาที่มีมากมายที่สุด โศกนาฏกรรมของพวกเขามีไว้สำหรับประชาชน ดังนั้น ตอบสนองต่อระดับความเข้าใจและความต้องการทางศีลธรรมของมวลชนได้แม่นยำกว่างานเขียนเชิงปรัชญาหรือจริยธรรมในเวลาเดียวกันมาก แผนการของโศกนาฏกรรมเป็นของตำนานและตำนานโบราณเกี่ยวกับเทพเจ้าและวีรบุรุษที่ชำระให้บริสุทธิ์โดยศรัทธาและเมื่อนานมาแล้วและหากกวียอมให้ตัวเองเบี่ยงเบนไปจากแนวความคิดที่เป็นที่ยอมรับแล้วเหตุผลของเขาคือการเปลี่ยนแปลงในมุมมองที่เป็นที่นิยมเกี่ยวกับเทพ การรวมตัวกันของโชคชะตากับซุสโดยมีความได้เปรียบในด้านหลังนั้นแสดงออกมาอย่างชัดเจนในโศกนาฏกรรมของเอสคิลุส ตามกฎแห่งสมัยโบราณอันล้ำลึก Zeus กำหนดชะตากรรมของโลก (αϊσαν): "ทุกสิ่งเกิดขึ้นตามที่กำหนดโดยโชคชะตา และไม่มีใครสามารถข้ามความมุ่งมั่นอันเป็นนิรันดร์และขัดขืนของ Zeus ได้" (“The Petitioners”, 1031) “มหามอยไร ขอให้ความประสงค์ของซุสบรรลุผลตามที่ความจริงเรียกร้อง” (“Libation Bearers,” 298) คำแนะนำโดยเฉพาะอย่างยิ่งคือการเปลี่ยนแปลงภาพลักษณ์ของซุสการชั่งน้ำหนักและกำหนดชะตากรรมของมนุษย์: ในโฮเมอร์ (VIII และ XXII) ซุสถามในลักษณะนี้ถึงเจตจำนงแห่งโชคชะตาโดยที่เขาไม่รู้จัก ในเอสคิลุส ในฉากที่คล้ายกัน ซุสเป็นเจ้าแห่งตาชั่ง และตามเสียงคอรัส คนๆ หนึ่งไม่สามารถทำอะไรได้หากไม่มีซุส (“ผู้ร้อง” 809) ความคิดของกวีเกี่ยวกับซุสนี้ขัดแย้งกับตำแหน่งที่เขาครอบครองใน "โพรมีธีอุส": ที่นี่ภาพของซุสมีคุณสมบัติทั้งหมดของเทพในตำนานพร้อมข้อ จำกัด และการอยู่ใต้บังคับบัญชาของโชคชะตาซึ่งไม่รู้จักเขาเหมือนผู้คน ในการตัดสินใจของเขา เขาพยายามอย่างไร้ผลที่จะแย่งชิงความลับแห่งโชคชะตาจากโพรมีธีอุสด้วยความรุนแรง หางเสือแห่งความจำเป็นถูกปกครองโดยมอยไรและเอรินเยสทั้งสามและซุสเองก็ไม่สามารถหลีกหนีชะตากรรมที่ถูกกำหนดไว้สำหรับเขา (โพรมีธีอุส, 511 et seq.) Erinyes ได้รับการอุปถัมภ์ด้วยตัวละครเดียวกันเมื่ออยู่ใน Eumenides พวกเขาปรากฏตัวบนเวทีในบทบาทที่แข็งขันของเทพธิดาผู้ล้างแค้นสูงสุดและเมื่อข้อพิพาทของพวกเขากับ Apollo ผู้อุปถัมภ์ของ Orestes ได้รับการแก้ไขด้วยการมีส่วนร่วมของ Athena เท่านั้นในการจัดระเบียบอย่างเหมาะสม ศาลของพลเมืองเอเธนส์ ในโศกนาฏกรรมของเอสคิลุสจำเป็นต้องแยกแยะเทพที่กวียอมรับจากเทพเจ้าโบราณแม้ว่าจะมีชื่อเดียวกัน แต่ยังคงมีลักษณะของความเชื่อที่เก่าแก่กว่ามากและใกล้เคียงกับมานุษยวิทยาดึกดำบรรพ์ เมื่อ Clytemnestra ซึ่งอ้างเหตุผลกับลูกชายของเธอที่ฆ่าอากาเม็มนอนต้องการโอนความผิดของเธอไปสู่โชคชะตา (“ ลูกของฉันมอยรามีความผิดในเรื่องนี้”) โอเรสเตสสร้างความเสียหายร้ายแรงต่อแม่ของเขาตอบกลับโดยไม่ประชด: "และ มอยราเตรียมความตายนี้ด้วย” (“ ผู้ถือครองความใคร่", 910-911) มอยราผู้ทรงพลังทั้งหมดของ “โพรมีธีอุส” สอดคล้องกับมอยราที่เกิดในสมัยโบราณ “ผู้ยิ่งใหญ่” “ลูกครึ่ง” ของเอรินเยสใน “The Libation Bearers” และ “The Eumenides” (“The Libation Bearers” 306; “ The Eumenides” 172, 724, 961) พวก Erinyes เองก็ทำตามความประสงค์ของ Moira เท่านั้นเมื่อพวกเขาไล่ตามและลงโทษคนร้ายอย่างไร้ความปราณี:“ นั่นคือชะตากรรมที่ Moira ที่ไม่มีวันสิ้นสุดได้หมุนมาเพื่อเรา” (“ Eumenides”, 335 ; กรณีเดียวใน Aeschylus ที่พรรณนาชะตากรรมในรูปแบบของเครื่องปั่นด้าย) ใน "Seven Against Thebes" คอรัสดึงดูด Moira และนำภัยพิบัติมาสู่ Erinyes ที่มืดมนและทรงพลัง (975, 986) แม้ว่าความพยายามของ Aeschylus ที่จะรวมตัวกัน การกระทำของสิ่งมีชีวิตเหนือธรรมชาติที่เกี่ยวข้องกับผู้คนและยกระดับพวกเขาไปสู่ความประสงค์ของซุสในฐานะเทพผู้สูงสุดนั้นไม่ต้องสงสัยเลยอย่างไรก็ตามในสุนทรพจน์ของตัวละครและคณะนักร้องประสานเสียงแต่ละคนเขาออกจากห้องสำหรับความเชื่อในอาร์ที่ไม่เปลี่ยนรูปซึ่งปกครองอย่างมองไม่เห็นและ เหนือเทพเจ้าซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมในโศกนาฏกรรมของเอสคิลุสสำนวนμόρισμον, πεπρωμένον ซึ่งแสดงถึงคำสั่งของอาร์จึงบ่อยมาก ในทำนองเดียวกัน Aeschylus ไม่ปฏิเสธความไม่สามารถใช้ได้ของอาชญากรรม การลงโทษไม่เพียงเกิดขึ้นกับผู้กระทำผิดเท่านั้น แต่ยังเป็นลูกหลานของเขาด้วย เอสคิลุสเป็นคนแรกที่แนะนำคำเริ่มต้นเข้าสู่วรรณคดี ราวกับว่าบาปดั้งเดิม πρώταρχος άτη: บาปเช่นนี้ในบ้านของ Atrides กำลังปฏิบัติต่อ Thyestes ด้วยเนื้อของลูก ๆ ของเขาในบ้านของ Labdacus - Laius ไม่ใส่ใจต่อคำเตือนของ Oracle . ผู้ที่ถูกลงโทษสำหรับความผิดของบรรพบุรุษของเขาเองก็มีความผิด: ความเย่อหยิ่ง ความพอประมาณ และความประมาทนำไปสู่ภัยพิบัติร้ายแรง แต่บ่อยครั้งที่ไม่มีใครอื่นนอกจากเทพเองที่ทำให้บุคคลตกอยู่ในสภาวะที่เขาหยุดแยกแยะระหว่างความดีกับ ชั่วร้ายและสูญเสียความสามารถในการเข้าใจผลที่ตามมาของการกระทำของเขา ดังนั้นการรวมกันของคำว่า άτη ของความหมายหลายประการ: การตาบอดที่เทพเจ้าส่งมา ความรู้สึกผิดของมนุษย์ และการลงโทษสำหรับความผิด ในท้ายที่สุด กวีก็ไม่มีอำนาจที่จะแก้ไขความขัดแย้งที่เกิดจากความเชื่อในคำสั่งต่างๆ ในเอสคิลุส เช่นเดียวกับในโฮเมอร์ ชื่อ αΐσα และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง μοϊρα, τύχη ยังคงอยู่ พร้อมด้วยความหมายส่วนบุคคลที่กระตือรือร้น คำนามทั่วไปที่ไม่โต้ตอบ - แบ่งปัน ชิ้นส่วน โชคชะตา ไอซ่าในที่เดียวเท่านั้นที่หมายถึงโชคชะตา - เทพธิดา "การตีดาบ" ("ผู้ถือครองอิสรภาพ", 647); เพียงครั้งเดียวและ เงียบกล่าวถึงในความหมายของเทพีแห่งความสุข ("Agamemnon", 664); โดยปกติแล้วนี่คืออุบัติเหตุ มีความสุขหรือโชคร้าย แนวคิดเรื่องความจำเป็น อานันเก ไม่ได้เป็นตัวเป็นตนเลย แต่โพรเรียกพลังแห่งความจำเป็นที่ไม่อาจทำลายได้ และดังนั้นจึงถือว่าเป็นหน้าที่ของเขาที่จะต้องอดทนต่อชะตากรรมที่ถูกกำหนดไว้สำหรับเขาอย่างอดทน (Prometheus, 105) ไม่ว่าความจำเป็นจะมีอยู่โดยอิสระจากเหล่าทวยเทพและมอยรา หรือไม่ว่าจะเป็นงานของฝ่ายหลัง ก็ยังคงยังไม่ได้รับการแก้ไข บทบาทที่กระตือรือร้นน้อยกว่าของ Aeschylus เป็นของ R. ในโศกนาฏกรรมของ Sophocles ซึ่งมีรายละเอียดมากกว่ารุ่นก่อนมากในการพัฒนาแรงจูงใจและเงื่อนไขของการกระทำของฮีโร่ของเขา แนวทางการเล่นขึ้นอยู่กับคุณลักษณะส่วนบุคคลของตัวละครเกือบทั้งหมดและขึ้นอยู่กับสถานการณ์ภายนอกที่เอื้ออำนวยหรือโชคร้ายรวมกัน จริงอยู่ที่ Sophocles ไม่ได้ปฏิเสธความเชื่อที่นิยมในเรื่องเทพเจ้า เขาอ้างอิงบ่อยครั้งมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเพลงประสานเสียง ถึงการแทรกแซงเหนือธรรมชาติและความเปลี่ยนแปลงไม่ได้ของการตัดสินใจที่กำหนดไว้ล่วงหน้าของเทพ ภัยพิบัติทุกครั้งทำหน้าที่พิสูจน์ความเชื่อเหล่านี้ เช่นเดียวกับการยืนยันความยุติธรรมของข้อเรียกร้องของศีลธรรมธรรมดา ภัยพิบัติของ Oedipus การสิ้นพระชนม์อย่างรุนแรงของ Hercules การคืนดีของ Philoctetes กับผู้นำ Achaean คนอื่น ๆ ได้รับการคาดการณ์ล่วงหน้าจากเหล่าเทพเจ้าเตรียมหรือแม้กระทั่งทำนายโดยพวกเขา เฮอร์คิวลีสถูกลงโทษสำหรับการทำลายล้าง Oichalia และการถูกจองจำของ Iola; เมื่อเธอเสียชีวิต Antigone ก็ชดใช้ความผิดของพ่อแม่ของเธอ “ ภัยพิบัติที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว” คณะนักร้องประสานเสียงร้องเพลง“ มีมาแต่โบราณในบ้านของ Labdacids เวลาไม่ได้ปลดปล่อยลูกหลานจากปัญหา เทพก็ติดตามพวกเขาเช่นกัน และภัยพิบัติไม่มีที่สิ้นสุด” (“ Antigone”, 593 et ​​​​ลำดับ) ใน “อิเล็กโทร”มีการบ่งชี้ถึงบาปดั้งเดิมในบ้านของ Atrides ซึ่งก่อให้เกิดภัยพิบัติและการเสียชีวิตของสมาชิกของบ้านหลังนี้ (504 et seq.) เอดิปุสพิสูจน์ตัวเองด้วยการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์และร่วมประเวณีระหว่างพี่น้องกับมารดาโดยข้อเท็จจริงที่ว่าอาชญากรรมที่เขากระทำด้วยความไม่รู้นั้นพระเจ้าตั้งใจไว้สำหรับเขาก่อนที่เขาจะเกิด และดังนั้นจึงไม่ควรถูกกล่าวหาว่าเป็นความผิดของเขา (อีดิปุสที่โคโลนัส, 960-999) ความเป็นปฏิปักษ์ของ Eteocles และ Polyneices ซึ่งควรจะสิ้นสุดด้วยการตายของพี่น้องทั้งสอง มีไว้สำหรับ R. (τήν πεπρωμένην έριν; “Oedipus at Colonus,” 421) “มนุษย์ไม่สามารถหลีกหนีจากความโชคร้ายที่โชคชะตากำหนดไว้ได้” คณะนักร้องประสานเสียงพูดกับ Creon ในตอนท้าย "แอนติโกเน่"(1337) มักจะเรียกตัวอย่างของโศกนาฏกรรมแห่งโชคชะตา “ราชาเอดิปุส”เห็นได้ชัดว่าพระเอกใช้มาตรการที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดเพื่อหลีกเลี่ยงความโชคร้ายที่ทำนายไว้สำหรับเขา แต่สิ่งเหล่านี้เป็นมาตรการที่ทำให้เขาเข้าใกล้ภัยพิบัติมากขึ้น ภูมิปัญญาของเขากลายเป็นไม่มีอำนาจที่จะขับไล่การโจมตีที่ได้รับมอบหมายจากเบื้องบน บนพื้นฐานของโศกนาฏกรรมครั้งนี้ Sophocles มักจะให้เครดิตกับแนวโน้มที่จะพิสูจน์ความเชื่อที่ได้รับความนิยมในเรื่องความไม่เปลี่ยนแปลงของคำจำกัดความของ R ในความเป็นจริงไม่เพียง แต่ใน Sophocles เท่านั้น แต่ยังรวมถึง Aeschylus ด้วย โชคชะตาไม่ได้จำกัดฮีโร่ในการกระทำของเขา ; พฤติกรรมทั้งหมดของฮีโร่นั้นพิจารณาจากคุณสมบัติส่วนตัวของเขา ความสัมพันธ์กับบุคคลอื่น และอุบัติเหตุภายนอก อย่างไรก็ตามทุกครั้งที่สิ้นสุดโศกนาฏกรรมปรากฎว่าตามความเชื่อมั่นของฮีโร่และพยานจากประชาชนว่าภัยพิบัติที่เกิดขึ้นกับเขานั้นเป็นผลงานของอาร์; วี สุนทรพจน์ตัวละครและโดยเฉพาะอย่างยิ่งคณะนักร้องประสานเสียงมักจะแสดงความคิดที่ว่าอาร์กำลังไล่ตามมนุษย์อย่างแทบไม่มีใครคอยกำกับทุกย่างก้าวของเขา ในทางตรงกันข้ามใน การกระทำบุคคลเหล่านี้เปิดเผยลักษณะนิสัย ห่วงโซ่ตามธรรมชาติของเหตุการณ์ และความหลีกเลี่ยงไม่ได้ตามธรรมชาติของผลลัพธ์ ตามคำพูดที่ถูกต้องของ Barthelemy ตัวละครในโศกนาฏกรรม เหตุผลราวกับว่าพวกเขาทำอะไรไม่ได้เลยแต่ กระทำราวกับว่าพวกเขาสามารถทำอะไรก็ได้ ดังนั้นความเชื่อในโชคชะตาไม่ได้กีดกันวีรบุรุษแห่งเสรีภาพในการเลือกและการกระทำ ด้วยพลังแห่งการพรรณนาทางศิลปะ Sophocles มุ่งความสนใจของผู้ชมไปที่สภาพที่แท้จริงของเหตุการณ์โศกนาฏกรรมและขยายขอบเขตของกิจกรรมของมนุษย์อย่างอิสระออกไปอย่างมาก ซึ่งช่วยลดและแยกการแทรกแซงของ R. และเทพเจ้าจากชีวิตจริงได้อย่างมาก เพียงครั้งเดียว และเมื่อสิ้นสุดโศกนาฏกรรม เขากล่าวถึงเทพธิดามอยรา (Philoctetes, 1466); ในทำนองเดียวกัน มีการกล่าวถึงมอยไรครั้งหนึ่งในคำพูดของคณะนักร้องประสานเสียง ("Antigone", 987) ซุสและเทพเจ้าอื่น ๆ เข้ามาแทนที่โชคชะตาในฐานะผู้ดำเนินการแห่งโชคชะตาของเขา ซุสเป็นผู้มองเห็นทุกสิ่ง ทรงอำนาจ เป็นบิดาของทุกสิ่ง ผู้ปกครองสูงสุด ผู้จัดการ และผู้จัดงาน ไม่มีใครนอกจากซุสเป็นผู้กำหนดอนาคต ไม่มีใครสามารถหลีกหนีภัยพิบัติได้หากเทพองค์ใดส่งมันมา ไม่มีใครสามารถเปลี่ยนแปลงการตัดสินใจของเหล่าทวยเทพได้ เว้นแต่เหล่าทวยเทพเองก็ปรารถนาเช่นนั้น คำพูดของพยากรณ์เป็นคำพูดของซุส อพอลโลติดอาวุธด้วยขนนกของซุส มันอยู่ในอำนาจของเทพเจ้าที่จะดับความเป็นปฏิปักษ์ของ Eteocles และ Polyneices ซึ่งถูกกำหนดโดยโชคชะตา ชะตากรรมของเฮอร์คิวลีสถูกกำหนดโดยเหล่าทวยเทพ ซุสและเทพเจ้าเป็นผู้พิทักษ์ความจริงบนโลก เพื่อให้โชคชะตาแข็งแกร่งกว่าซุส - โซโฟคลีสไม่ได้กล่าวไว้ทุกที่ เขามีส่วนในสองวิธีในการปลดปล่อยผู้ร่วมสมัยของเขาจากความกลัวสิ่งที่ไม่รู้จัก R.: โดยการกำหนดการกระทำและชะตากรรมของมนุษย์ตามสภาพธรรมชาติและโดยการถ่ายโอนบทบาทของโชคชะตาไปยังเทพเจ้าที่กระทำอย่างมีเหตุผลตามคติของผู้คน แนวคิดเรื่องอาชญากรรมและการลงโทษ Antigone ซึ่งเป็นของครอบครัวที่เปื้อนไปด้วยอาชญากรรม แต่ตัวเธอเองไร้เดียงสา ทำให้การมีส่วนร่วมของเหล่าทวยเทพประสบหายนะ เอดิปุสได้รับการยกระดับโดยซุสให้อยู่ในระดับเทพผู้ใจดี โดยทำบาปโดยไม่สมัครใจและทนทุกข์จากความผิดของผู้อื่น แม้จะใกล้ชิดเขาด้วยสายเลือดก็ตาม ในข้อความหนึ่งที่ยังมีชีวิตอยู่ของ Sophocles มีการแสดงจุดยืนว่าบาปโดยไม่สมัครใจไม่ได้ถูกใส่ร้ายให้กับใครเลย (fr. 582) ในลัทธิและประติมากรรม มอยรามักถูกนำเสนอว่าเป็นกลุ่มที่ใกล้ชิดกับซุสมากที่สุด เป็นผู้ดำเนินการตามคำสั่งของพระองค์อย่างซื่อสัตย์ โดยขึ้นอยู่กับเขา ความสูงส่งของซุสเหนือเทพเจ้าและผู้คนและการมอบคุณสมบัติของผู้ปกครองโลกให้กับเขาขัดขวางการมานุษยวิทยาของแนวคิดเรื่องชะตากรรมของมนุษย์: ชื่อ มอยรา, ไอซ่า, เงียบกว่าใช้โดย Sophocles เกือบจะเฉพาะในความหมายของคำนามทั่วไป; ในเวลาเดียวกัน การพึ่งพาอาศัยโชคชะตากับเทพส่วนบุคคลไม่ได้แสดงออกมาเสมอไป และการดำรงอยู่อย่างเป็นอิสระของบางสิ่งที่กำหนดไว้ล่วงหน้าก็ได้รับอนุญาตตามที่เป็นอยู่ ในทฤษฎีออร์ฟิคและในหมู่นักปรัชญาโบราณ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเพลโต พวกเขาพบการแสดงออกของความเชื่อในความจำเป็น ในฐานะเทพธิดาที่ยืนอยู่เหนือทั้งมอยราและเทพเจ้าอื่นๆ เพลโตรู้คำพูดที่ว่า "แม้แต่เทพเจ้าก็ไม่กบฏต่อความจำเป็น" ("กฎหมาย", VII, 818) ซึ่งสอดคล้องกับความเชื่อมั่นของเฮโรโดทัสเกี่ยวกับความหลีกเลี่ยงไม่ได้ของอาร์แม้แต่กับเทพเจ้า Ananke - แม่ของมอยรา; โลกหมุนรอบแกนหมุนที่เธอถืออยู่ในอกของเธอ นี่คือการแสดงออกในตำนานหรือเป็นรูปเป็นร่างของแนวคิดเรื่องความไม่เปลี่ยนรูปความมั่นคงของกฎแห่งธรรมชาติ ในแง่นี้เองที่พวกสโตอิกทั้งกรีกและโรมันตีความกรีก Eymarmena และ fatum ของโรมัน กรีกมอยไรสอดคล้องกับสวนสาธารณะทั้งสามแห่งของชาวโรมัน ถัดจากพวกเขามี Fatum ซึ่งเป็นคำพูดที่ไม่เปลี่ยนรูปของเหล่าทวยเทพโดยเฉพาะ Zeus และเทพแห่งโชคชะตาที่แยกจากกันรวมถึง fata โดยมีคำนามทั่วไปและความหมายของตัวเอง ยกเว้นรายละเอียดบางประการ ตำนานเทพเจ้าโรมันได้กล่าวถึงภาษากรีกซ้ำในภาคนี้

ร็อคในชีวิตของบุคคล

หินชั่วร้าย รุนแรง ไร้ความปราณี... คำว่า "หิน" ไม่เคยถูกใช้ในแง่บวก! มันคืออะไรและเป็นไปได้ไหมที่จะเอาชนะมันและเปลี่ยนโชคชะตาให้ดีขึ้น?

ผู้ชาย: ชะตากรรมและชะตากรรมของเขา

เมื่อสรุปคำจำกัดความที่มีอยู่แล้ว เราสามารถพูดได้ว่าโชคชะตาเป็นโปรแกรมบางอย่างของชีวิตมนุษย์ ซึ่งเป็นพื้นฐานและถูกกำหนดไว้ล่วงหน้าโดยพลังที่สูงกว่า โชคชะตาคือชุดของการทดลองที่ยากลำบาก เอาชนะสิ่งที่บุคคลประสบกับความหายนะ - การชำระล้างจิตวิญญาณ ซึ่งช่วยให้เราสามารถเปลี่ยนความยากลำบากของโชคชะตาให้กลายเป็นโชคชะตาได้ ชะตากรรมในชีวิตของบุคคลสามารถเอาชนะได้ด้วยความตึงเครียดมหาศาลเท่านั้น

แต่โชคชะตาจะสุขหรือไม่สุขก็ได้ มีความแปรปรวนที่นี่ และส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับการกระทำของแต่ละบุคคล ลัทธิฟาตาลิซึม ซึ่งก็คือ ความเชื่อในชะตากรรมที่ไม่มีวันสิ้นสุดและไม่เปลี่ยนแปลง ไม่มีอะไรมากไปกว่าข้อแก้ตัวของการไม่ทำอะไรเลยและความไร้อำนาจ โชคชะตาส่วนใหญ่ถูกกำหนดโดยตัวบุคคลเองด้วยความช่วยเหลือจากส่วนแบ่งที่พระเจ้าหรือธรรมชาติมอบให้เขา

คืออะไร…

คนส่วนใหญ่บนโลกนี้เชื่อในโชคชะตา โชคชะตา (เรียกมันว่าสิ่งที่คุณต้องการ) - สิ่งนี้ได้รับการพิสูจน์แล้วโดยการวิจัยอิสระ แล้วชะตากรรมคืออะไร?
ในการศึกษาวัฒนธรรมของผู้คนทั่วโลก หัวข้อเรื่องโชคชะตาจะต้องปรากฏอย่างแน่นอน ตำนาน ตำนานของวัฒนธรรมต่างๆ และผู้คนทั่วโลกกล่าวถึงในบริบทของพวกเขา โชคชะตา - พลังบางอย่างที่สามารถจัดการชีวิตของผู้คน ควบคุมพวกเขา และชี้นำพวกเขาไปในทิศทางที่แน่นอน

คำว่า "โชคชะตา" มาจากไหน? เป็นไปได้มากว่านี่คือการรวมกันของคำสองคำ เช่น "การพิพากษา" และ "ของพระเจ้า" หากเรากำลังพูดถึงวัฒนธรรมของชาวภาคเหนือเราก็สามารถเห็นต้นแบบโบราณของเหล่าเทพผู้รับผิดชอบต่อชะตากรรมของมนุษย์ได้อย่างง่ายดาย เราจะกล่าวถึงนอร์นสแกนดิเนเวีย และโดลสลาฟ เนโดล และโมโคช ซึ่งถักทอเส้นด้ายแห่งชีวิตของผู้คนไว้ที่นี่ เฉพาะในกรณีที่ด้ายพันกันเท่านั้นที่จะตัดหรือหักและคนจะเสียชีวิต เมื่อพูดถึงศาสนาในยุคหลัง เช่น ศาสนาคริสต์และอิสลาม เราจะพบการอ้างอิงถึงชะตากรรมของมนุษย์มากมาย ศาสนาอิสลามและ...

ผู้ใช้เว็บไซต์ Woman.ru เข้าใจและยอมรับว่าเขาต้องรับผิดชอบอย่างเต็มที่ต่อเนื้อหาทั้งหมดที่เผยแพร่บางส่วนหรือทั้งหมดโดยเขาโดยใช้บริการ Woman.ru
ผู้ใช้เว็บไซต์ Woman.ru รับประกันว่าการจัดวางเนื้อหาที่ส่งมาโดยเขาไม่ได้ละเมิดสิทธิของบุคคลที่สาม (รวมถึง แต่ไม่ จำกัด เพียงลิขสิทธิ์) และไม่ทำลายเกียรติและศักดิ์ศรีของพวกเขา
ผู้ใช้เว็บไซต์ Woman.ru โดยการส่งเอกสารจึงมีความสนใจในการตีพิมพ์บนเว็บไซต์และแสดงความยินยอมให้บรรณาธิการของเว็บไซต์ Woman.ru ใช้ต่อไป

การใช้และการพิมพ์ซ้ำสื่อสิ่งพิมพ์จากเว็บไซต์ woman.ru ทำได้เฉพาะเมื่อมีลิงก์ที่ใช้งานไปยังแหล่งข้อมูลเท่านั้น
อนุญาตให้ใช้สื่อการถ่ายภาพได้ก็ต่อเมื่อได้รับความยินยอมเป็นลายลักษณ์อักษรจากผู้ดูแลเว็บไซต์

การจัดวางวัตถุทรัพย์สินทางปัญญา (ภาพถ่าย วิดีโอ งานวรรณกรรม เครื่องหมายการค้า ฯลฯ)
บนเว็บไซต์ woman.ru อนุญาตเฉพาะบุคคลที่มีสิทธิ์ที่จำเป็นทั้งหมดเท่านั้น...

หมอดู นักมายากล ความเชื่อในโชคชะตาและความหายนะ อิทธิพลของชื่อที่มีต่อชีวิตของบุคคล อย่าไป อย่าเรียกอย่างนั้น อย่าทำอย่างนั้น ไสยศาสตร์จะสิ้นสุดที่ไหน? ออร์โธดอกซ์เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้อย่างไร? ตอบโดย Vladyka Roman บิชอปแห่ง Yakutsk และ Lensk

โชคชะตาเป็นความสามารถในการจัดการความสามารถ

หลายคนเชื่อเรื่องโชคชะตา ในทางกลับกัน คริสตจักรสอนเราว่าพระเจ้าทรงจัดเตรียมไว้ แล้วเราจะมีอิสระหรือไม่ที่จะเปลี่ยนแปลงบางสิ่งในโชคชะตาของเรา?

เรื่องการเข้าใจความหมายของโชคชะตาในชีวิตของแต่ละคนมีสุดขั้วอยู่สองประการ

ประการแรกคือพระผู้สร้างทรงกำหนดชะตากรรมของเราและเราจะต้องดำเนินตามแนวทางของเราตามนี้

ประการที่สองซึ่งตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิงทำให้ตัวเองเป็นที่รู้จักโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา นี่เป็นเรื่องเกี่ยวกับความจริงที่ว่าไม่มีใครเป็นเจ้านายของเรา เราเองเป็นนายของเส้นทางชีวิตของเราเอง และเรากำหนดชะตากรรมของเราเอง

ออร์โธดอกซ์อยู่ตรงกลาง ค่าเฉลี่ยสีทอง

ในด้านหนึ่ง ทรงเรียกเราให้ดำรงอยู่ชั่วนิรันดร์ องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงประทานความแน่นอนแก่แต่ละบุคคล...

เราควรเชื่อในโชคชะตาและโชคชะตาที่ไม่สิ้นสุดหรือไม่?

(สดุดี XXX, 16)

ตามคำสอนของคริสตจักรออร์โธดอกซ์ พระเจ้าทรงกำหนดชะตากรรมของทุกคนไว้ล่วงหน้าในชีวิตนิรันดร์ทั้งในปัจจุบัน ชั่วคราว และในอนาคต ไม่ใช่โดยไม่มีเงื่อนไข แต่อยู่บนพื้นฐานของความรู้ล่วงหน้าว่าบุคคลจะประพฤติตนอย่างไรในช่วงชีวิตทางโลก แต่ตรงกันข้ามกับคำสอนนี้ ความคิดเห็นผิด ๆ เกี่ยวกับโชคชะตาหรือโชคชะตาแพร่หลายไปในหมู่คนจำนวนมาก หลายคนเชื่อว่าชะตากรรมสำหรับทุกคนนั้นแน่นอนว่าได้กำหนดสถานการณ์ทั้งหมดของชีวิตและแม้แต่การกระทำและการกระทำทั้งหมดไว้ล่วงหน้า และเมื่อถูกกำหนดแล้ว พวกเขาจะดำเนินไปอย่างเป็นอิสระจากตัวบุคคลและเจตจำนงของเขาอย่างแน่นอน และไม่ว่าจะยากเพียงใด คนพยายามเขาไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรให้เข้ากับโชคชะตาของคุณได้

ความเชื่อนี้ประดิษฐานอยู่ในสุภาษิตที่ว่า “จากตนเอง...

ข้าแต่พระเจ้า ฉลากของข้าพระองค์อยู่ในพระหัตถ์ของพระองค์ (สดุดี 30:16)

ความเชื่อในโชคชะตาที่มืดบอดแทนที่จะศรัทธาในพระเจ้าผู้ทรงชีวิตและเป็นส่วนตัวถือเป็นบาปร้ายแรง คริสเตียนที่รู้เรื่องการจัดเตรียมของพระเจ้าที่ดีและฉลาดรอบด้านไม่ควรได้รับสิ่งนี้

บางคนเชื่อว่าทุกสถานการณ์ของชีวิตและแม้กระทั่งการกระทำและการกระทำทั้งหมดถูกกำหนดไว้ล่วงหน้าโดยโชคชะตาสำหรับทุกคน และตามที่กำหนดไว้ พวกเขาจะดำเนินไปโดยอิสระจากตัวบุคคลและเจตจำนงของเขาอย่างแน่นอน และไม่ว่าบุคคลจะพยายามหนักเพียงใดก็ตาม เขาก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงสิ่งใดในชะตากรรมของเขาได้

ชาวกรีกและโรมัน - คนต่างศาสนา - เชื่อว่าโชคชะตาเป็นเทพพิเศษบางประเภทที่มีอำนาจเหนือผู้คน . ในหมู่ชาวโมฮัมเหม็ด ความเชื่อเรื่องโชคชะตาถึงขั้นสุดแห่งความไร้สาระ อัลลอฮ์แห่งโมฮัมเหม็ดเองก็ก่อให้เกิดการกระทำที่ดีและไม่ดีในผู้คนเขาเองก็ทำให้ใครก็ตามที่เขาต้องการเข้าใจผิดและแนะนำใครก็ตามที่เขาต้องการความดี ทุกอย่างขึ้นอยู่กับเขา และผู้คนเป็นเพียงเครื่องมือที่โชคร้ายในมือของเขา

ตามความเชื่อของคนนอกรีตที่เชื่อโชคลาง โชคชะตาหรือโชคชะตาเป็นสิ่งที่ไม่สิ้นสุด แต่สิ่งนี้ไม่สามารถพูดถึงพระเจ้าผู้จัดเตรียมได้...

ฉันเชื่อในแง่หนึ่ง ฉันไม่เชื่อว่าทุกสิ่งในชีวิตของเราถูกกำหนดไว้ล่วงหน้าแล้ว แต่ในทางกลับกัน ฉันชอบถือว่าความบังเอิญที่สวยงามไม่ใช่เรื่องบังเอิญ เหมือนกับ

และฉันจะเล่าเรื่อง "การหย่าร้าง" ให้คุณฟัง ครั้งหนึ่งที่โรงเรียน ฉันชอบเด็กผู้ชายคนหนึ่ง ซึ่งเป็นนักเรียนมัธยมปลาย เขาไม่มองฉันเลย เราไม่รู้จักกัน และฉันไม่มีโอกาสแม้แต่น้อยที่จะเข้าสู่ขอบเขตการมองเห็นของเขา ไม่ต้องพูดถึงอย่างอื่นเลย แต่แล้วครูคนหนึ่งก็เริ่มจัดกิจกรรมที่ฉันเข้าร่วม นี่เป็นการกล่าวสุนทรพจน์ในชั้นเรียนต่าง ๆ พร้อมบทกวีและเรื่องราวในบางหัวข้อ ตอนนี้ฉันจำไม่ได้แล้ว เมื่อถึงเวลาแสดงต่อหน้า 11 “A” ฉันดีใจมากที่ได้มีโอกาสแสดงตัว ฉันคิดว่าในที่สุดเขาจะสังเกตเห็นฉันแล้ว ว้าว ว้าว ว้าว! เขาไม่ใช่คนไร้บ้าน เขามาโรงเรียนทุกวัน และวันนั้นฉันเห็นเขาก่อนบทเรียนแรกและในช่วงพักก่อนบทเรียนที่สอง... แต่เขาไม่ได้มาที่บทเรียนที่สองที่เราแสดงด้วย

ฉันคิดว่ามีอะไรบางอย่างในนี้...

ความจริงก็คือฉันเคยได้ยินสำนวน "โชคชะตา" สองครั้งแล้ว: บนเว็บไซต์นี้และที่อื่น ตอนนี้ฉันอยากได้ธีมใหม่ “Fate or Doom”

โชคชะตาถูกกำหนดไว้แล้ว แต่คุณสามารถพูดว่า "แบ่งปัน" ได้ - มอบให้ ในคริสตจักรหลายแห่ง คำว่าโชคชะตามักถูกโยนเข้าปาก ฉันเกรงว่าเราจะยังคงพบคำนี้ในพระคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์: ผู้แปลใช้สำนวนนี้ แต่ฉันคิดว่าคำนี้มาจากไสยศาสตร์ ใช่แล้ว ธรรมชาติเก่าถูกกำหนดให้พินาศ จึงมีคำกล่าวไว้ว่า "เราต้องตายก่อน แล้วจึงพิพากษา" หลังจากศึกษาพระคัมภีร์อย่างละเอียดแล้ว ฉันจึงได้ข้อสรุปว่า "โชคชะตา" เป็นสิ่งที่เกี่ยวข้องกับพันธุกรรม ซึ่งทำให้พวกเราเป็นเหมือนบิดา(บรรพบุรุษ)ของเรา
ผู้คนละทิ้งพระเจ้าเพราะพวกเขาเริ่มเชื่อในโชคชะตา (ในตัวเอง) หรือความฝัน (คำว่า ความฝัน อยู่ในปากของคริสตจักรหลายแห่งและมาจากไสยศาสตร์) พระคัมภีร์พูดว่าอะไร: มันพูดถึง "คำสัญญา" หรือ "ทุกสิ่งเก่าผ่านไปทุกสิ่งใหม่ก็ล่วงไป"

คำถาม: คุณคิดอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องนี้: ชะตากรรมของชายชราหรือคำสัญญาของคนใหม่...? คำว่าใช้ได้หรือเปล่า...

เราควรเชื่อในโชคชะตาและโชคชะตาที่ไม่สิ้นสุดหรือไม่?

ความเชื่อในโชคชะตาที่มืดบอดแทนที่จะศรัทธาในพระเจ้าผู้ทรงชีวิตและเป็นส่วนตัวถือเป็นบาปร้ายแรง คริสเตียนที่รู้เรื่องการจัดเตรียมของพระเจ้าที่ดีและฉลาดรอบด้านไม่ควรได้รับสิ่งนี้

ข้าแต่พระเจ้า ข้าพระองค์ทั้งหลายอยู่ในพระหัตถ์ของพระองค์
(สดุดี XXX, 16)

ตามคำสอนของคริสตจักรออร์โธดอกซ์ พระเจ้าทรงกำหนดชะตากรรมของทุกคนไว้ล่วงหน้าในชีวิตนิรันดร์ทั้งในปัจจุบัน ชั่วคราว และในอนาคต ไม่ใช่โดยไม่มีเงื่อนไข แต่อยู่บนพื้นฐานของความรู้ล่วงหน้าว่าบุคคลจะประพฤติตนอย่างไรในช่วงชีวิตทางโลก แต่ตรงกันข้ามกับคำสอนนี้ ความคิดเห็นผิด ๆ เกี่ยวกับโชคชะตาหรือโชคชะตาแพร่หลายไปในหมู่คนจำนวนมาก หลายคนเชื่อว่าชะตากรรมสำหรับทุกคนนั้นแน่นอนว่าได้กำหนดสถานการณ์ทั้งหมดของชีวิตและแม้แต่การกระทำและการกระทำทั้งหมดไว้ล่วงหน้า และเมื่อถูกกำหนดแล้ว พวกเขาจะดำเนินไปอย่างเป็นอิสระจากตัวบุคคลและเจตจำนงของเขาอย่างแน่นอน และไม่ว่าจะยากเพียงใด คนพยายามจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับเขา...

Rock FateRock เป็นแนวคิดเรื่องความไร้พลังของเราต่อหน้าสิ่งที่เกิดขึ้นซึ่งถูกควบคุมโดยกองกำลังที่สูงกว่าซึ่งตรงข้ามกับภาพลวงตา (ภาพลวงตาที่ถูกกล่าวหา) ของอิสรภาพแห่งเจตจำนงของเรา โชคชะตาคือความคิดของการมีอยู่ของความหมายที่ชัดเจนหรือเป็นความลับของทุกสิ่งที่เกิดขึ้นกับเรา (เห็นได้ชัดว่าถูกกำหนดโดยกองกำลังที่สูงกว่า) ซึ่งตรงกันข้ามกับความคิดเรื่องโอกาสที่ (สมมุติ) ควบคุมชีวิต โชคชะตาเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ในสิ่งเดียวที่เป็นไปได้ และชีวิตของเราคือชุดของความพยายามที่ไร้เดียงสาและไร้ผลที่จะหลอกลวงมัน เลี่ยงมัน และใส่ความหมายที่เราต้องการในสิ่งที่เกิดขึ้น สำหรับเราดูเหมือนว่าเราเลือกตัดสินใจกำหนดอนาคตเท่านั้น ในความเป็นจริง เราไม่สามารถทำผิดพลาดได้ เพราะทุกสิ่งถูกกำหนดไว้ล่วงหน้าตั้งแต่เริ่มต้น - โดยกองกำลังซึ่งเราไม่สามารถเข้าใจงานได้ - และเราดำเนินการตามสถานการณ์ของพวกเขา (ใครถูกกำหนดให้ถูกแขวนคอจะไม่จมน้ำ ฯลฯ) โชคชะตาคือ "ความหมายที่หลีกเลี่ยงไม่ได้" และชีวิตของเราคือความพยายามอย่างต่อเนื่องที่จะสร้างความหมายนี้ให้กับตัวเราเอง ตามความเข้าใจของเราเอง (แม้ว่าอาจจะอ่อนแอ) หรือการละเลยความหมายใดๆ
ดูเหมือนว่าเรา...

การฝึกนิกายชามานสอนให้ฉันละทิ้งสิ่งที่คุณคิดว่าเป็นตัวของตัวเองจนเป็นนิสัย รวมถึงเหตุการณ์อันเจ็บปวดในอดีตและบาดแผลทางจิตวิญญาณของคุณ สิ่งนี้ช่วยให้ฉันเลือกโชคชะตาของฉันให้มีความสุขและมีความสุขมากที่สุด คุณคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้เหรอ? คุณคิดว่าทุกสิ่งถูกกำหนดไว้ล่วงหน้าแล้วและไม่มีอิสระในการเลือกใช่หรือไม่? โชคดีที่ไม่เป็นเช่นนั้น ฉันจะเล่าเรื่องเกี่ยวกับสหายของฉันให้คุณฟัง นี่เป็นเรื่องราวสมัยใหม่ แต่แก่นแท้ของเรื่องนี้ลึกซึ้งและอยู่เหนือกาลเวลา

สหายสองคนพบกัน - อเล็กซี่และโรมัน พวกเขาไม่ได้เจอกันมาหลายปีแล้ว และตอนนี้ก็ถึงเวลาที่พวกเขาจะได้พบกันแล้ว คนหนุ่มสาวมีความสุขกันมีความสุขกับข่าวสารและความสำเร็จ การสนทนาของพวกเขาดำเนินต่อไปเป็นเวลานานและไปถึงหัวข้อเชิงปรัชญา โรมันพูดด้วยความกระตือรือร้นและแรงบันดาลใจเกี่ยวกับความสำเร็จของเขา เกี่ยวกับเสน่ห์ในชีวิตของเขา ว่าเส้นทางของเขาประสบความสำเร็จ เขาตามหาคนรักของเขา และเขาเองที่จับหางนกแห่งความสุขได้ สุนทรพจน์ของเขาเกี่ยวกับความสำเร็จผสมผสานกับปรัชญาเกี่ยวกับชีวิต เกี่ยวกับสถานที่ของมนุษย์ในโลก เกี่ยวกับงานทางวิทยาศาสตร์ และ...

ไม่มีใครรู้ว่าเมื่อใดที่คนเริ่มสงสัยว่าจะสามารถเปลี่ยนแปลงชะตากรรมของเขาได้หรือไม่ บางทีแม้แต่ในสมัยโบราณ เมื่อผู้คนเรียนรู้ที่จะรู้จักตัวเองในโลกนี้ แยกตัวออกจากโลกและได้รับความสามารถในการวิปัสสนา

เสรีภาพในการเลือกหรือโชคชะตา?

อาจเป็นไปได้ว่าข้อเท็จจริงของการตั้งคำถามเกี่ยวกับโชคชะตาหรือเสรีภาพในการเลือกชะตากรรมของตัวเองทำให้ชัดเจนว่าวันหนึ่งคน ๆ หนึ่งสามารถเปลี่ยนโชคชะตาของเขาได้! ท้ายที่สุดแล้ว หากเขาถามตัวเองด้วยคำถามนี้ หากเขาสังเกตเห็นว่าการกระทำของเขาถูกกำหนดไม่เพียงโดยพลังศักดิ์สิทธิ์หรือธรรมชาติบางอย่างเท่านั้น แต่ยังรวมถึงทัศนคติของเขาต่อโลก การกระทำ และเจตจำนงด้วย เขาก็สังเกตเห็นเสรีภาพในการเลือกที่มีอยู่

ฝนที่ตกลงมาจากท้องฟ้าไม่ใช่ตามความต้องการของมนุษย์ แต่มนุษย์มีอิสระที่จะเลือกที่จะเปียกใต้ฝน หรือซ่อนตัวให้แห้ง

ภาพคลาสสิกจากเทพนิยาย (ทั้งรัสเซีย กรีก อินเดีย สแกนดิเนเวีย - ทุกประเทศมีหนึ่ง!) ที่กลายเป็น monomyth - ฮีโร่บนทางแยกของถนนสามสาย - พิสูจน์...

เวร่า ความหมายชื่อ ตัวละคร และโชคชะตา | ชื่อเวร่าหมายถึงอะไร?

ในบทความนี้คุณจะพบข้อมูลเกี่ยวกับความหมายของชื่อ Vera ที่มา ประวัติ และเรียนรู้เกี่ยวกับตัวเลือกการตีความชื่อ

ราศีแห่งความศรัทธา - ราศีตุลย์ - สีของดาวเสาร์ ชื่อเวร่า - สีเทา ต้นไม้มงคล - ต้นเมเปิล พืชแห่งความศรัทธา - เฮเทอร์ ผู้อุปถัมภ์ชื่อเวร่า - หินยันต์มดแห่งศรัทธา - เบริล

ชื่อ Vera หมายถึงอะไร: ศรัทธาความเชื่อ (ชื่อ Vera มีต้นกำเนิดจากสลาฟเก่า)

ความหมายสั้น ๆ ของชื่อ Vera: Verka, Verunya, Verakha, Verukha, Verusha, Verusya, Rusya

วันแห่งทูตสวรรค์แห่งศรัทธา: ชื่อ Vera เฉลิมฉลองวันชื่อของเธอปีละครั้ง: 30 กันยายน (17) - ผู้พลีชีพศักดิ์สิทธิ์ Vera ร่วมกับ Lyubov และ Nadezhda น้องสาวของเธอทีละคนหลังจากทนทุกข์เพื่อศรัทธาของพระคริสต์ ตัดศีรษะต่อหน้าต่อตาแม่ของพวกเขา ในวันที่สามหลังจากนี้ นักบุญโซเฟีย มารดาของพวกเขาก็สิ้นพระชนม์ที่หลุมศพในกรุงโรมในปี 137 ด้วย

สัญญาณของชื่อ Vera: วันนี้เรียกว่าวันชื่อผู้หญิงทั่วโลก - ผู้หญิงมุ่งมั่นที่จะจัด...

พวกเราหลายคนเชื่อ แม้ว่าจะอยู่ที่ไหนสักแห่งในจิตวิญญาณของเรา ในพลังต่างๆ ที่ควบคุมไม่เพียงแต่ชีวิตของเราเท่านั้น แต่ยังรวมถึงกระบวนการทั้งหมดในจักรวาลด้วย บางครั้ง เพื่อที่จะตัดสินใจเกี่ยวกับการกระทำนี้หรือการกระทำนั้น เราต้องได้รับสัญญาณแห่งโชคชะตาอย่างเร่งด่วน ดูเหมือนว่าจะไม่มีอะไรโง่ไปกว่านี้แล้ว - การรอสัญญาณที่ไม่รู้จักเพราะเป็นการดีกว่าที่จะดำเนินการทันทีและไม่คิด แต่นี่คือธรรมชาติของมนุษย์ อะไรคือสิ่งที่เรียกว่า "สัญญาณแห่งโชคชะตา" เชื่อในสิ่งเหล่านั้นหรือไม่ - ฉันจะพยายามเข้าใจปัญหาที่ยากลำบากนี้กับคุณ

แน่นอนว่าเราแต่ละคนต้องเผชิญกับสถานการณ์มากกว่าหนึ่งครั้งซึ่งเมื่อมองแวบแรกก็ท้าทายคำอธิบายเชิงตรรกะ แต่พวกเขาเปลี่ยนสถานการณ์ไปอย่างสิ้นเชิง - ตัวอย่างเช่นนี่เป็นการพบปะโดยบังเอิญของเพื่อนที่รู้ว่าคุณกำลังมองหางานจึงให้หมายเลขโทรศัพท์ของเพื่อนและคุณได้งานที่มีรายได้ดี แม้ว่าก่อนวันนั้นคุณจะไม่ได้เจอเพื่อนของคุณมาหลายเดือนหรือหลายปีแล้ว และหลังจากพบกันอีกครั้ง เส้นทางของคุณก็ไม่...

ร็อคหรือเสรีภาพในการเลือก คำตอบของโหราศาสตร์

บ่อยครั้งที่นักโหราศาสตร์ถูกถามเกี่ยวกับลัทธิเวรกรรมและเจตจำนงเสรี พวกเขาจะถูกถามคำถามอย่างต่อเนื่องเช่นนี้:

โหราศาสตร์ไม่ได้บอกเราว่าชีวิตถูกกำหนดไว้ล่วงหน้าแล้ว และไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงได้ใช่ไหม ถ้าเธอพูดถึงสิ่งที่ถูกกำหนดไว้ล่วงหน้าแล้วเธอจะมีประโยชน์อะไร? การรู้ชะตากรรมของฉันจะให้อะไรฉันได้ถ้ามันถูกกำหนดไว้? ถ้าโหราศาสตร์ไม่ได้หมายความถึงความตาย แล้วมันจะเป็นวิทยาศาสตร์ที่แน่นอนได้อย่างไร? เธอจะมีประโยชน์อะไรถ้าเธอไม่สามารถบอกฉันได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับฉัน? และถ้าทำได้ แล้วมันจะมีประโยชน์อะไรเมื่อไม่สามารถหลีกเลี่ยงชะตากรรมของคนๆ หนึ่งได้?

นี่เป็นคำถามที่ยุติธรรมที่นักโหราศาสตร์และทุกคนที่ศึกษาเรื่องมนุษยชาติและชีวิตต้องตอบ แม้ว่าจะไม่ใช่เรื่องง่ายก็ตาม
ไม่มีประโยชน์ที่จะหลบเลี่ยงและบอกว่าโหราศาสตร์ทำนายได้ แต่ไม่ใช่แบบเด็ดขาด หลักโหราศาสตร์ตะวันตกสมัยใหม่ ตามหลัก “ดวงดาวจูงใจแต่ไม่บังคับ” ก็เช่นกัน...

กรรมเป็นคำที่ไม่สามารถแปลได้ ความหมายหลักประการหนึ่งคือ "โฉนด" อย่างไรก็ตาม ภาษาฮินดูโบราณ (เรียกว่าสันสกฤต) มีการตีความเกี่ยวกับกรรมมากมายจนเป็นไปไม่ได้ที่จะถอดรหัสตามตัวอักษร

หากคุณแกะความหมายนี้ออกตามคุณภาพการใช้งานในชีวิตประจำวัน คุณอาจสังเกตเห็นว่าความหมายส่วนใหญ่ของคำนี้หายไปหรือสูญเสียความชัดเจนไปอย่างมาก การสำรวจในหมู่ชาวอเมริกันเผยให้เห็นสิ่งต่อไปนี้: ผู้คนเชื่อว่ากรรมคือโชคชะตา ยิ่งไปกว่านั้น นี่จำเป็นต้องเป็นชะตากรรมที่ไม่ดี เป็นหินที่ชั่วร้าย พลังที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้และไม่อาจเข้าใจได้ซึ่งมีต้นกำเนิดมาจากอดีตและถูกฉายไปสู่อนาคต ชาวอเมริกันใช้คำนี้ในแง่ที่ว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะต่อสู้กับกรรม และผู้คนก็ไร้พลังเมื่อเผชิญกับชะตากรรมที่ไม่อาจหยุดยั้งได้ นั่นคือเหตุผลที่หลายคนเชื่อว่ากรรมเป็นและปฏิเสธแนวคิดแบบตะวันออก ตามความเห็นของผู้ไม่มีการศึกษา กรรมสามารถพิสูจน์ความอยุติธรรมหรือความทุกข์ทรมานได้: "เขายากจน และนี่คือกรรมของเขา" "เธอไม่มีลูก - ทั้งหมดนี้เป็นกรรม" จากความคิดเช่นนี้ ถือเป็นก้าวหนึ่งในการยืนยันว่าคนเหล่านี้สมควรได้รับความทุกข์ทรมานอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบัน แนวคิดหลอกพุทธศาสนาได้แพร่หลายมากขึ้น ทุกที่ที่คุณเห็นโฆษณาเช่น "การวินิจฉัยกรรม" ในสถาบันเฉพาะทาง ผู้คนจะได้รับโอกาสค้นหากรรมของตนเองด้วยความแม่นยำร้อยเปอร์เซ็นต์ วลี "การชำระกรรม" ก็เป็นที่นิยมเช่นกัน และพิธีกรรมนี้ทำโดยนักมายากล นักพลังจิต และพ่อมดต่างๆ อย่างไรก็ตาม มีเพียงไม่กี่คนที่คิดจริงๆ เกี่ยวกับสิ่งที่เขาพยายามทำ

ความเข้าใจผิดเป็นผลมาจากข้อเท็จจริงที่ว่ากรรมเป็นแนวคิดทางพุทธศาสนาที่นำมาจากตะวันออกไปตะวันตกพร้อมกับแนวคิดที่ไม่ใช่พุทธศาสนาโดยสิ้นเชิง ในขณะนี้ หากพูดตามตรงแล้ว เราสามารถพูดได้ว่าชาวพุทธยุคใหม่จำนวนมากมองว่ากรรมเป็นชะตากรรมที่ร้ายแรงและเป็นชะตากรรมที่ชั่วร้าย อย่างไรก็ตาม ประเพณีของชนพื้นเมืองในยุคแรกแสดงให้เห็นว่าความคิดเห็นนี้ก็ผิดพลาดเช่นกัน

ในพุทธศาสนาแบบดั้งเดิม กรรมเป็นแนวคิดที่มีหลายแง่มุม ไม่เชิงเส้น และซับซ้อน น่าแปลกที่ในเรื่องนี้ไม่ได้ให้ความสำคัญกับอดีตมากนักซึ่งตรงกันข้ามกับแนวคิดของชาวอเมริกันยุคใหม่ โรงเรียนก่อนพุทธศาสนิกชนหลายแห่งในอินเดียเชื่อว่าความรับผิดชอบต่อกรรมเป็นไปตามวิถีเส้นตรง กล่าวคือ การกระทำในอดีตอันไกลโพ้นส่งผลอย่างชัดเจนต่ออนาคตและปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม แนวคิดนี้บ่งบอกถึงข้อจำกัดของมนุษย์ ชาวพุทธมองคำถามแตกต่างออกไปเล็กน้อย

สำหรับผู้ติดตามคำสอนของเจ้าชายสิทธัตถะ กรรมเป็นเครือข่ายที่ซับซ้อนของการตอบรับด้วยเหตุและผล ซึ่งช่วงเวลาปัจจุบันถูกกำหนดโดยการกระทำในอดีต ปัจจุบัน และแม้กระทั่งในอนาคต ดังนั้นปัจจุบันจึงไม่จำเป็นต้องถูกกำหนดไว้ล่วงหน้าโดยอดีตอย่างแน่นอน ธรรมชาติของการรับรู้ถึงกรรมนี้เป็นสัญลักษณ์ของกระแสน้ำ ดังนั้น กรรมจึงมิใช่ความอ่อนน้อมถ่อมตน นี่คือแนวคิดที่ว่าบุคคลสามารถปลดปล่อยศักยภาพที่ซ่อนอยู่ในช่วงเวลาปัจจุบันได้ ท้ายที่สุดแล้วสิ่งสำคัญไม่ใช่ว่าคุณมาจากไหน เจตนารมณ์ของจิตใจ ณ ขณะนี้มีความสำคัญ