อาฟวา โดโรธีอุส. คำสอนอันเป็นจิตวิญญาณ

1 . จากผู้เยาว์ บาปจากข้อเท็จจริงที่เราพูดว่า: สิ่งสำคัญในเรื่องนี้หรือสิ่งนั้นคือนิสัยที่ชั่วร้ายก่อตัวขึ้นในจิตวิญญาณและคน ๆ หนึ่งก็เริ่มละเลยสิ่งที่ยิ่งใหญ่

2 . เพราะเพราะว่าคนไม่สนใจบาปของตนและไม่คร่ำครวญถึงความตายของเขา (สภาพบาปของเขา) เขาจึงไม่สามารถประสบความสำเร็จในสิ่งที่ดีได้ แต่มักจะใส่ใจกับการกระทำของเพื่อนบ้านของเขาเสมอ

3 . ไม่มีอะไรเปิดเผยบุคคลเช่นนี้และนำไปสู่การละทิ้ง พระเจ้าเป็นการใส่ร้ายหรือประณามหรือทำให้เพื่อนบ้านอับอาย

4 . การตำหนิหมายถึงการพูดเกี่ยวกับใครบางคน เช่นโกหก โกรธ ผิดประเวณี หรือทำสิ่งที่คล้ายกัน

5 . การประณามหมายถึงการพูดว่า: เช่นนั้นคือคนโกหก, โกรธ, ผิดประเวณี

6 . ความอัปยศอดสูเกิดขึ้นเมื่อบุคคลไม่เพียงแต่ประณามเท่านั้น อื่นแต่ยังดูหมิ่นเขาเช่น รังเกียจเพื่อนบ้านของตน และหันเหไปจากเขา ราวกับมาจากสิ่งที่น่าสะอิดสะเอียนบางอย่าง สิ่งนี้แย่กว่าการประณามและเป็นอันตรายมากกว่ามาก

7 . คุณโกรธและไม่ละอายใจที่คุณโกรธและทำให้น้องชายของคุณขุ่นเคืองหรือไม่? คุณไม่รู้หรือว่าเขาคือพระคริสต์และคุณดูถูกพระคริสต์?

8 . อับบาแอมันคลุมน้องชายของเขาซึ่งซ่อนผู้หญิงไว้ใต้อ่างน้ำ ดูการสอน 6

9 . เช่นเดียวกับชาวประมง เมื่อเหวี่ยงเบ็ดลงทะเล และจับปลาใหญ่ได้ตัวหนึ่ง ก็รู้สึกว่ามันกำลังฟาดฟันกัน จู่ๆ ก็ไม่ดึงดูดมันอย่างแรง เพราะไม่เช่นนั้นเชือกจะขาดและจะสูญเสียปลาไปอย่างสิ้นเชิง แต่พวกเขาปล่อยเชือกไปอย่างอิสระและปล่อยให้มันไปตามต้องการ เมื่อเห็นว่าปลาเหนื่อยและหยุดกัดแล้วจึงค่อยดึงดูดมันทีละน้อย ในทำนองเดียวกัน ภิกษุผู้มีความอดกลั้นและความรัก ย่อมดึงดูดพี่น้องของตนไว้ ไม่หันเหจากเขา และอย่าดูหมิ่นเขา

10 . บังเอิญว่าพี่น้องทำบาปเพราะความเรียบง่ายแต่มีการกระทำที่ดีอย่างหนึ่งที่ทำให้พระเจ้าพอพระทัยมากกว่าทั้งชีวิตของเขา

11 . เมื่อเห็นว่าน้องชายของเขาทำบาป สาธุคุณถอนหายใจกล่าวว่า: “วิบัติแก่ฉัน; วันนี้เขาทำบาปฉันใด พรุ่งนี้ฉันก็จะทำบาปฉันนั้น” ขณะเดียวกัน พระองค์ไม่พอใจกับสิ่งนี้แต่ก้มลงกราบกล่าวว่า อย่างน้อยเขาก็จะกลับใจจากบาป แต่ฉันจะไม่กลับใจเท่าที่ควรจะเป็น ฉันจะกลับใจไม่ได้ ฉันจะไม่สามารถกลับใจได้ เพื่อกลับใจ

12 . เราอาจอ่อนแอและไม่สามารถทำงานได้ แต่เราถ่อมตัวไม่ได้หรือ?

14 . ผู้ใดดูหมิ่นตนเองไปแห่งใด แม้จะประสบอันตราย ความเสื่อมเสีย หรือความโศกเศร้าใดๆ ก็ตาม ย่อมถือว่าตนสมควรได้รับความโศกเศร้าทั้งปวงก่อนแล้ว และไม่เคยต้องอับอายเลย

15 . หากผู้ใดสำรวจตนเองด้วยความเกรงกลัวพระเจ้า และสำรวจมโนธรรมของตนอย่างเคร่งครัด ผู้นั้นก็จะพบว่าตนเองมีความผิดอย่างแน่นอน

16 . ถ้าเราถือว่าตัวเองและคนอื่นไม่โทษทุกสิ่งที่เกิดขึ้นกับเรา สิ่งนี้จะนำสิ่งดีๆ มาให้เรามากมาย และนำสันติสุขและความเจริญรุ่งเรืองมาสู่เรา

17 . พระคริสต์ทรงทราบมากกว่าฉันว่าควรได้รับหรือไม่ ต้องการและพระองค์จะทรงอยู่แทนสิ่งนี้หรือแทนอาหารนี้สำหรับฉัน

18 . หากมีสิ่งดีเกิดขึ้นกับเรา นี่คืองานของพระเจ้า และหากมีสิ่งชั่วร้ายเกิดขึ้น นั่นก็เป็นเพราะบาปของเรา

19 . ทุกคนประมาทและไม่รักษาบัญญัติข้อเดียว แต่เรียกร้องให้เพื่อนบ้านปฏิบัติตามพระบัญญัติ

20 . ความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของมนุษย์คือต่อหน้าพระเจ้า เขาจะวางบาปทั้งหมดไว้ที่ตัวเขาเองและรอคอยการทดลองจนกระทั่งลมหายใจสุดท้ายของเขา

บทที่สอง (วันอังคาร)

1 . ผู้ที่เอาชนะความโกรธได้ก็ชนะมารร้าย และใครก็ตามที่เอาชนะด้วยตัณหานี้ได้ ผู้นั้นก็เป็นผู้แปลกแยกจากชีวิตสงฆ์โดยสิ้นเชิง

2 . ความสับสนคือการเคลื่อนไหวและความตื่นเต้นของความคิดที่ก่อตัวและทำให้หัวใจหงุดหงิด

3 . การระคายเคืองคือการลุกฮือขึ้นด้วยความพยาบาทต่อผู้ที่ทำให้เสียใจซึ่งกลายเป็นความอวดดี

4 . ความอาฆาตพยาบาทที่เกิดจากความคิดทำให้หัวใจหงุดหงิด แต่ถูกฆ่าด้วยการอธิษฐานและความหวัง มันบดขยี้มัน (นักบุญมาร์กนักพรต)

5 . จงตัดตัณหาในขณะที่ยังเด็กอยู่เสมอ ก่อนที่พวกเขาจะหยั่งรากและเสริมกำลังในตัวคุณ และเริ่มทำให้คุณหดหู่ เพราะเมื่อนั้นคุณจะต้องทนทุกข์ทรมานมากมายจากสิ่งเหล่านั้น เพราะการถอนหญ้าใบเล็กเป็นอีกเรื่องหนึ่ง และอีกเรื่องหนึ่งคือการถอนต้นไม้ใหญ่

6 . ทุกคนควรชื่นชมยินดีในความสงบสุขของน้องชายและทำทุกอย่างเพื่อเป็นเกียรติแก่เขา

7 . พระเจ้า โปรดช่วยฉันและน้องชายเพื่ออธิษฐานของเขาด้วย นี่คือวิธีที่บุคคลอธิษฐานเพื่อน้องชายของเขา และนี่คือสัญลักษณ์ของความเมตตาและความรัก และถ่อมตัวลงขอความช่วยเหลือเพื่ออธิษฐาน

8 . ผู้ที่สวดภาวนาเพื่อศัตรูจะไม่มีความแค้นใดๆ

9 . ในเรื่องใดก็ตาม คุณสามารถได้รับทักษะทั้งด้านดีและความชั่ว

10 . การโกหกมีสามประเภท: ประเภทหนึ่งโกหกด้วยความคิด อีกประเภทหนึ่งโกหกด้วยคำพูด และอีกประเภทหนึ่งอยู่กับชีวิตของตนเอง การโกหกด้วยความคิดหมายถึงการสงสัย สันนิษฐาน และสังเกตเห็นผู้อื่น และจากสิ่งนี้ความอยากรู้อยากเห็น การใส่ร้าย การแอบฟัง ความเป็นศัตรู และการประณามตามมา เขาโกหกกับชีวิตของเขาที่เป็นคนผิดประเวณีและแสร้งทำเป็นว่างดเว้น หรือเห็นแก่ตัวพูดเรื่องทานและสรรเสริญความเมตตา หรือเป็นคนหยิ่งผยองก็ประหลาดใจในความถ่อมตัว

11 . อย่าเชื่อการเดาของคุณ เพราะกฎที่คดเคี้ยวจะทำให้กฎที่ตรงไปตรงมานั้นคดเคี้ยว ความคิดเห็นของมนุษย์เป็นเท็จและเป็นอันตรายต่อผู้ที่หลงระเริง (นักบุญอับบายอห์น)

12 . เนื่องจากความชั่วช้าของเรา หากความคิดชั่วร้ายหว่านลงในเรา เราต้องเปลี่ยนความคิดเหล่านั้นให้เป็นคนดีทันที และพวกมันจะไม่ทำร้ายเรา

13 . ใครก็ตามที่ต้องการเปลี่ยนคำโดยไม่จำเป็นไม่ควรทำบ่อย ๆ แต่เฉพาะในกรณีพิเศษเท่านั้น หลายปีละครั้ง เมื่อเห็นว่าจำเป็นมาก ให้ทำด้วยความเกรงกลัวจนตัวสั่น แสดงให้พระเจ้าเห็นทั้งพระประสงค์และ จำเป็นแล้วเขาจะได้รับการอภัยแต่เขาก็ยังได้รับอันตรายอยู่

14 . การตัดสินตนเองเป็นเรื่องของความถ่อมใจ และการละเว้นเพื่อนบ้านเป็นเรื่องของความเมตตา

15 . ไม่มีความอาฆาตพยาบาทแม้แต่ประการเดียว ไม่มีความบาปแม้แต่ประการเดียว ปีศาจเองก็ไม่สามารถหลอกลวงใครได้ มิฉะนั้นทันทีภายใต้หน้ากากแห่งคุณธรรม อัครสาวกกล่าวว่ามารเองได้กลายร่างเป็นทูตสวรรค์แห่งแสงสว่าง ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่ผู้รับใช้ของเขาถูกเปลี่ยนให้เป็นผู้รับใช้แห่งความจริง ()

16 . ถ้าผู้ใดบังคับตนเองก่อนแล้วจึงเพียรพยายามต่อไป ย่อมสำเร็จทีละน้อย แล้วบำเพ็ญกุศลด้วยความสงบ เพราะพระเจ้าเห็นว่าเขาบังคับตัวเองได้ก็ช่วยเขาด้วย

17 . “ให้เลือดและรับพระวิญญาณ” นั่นคือ พยายามแล้วคุณจะได้รับทักษะในคุณธรรม

18 . พระองค์ทรงมีจิตใจเที่ยงตรงไม่เบี่ยงเบนไปในทางที่เกินหรือขาด แต่มุ่งตรงไปสู่ศูนย์กลางแห่งคุณธรรมเท่านั้น (นักบุญบาซิลมหาราช)

19 . ความกล้าหาญพบได้ท่ามกลางความกลัวและความอวดดี ความอ่อนน้อมถ่อมตนท่ามกลางความภาคภูมิใจและความพอใจของผู้คน ความเคารพนับถือท่ามกลางความอับอายและความไร้ยางอาย

20 . ให้ทุกคนพิจารณาสภาพของตนเองว่าอยู่ที่ไหน

21 . บุคคลมีโครงสร้างของจิตวิญญาณสามประการ: เขากระทำตามตัณหาหรือต่อต้านมันหรือกำจัดมันออกไป ผู้ปฏิบัติให้สำเร็จย่อมประพฤติตามตัณหา ผู้ที่ขัดขืนคือผู้ไม่ประพฤติตามและไม่ตัดขาด แต่เป็นคนฉลาดราวกับละเลยกิเลสตัณหา แต่ยังคงมีอยู่ในตัวเอง และความหลงใหลจะถูกกำจัดให้หมดไปโดยผู้ที่พยายามและทำสิ่งที่ตรงกันข้ามกับความหลงใหล

22 . ทุกคนที่อธิษฐานต่อพระเจ้า: "ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงโปรดประทานความถ่อมใจแก่ข้าพระองค์เถิด" ควรรู้ว่าเขากำลังขอให้พระเจ้าส่งคนมาดูหมิ่นพระองค์

23 . อีกคนหนึ่งไม่เพียงแต่ชื่นชมยินดีเมื่อเขาถูกดูถูกและคิดว่าตัวเองมีความผิด แต่ยังรู้สึกเสียใจกับความอับอายของผู้ที่ดูถูกเขาด้วย ขอให้พระองค์ทรงนำเราเข้าสู่สมัยการประทานเช่นนั้น

บทที่สาม (วันพุธ)

1 . ใครก็ตามที่สูญเสียทองหรือเงินไปก็สามารถหาอย่างอื่นมาทดแทนได้ ถ้าเขาเสียเวลาอยู่อย่างเกียจคร้านและเกียจคร้านแล้วเขาก็ไม่สามารถหาคนอื่นมาทดแทนสิ่งที่หายไปได้

2 . หากผู้ใดถูกตัณหาครอบงำ ผู้นั้นก็จะตกเป็นทาสของตัณหา (นักบุญอับบา นิสเตรา)

3 . นกอินทรีถ้ามันอยู่นอกตาข่ายโดยสิ้นเชิง แต่เข้าไปพัวพันด้วยกรงเล็บข้างเดียว ความแรงทั้งหมดของมันจะพังทลายลงด้วยความเล็กนี้ จิตวิญญาณก็เช่นกัน: หากตัณหาแม้แต่สิ่งเดียวกลายเป็นนิสัยศัตรูก็จะโค่นล้มมันเมื่อใดก็ตามที่เขาต้องการ

4 . ในบรรดาทุกสิ่งที่พระเจ้าสร้าง ไม่มีสิ่งใดที่ไม่ดีนอกจาก ทุกสิ่งที่พระองค์ทรงสร้าง และดูเถิด เป็นสิ่งที่ดีนัก ().

5 . ไม่มีใครควรเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่วางทุกสิ่งไว้บนความจัดเตรียมของพระเจ้าและสงบสติอารมณ์

6 . ใครก็ตามที่ยังไม่ได้รับการชำระล้างกิเลสตัณหาและอธิษฐานต่อพระเจ้าให้ตายโดยเร็วก็เหมือนกับคนที่ขอให้ช่างไม้ช่วยสับเตียงคนไข้อย่างรวดเร็ว

7 . ด้วยเหตุนี้ฉันจึงปฏิเสธความสุข เพื่อตัดเหตุแห่งความหงุดหงิด (นักบุญอับบา เอวากริอุส)

8 . ความหลงใหลทุกอย่างล้วนเกิดจากสามสิ่งนี้ คือ จากความรักชื่อเสียง ความรักเงินทอง และความรักในความยั่วยวน

9 . ดังนั้นเราจะต้องไม่เพียงแค่ตัดกิเลสตัณหาเท่านั้น แต่ต้องตัดสาเหตุด้วย แล้วปลูกฝังศีลธรรมด้วยการกลับใจและร้องไห้ จากนั้นจึงเริ่มหว่านเมล็ดพืชดีซึ่งเป็นความดี

10 . ทุกคนที่ต้องการได้รับความรอดไม่เพียงแต่ต้องไม่ทำความชั่วเท่านั้น แต่ยังต้องทำความดีอีกด้วย ดังที่พระคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์กล่าวไว้: ละเว้นความชั่วและทำความดี ().

11 . หากมีใครคุ้นเคยกับการรุกรานเขาจะต้องไม่เพียงแต่ทำให้ขุ่นเคืองเท่านั้น แต่ยังต้องกระทำตามความจริงด้วย ถ้าเขาเป็นคนผิดประเวณี เขาไม่เพียงต้องไม่ประพฤติผิดประเวณีเท่านั้น แต่ยังต้องละเว้นด้วย ถ้าคุณโกรธ คุณไม่เพียงแต่ไม่ควรโกรธเท่านั้น แต่ยังต้องมีความอ่อนโยนด้วย ถ้ามีคนภูมิใจเขาไม่ควรเพียง แต่ภูมิใจ แต่ยังถ่อมตัวด้วย

12 . ผู้ที่ต้องการความรอดอย่างแท้จริงไม่ควรประมาทจนลมหายใจสุดท้าย

13 . ความสำเร็จของพระภิกษุถูกเปิดเผยในการทดลอง (นักบุญอับบาปิเมน)

14 . ทุกสิ่งที่พระเจ้าทำกับเรา พระองค์ทรงทำเพื่อประโยชน์ของเรา ด้วยความรัก และความเมตตาต่อเรา และต้องขอขอบคุณสำหรับทุกสิ่ง (พุธ: ; )

15 . หากใครมีเพื่อนและมั่นใจว่าเขารักเขาแล้วเมื่อต้องทนทุกข์จากเขาแม้จะยากลำบากเขาก็คิดว่าเขาทำเพราะความรักและจะไม่มีวันเชื่อเพื่อนของเขาว่าเขาอยากจะทำร้ายเขายิ่งกว่านั้นอีก [ดังนั้น] เราควรคิดถึงพระเจ้าผู้ทรงสร้างเรา

16 . พระเจ้าทรงสัตย์ซื่อ พระองค์จะไม่ปล่อยให้เราถูกล่อลวงเกินกว่าที่เราสามารถทำได้ (เทียบ :)

17 . การล่อลวงนำประโยชน์มหาศาลมาสู่ผู้ที่อดทนต่อสิ่งเหล่านั้นโดยไม่ลำบากใจ เขินอาย ในขณะที่เมื่อตัณหารบกวนเรา มันเป็นเรื่องของความไร้เหตุผลและความภาคภูมิใจ และมันมาจากความจริงที่ว่าเราไม่รู้จักโครงสร้างทางจิตวิญญาณของเราและหลีกเลี่ยงการทำงาน ดังที่บรรพบุรุษกล่าวไว้

18 . เมื่อตัณหาปรากฏแก่ภิกษุแล้ว ภิกษุย่อมสิ้นสลายไป

19 . ล้มแล้วเหรอ? ลุกขึ้น. ล้มอีกครั้ง - ลุกขึ้นอีกครั้ง

20 . ความเข้มแข็งของผู้ที่ต้องการได้รับคุณธรรมไม่ใช่ให้ใจท้อถอยหากล้มลงและไม่สิ้นหวัง แต่ต้องสู้ใหม่

21 . ความเศร้าโศกดึงดูดความเมตตาของพระเจ้าเข้าสู่จิตวิญญาณ ความประมาท ความประมาท และความสงบสุขผ่อนคลายและสลายไป ในขณะที่การล่อลวงกลับทำให้เข้มแข็งขึ้นและรวมเป็นหนึ่งเดียวกับพระเจ้า พระเจ้าข้า ข้าพระองค์ระลึกถึงพระองค์ด้วยความโศกเศร้า (วันพุธ :)

บทที่สี่ (วันพฤหัสบดี)

1 . ผู้ที่ไม่มีบ้านจะต้องทนทุกข์ทรมานอย่างมากในฤดูหนาว ฉันต้องการให้บุคคลได้รับคุณธรรมทุกประการทุกวัน (นักบุญอับบายอห์น) จะต้องวางรากฐานก่อน นั่นก็คือ ศรัทธา จากนั้นจึงเชื่อฟัง อดกลั้นไว้นาน และควบคุมตนเอง ต่อไปคือความเห็นอกเห็นใจและการตัดเจตจำนงภายใต้ความอ่อนโยนที่ปกปิดไว้ ทั้งสองฝ่าย - ความอดทนและความกล้าหาญ และหลังคาคือความรัก มะนาวคือความอ่อนน้อมถ่อมตน การเชื่อมต่อคือการให้เหตุผล

2 . ผู้ที่ไม่มีความกล้าหาญในจิตใจก็จะไม่มีความอดทน และผู้ที่ไม่มีความอดทนก็จะไม่สามารถทำอะไรสำเร็จได้เลย ด้วยความอดทนของคุณได้รับจิตวิญญาณของคุณ ().

3 . เช่นเดียวกับที่เรือไม่สามารถสร้างได้โดยไม่ต้องใช้ตะปู ฉันใดก็ไม่สามารถรอดได้หากปราศจากความถ่อมใจ

4 . คนเงียบอย่างมีเหตุมีผลคิดว่าตนไม่สมควรพูดดังที่บิดากล่าวไว้ นี่ก็เป็นการนิ่งเงียบตามสมควร

5 . ผู้ที่ไม่คิดว่าตนเองดีกว่าคนอื่นอย่างสมเหตุสมผลจะคิดว่าตนไม่มีค่าอะไรเลยและไม่คู่ควรที่จะอยู่ท่ามกลางผู้คน ดังที่อับบา โมเสสกล่าวถึงตนเองว่า “คนผิวดำ! คุณไม่ใช่คน ทำไมคุณถึงปรากฏตัวท่ามกลางผู้คน”

6 . ให้บริการอย่างสมเหตุสมผล ป่วยทำหน้าที่รับใจที่เมตตา ได้รับความรู้สึกสงสาร ใครก็ตามที่มีเป้าหมายเช่นนั้น ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นแก่เขา ไม่ว่าความทุกข์จากภายนอกหรือตัวผู้ป่วยเองจะหมดกำลังใจต่อเขาก็ตาม เขาก็ทนทั้งหมดนี้ได้ไม่ลำบากใจ มองดู เป้าหมายของเขาและรู้ว่าคนป่วยย่อมทำดีแก่เขามากกว่าทำดีแก่คนป่วย

7 . ผู้ที่รับใช้ผู้ป่วยอย่างชาญฉลาดจะปราศจากกิเลสตัณหาและการสงคราม

8 . ผู้ถือศีลอดอย่างมีปัญญาไม่คิดว่าตนประพฤติตนมีคุณธรรม และไม่ต้องการได้รับการยกย่องว่าเป็นคนถือศีลอด แต่คิดว่าด้วยการเว้นศีล เขาจะได้ความบริสุทธิ์ และด้วยเหตุนี้เขาจึงจะมีความอ่อนน้อมถ่อมตน ดังที่บิดากล่าวไว้ว่า หนทาง ความอ่อนน้อมถ่อมตนคือการลงแรงทางกายและกระทำอย่างชาญฉลาด

9 . บุคคลจะต้องปฏิบัติตามคุณธรรมแต่ละข้ออย่างชาญฉลาดจนสามารถซึมซับและเปลี่ยนเป็นทักษะได้ และบุคคลดังกล่าวกลับกลายเป็นศิลปินที่มีทักษะ สถาปนิก ที่สามารถสร้างบ้านได้อย่างมั่นคง

10 . เราไม่ควรพูดว่าคุณธรรมนั้นยิ่งใหญ่และเขาไม่สามารถบรรลุได้ เพราะใครก็ตามที่พูดเช่นนั้นไม่เชื่อในความช่วยเหลือจากพระเจ้าหรือขี้เกียจที่จะอุทิศตนเพื่อสิ่งที่ดี เราไม่เพียงแต่ต้องถามเท่านั้น แต่ยังต้องแสวงหาและกระทำด้วย

11 . น้ำพระทัยของพระเจ้านั้นดี ทุกสิ่งที่ทำตามพระบัญญัติคือการรักกัน มีความเห็นอกเห็นใจ ให้ทาน และอื่นๆ

12 . น้ำพระทัยของพระเจ้าเป็นที่พอพระทัย เมื่อมีคนให้ทาน ไม่ใช่เพื่อแรงกระตุ้นของมนุษย์ แต่เพื่อเห็นแก่ความดี ด้วยความเมตตาเพียงอย่างเดียว

13 . น้ำพระทัยของพระเจ้านั้นสมบูรณ์ คือ เมื่อผู้ใดให้ทานมิใช่ด้วยความตระหนี่ ไม่เกียจคร้าน ไม่บังคับ แต่ด้วยกำลังและความตั้งใจจนสุดกำลัง ให้เสมือนว่าตนได้รับ และให้เมตตาเสมือนตัวเขาเองได้รับพร เธอ ทานยิ่งใหญ่มากจนสามารถอภัยบาปได้

16 . เมื่อพี่ชายของคุณไม่พอใจคุณ คุณสามารถแสดงความเมตตาต่อเขาและอดทนกับเขาในระหว่างที่เขารับใช้ โดยเห็นเขาถูกศัตรูทั่วไปล่อลวง เมื่อพี่น้องของคุณทำบาปต่อคุณ คุณสามารถเมตตาเขาและยกโทษให้เขาได้เช่นกัน ความเมตตาที่แสดงต่อจิตวิญญาณนั้นยิ่งใหญ่กว่าความเมตตาที่แสดงต่อร่างกาย

17 . ความใหญ่โตในอาหารก่อให้เกิดความชั่วร้ายทุกชนิดต่อบุคคล

18 . อย่าให้ดวงตาของคุณมีอิสระอย่ามองใครอย่างไร้ยางอายและปราศจากความกลัว

19 . ทุกคนที่ทำอะไรก็ต้องมีเป้าหมายอย่างแน่นอนและรู้ว่าเขาทำไปทำไมเราควรมีเป้าหมายอะไร? ในใจเมื่อเรามาเยือนกัน:

ประการแรก: เพื่อความรัก;

ประการที่สอง: เพื่อฟังพระวจนะของพระเจ้า

ประการที่สาม: ค้นหาสภาพจิตใจของคุณ

20 . อับบา แอนโทนี่ เมื่อเขาไปหาใครสักคน เขาสังเกตเห็นแต่สิ่งที่ดีสำหรับทุกคน เขายืมสิ่งนี้มาจากเขาและนำมาใช้เพื่อตัวเขาเอง จากคนหนึ่งเขายืมความอ่อนโยน จากอีกความถ่อมตัว จากความเงียบอีกอย่างหนึ่ง และด้วยเหตุนี้จึงรวมคุณธรรมของแต่ละคนเข้าด้วยกัน

21 . ทุกคนได้รับอันตรายและได้รับประโยชน์จากสภาพจิตใจของตนเอง ผู้ที่ดูอ่อนโยนจะได้รับความเมตตา(พุธ:). หากบุคคลไม่สังเกตเห็นความชั่วร้ายของเพื่อนบ้านความดีงามก็เกิดในเขาด้วยความช่วยเหลือจากพระเจ้า

22 . อย่าออกคำสั่งอย่างมีอํานาจ แต่จงถ่อมตัวเหมือนกำลังแนะนำพี่น้อง เพราะคำพูดเช่นนี้เป็นที่ยอมรับได้ และจะโน้มน้าวใจและทำให้เพื่อนบ้านสงบลงได้เข้มแข็งกว่า

23 . จำไว้ว่าคุณเองก็ถูกครอบงำด้วยความโกรธ และเมื่อพิจารณาจากความอ่อนแอของคุณแล้ว คุณก็มีความเห็นอกเห็นใจต่อน้องชายของคุณ

24 . หากคุณถูกความโกรธเคืองขณะที่ตำหนิผู้อื่น คุณจะเติมเต็มความปรารถนาของคุณเองเท่านั้น

25 . ก่อนอื่น เราต้องดูแลแผนการประทานสันติเพื่อว่าแม้ภายใต้ข้ออ้างที่ยุติธรรมหรือเพื่อประโยชน์ของพระบัญญัติ เราจะไม่ทำให้ใจเราสับสนเลยด้วยความมั่นใจว่าเรากำลังพยายามปฏิบัติตามพระบัญญัติทั้งหมดอย่างแม่นยำสำหรับ เห็นแก่ความรักและความบริสุทธิ์ของจิตใจ เมื่อสั่งสอนพี่น้องเช่นนี้ ท่านจะได้ยินเสียงนี้ด้วย ถ้าเจ้าดึงของมีค่าออกจากของไร้ค่า เจ้าก็จะเป็นเหมือนปากของเรา ().

26 . อย่าหวังให้สิ่งต่าง ๆ เป็นไปตามที่คุณต้องการ แต่ขอให้มันเป็นอย่างที่มันจะเป็น และด้วยวิธีนี้ คุณจะอยู่อย่างสันติกับทุกคน

27 . ผู้ที่เกลียดความไร้เกียรติก็เกลียดความถ่อมตัว และผู้ที่หนีจากผู้ที่ทำให้เขาโศกเศร้าก็หนีจากความอ่อนโยน

28 . ก่อนที่เราจะพูดหรือทำอะไร ให้เราทดสอบก่อนว่าเป็นไปตามพระประสงค์ของพระเจ้าหรือไม่ จากนั้นเมื่ออธิษฐานแล้วเราจะพูดหรือทำเช่นนี้และมอบความอ่อนแอของเราต่อพระเจ้าและความดีของพระองค์จะช่วยเราในทุกสิ่ง

บทที่ห้า (วันศุกร์)

1 . พยายามได้รับการสั่งสอนจากทุกสิ่ง อย่าปรารถนาที่จะอวดดีด้วยวาจาหรือการกระทำ มีความพอประมาณในเรื่องอาหารและคำพูดของคุณ แม้จะเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยก็ตาม

2 . ใครก็ตามที่ต่อสู้กับความคิดอันแรงกล้าหรือเสียใจกับมันและไม่สารภาพมัน จงเสริมกำลังมันต่อต้านตัวเอง ถ้าเขาเริ่มที่จะต่อสู้และต่อต้านความคิดของเขาและทำสิ่งที่ตรงกันข้ามกับเขา ความหลงใหลก็จะอ่อนลงและไม่มีกำลังที่จะต่อสู้กับเขาและทำให้เขาเสียใจ บุคคลควรอธิษฐานต่อพระเจ้าและขอให้พระองค์ช่วยเขาเสมอ

3 . ผู้ที่ไม่ดูหมิ่นทุกสิ่ง ทั้งศักดิ์ศรีและความสงบสุขทางกาย และในขณะเดียวกันก็ทำตนให้ชอบธรรม ย่อมไม่สามารถตัดกิเลสตัณหาของตนออกได้ มิได้กำจัดความโกรธและความโศกเศร้าได้ หรือทำให้เพื่อนบ้านสงบลงไม่ได้

4 . อย่าเรียกร้องความรักจากเพื่อนบ้าน เพราะผู้ที่เรียกร้องจะอายถ้าเขาไม่ตอบสนอง แต่เป็นการดีกว่าสำหรับคุณที่จะแสดงความรักต่อเพื่อนบ้านด้วยตัวคุณเองแล้วคุณจะสงบลง

5 . ใครก็ตามที่ทำสิ่งที่พระเจ้าพอพระทัยจะต้องถูกล่อลวงอย่างแน่นอน สิ่งที่คุณทำเพื่อพระเจ้าไม่สามารถมั่นคงได้เว้นแต่จะถูกทดสอบโดยการล่อลวง

6 . การไม่ดูหมิ่นการให้ของเพื่อนบ้านเป็นเรื่องของความอ่อนน้อมถ่อมตน และเราต้องยอมรับด้วยความขอบคุณ แม้ว่าจะเล็กน้อยและไม่มีนัยสำคัญก็ตาม

7 . อย่าทำชั่วแม้จะเป็นเรื่องตลก เราไม่ควรกำจัดตัณหาเพื่อหลีกเลี่ยงความโศกเศร้าที่เกิดขึ้น แต่ต้องการกำจัดความเกลียดชังโดยสิ้นเชิงดังที่กล่าวไว้ว่า: ฉันเกลียดพวกเขาด้วยความเกลียดชังโดยสิ้นเชิง พวกเขาเป็นศัตรูของฉัน ().

8 . เป็นไปไม่ได้ที่ใครก็ตามจะโกรธเพื่อนบ้านของเขา เว้นแต่ว่าใจของเขาจะอยู่เหนือเขาเสียก่อน

9 . เครื่องบูชาที่มีชีวิต บริสุทธิ์และเป็นที่พอพระทัยพระเจ้า หมายถึงการไม่ทำตามความประสงค์ของเนื้อหนังและความคิดอีกต่อไป แต่ดำเนินตามพระวิญญาณ

10 . เครื่องบูชาเผาด้วยวาจาหมายถึงการอุทิศตนแด่พระเจ้าโดยสิ้นเชิง วิญญาณประกอบด้วยสามส่วน: ตัณหา ฉุนเฉียว และมีเหตุผล (นักบุญเกรกอรีแห่งนิสซา)

11 . ไม่มีสิ่งใดควรได้รับความรักมากไปกว่าพระเจ้า และทุกสิ่งที่ปรารถนา ไม่มีอะไรควรเป็นที่พึงปรารถนามากกว่าความปรารถนาที่จะมีพระเจ้า จิตวิญญาณที่มีเหตุมีผลย่อมประพฤติตามธรรมชาติ เมื่อส่วนที่เป็นกามวิตถารปรารถนาคุณธรรม ส่วนที่ฉุนเฉียวก็พยายามดิ้นรนเพื่อสิ่งนั้น และส่วนที่มีเหตุผลจะหมกมุ่นอยู่กับการใคร่ครวญถึงสิ่งที่สร้างขึ้น (นักบุญ อับบา เอวากริอุส)

12 . ตัวเราเองก็ต่างกัน ของเราก็ต่างกัน สิ่งที่เรามีก็ต่างกัน เราคือจิตใจ จิตวิญญาณ ร่างกายเป็นของเรา มีทรัพย์สินและสิ่งของอื่นๆ เพราะโดยการรักษาพระบัญญัติ วิสุทธิชนจะเข้าใกล้พระเจ้ามากขึ้น

13 . แม้ว่าบางคนจะไม่ได้สวมมงกุฎ แต่เขาควรพยายามอยู่ใกล้ผู้สวมมงกุฎ (St. Clement of Alexandria)

14 . ก่อนอื่นอธิษฐานขอพระเจ้าเพื่อให้คุณให้ความสนใจและสติปัญญาเพื่อที่คุณจะได้รู้ว่าน้ำพระทัยที่ดีและเป็นที่พอพระทัยและสมบูรณ์แบบของพระองค์คืออะไร () รวมถึงความเข้มแข็งที่จะเตรียมพร้อมสำหรับการทำความดีทุกอย่าง

15 . ดังนั้น เมื่อความคิดที่น่ารังเกียจเกิดขึ้นต่อคุณและเริ่มกดขี่คุณ คุณต้องร้องต่อพระเจ้า: “พระองค์เจ้าข้า! จัดการเรื่องนี้ตามที่คุณต้องการและอย่างที่คุณรู้”

16 . อับบาปิเมน กล่าวว่า คำพูดที่สั่งไม่ให้กังวลถึงวันพรุ่งนี้ (พุธ :) หมายถึง บุคคลที่ถูกล่อลวง ขอให้พระเจ้าผู้เมตตาและมีมนุษยธรรมผู้ห้ามลมและทะเลและสร้างความเงียบอันยิ่งใหญ่ () ลูกชายของฉันห้ามการล่อลวงของคุณและให้หัวใจที่กว้างแก่คุณเพื่อที่คุณจะได้เข้าใจความฉลาดแกมโกงของศัตรู

17 . สิ่งใดที่ทำแก่ท่าน จงรับไว้เป็นพร (เทียบ :) บังคับใจของคุณให้เชื่อว่าคุณเองทำให้เกิดการล่อลวงอย่างแน่นอน

18 . เช่นเดียวกับที่เงาติดตามร่างกาย การล่อลวงก็เป็นไปตามการปฏิบัติตามพระบัญญัติฉันนั้น (นักบุญอับบา แอนโธนีมหาราช)

19 . ดังนั้น ลูกเอ๋ย จงละความคิดของมนุษย์และมีความหวังในพระเจ้าซึ่งทำมากกว่าที่เราจินตนาการไว้ และความหวังในพระเจ้าจะทำให้คุณสงบลง ผู้ที่เกลียดชังผู้ที่ทำให้เขาโศกเศร้าก็เกลียดความสุภาพอ่อนโยน และผู้ที่หนีผู้ที่ดูหมิ่นเขาก็หนีจากสันติสุขของพระคริสต์

20 . ไม่ใช่ตัวเราเอง คริสเตียนยุคแรกกระจาย ทรัพย์สินของคุณแต่โดยทางอัครสาวก พวกเขาเองก็พ้นจากความกังวล ทรัพย์สมบัติ และความไร้สาระ คุณควรขอบคุณผู้ที่แบกภาระของคุณ เกรงว่าผู้หว่านความชั่วจะหว่านความคิดที่ว่าผู้ที่รับทรัพย์สินของคุณควรขอบคุณคุณ ขอให้พระองค์ทรงจัดเตรียมสิ่งที่เป็นประโยชน์เพื่อความรอดแห่งจิตวิญญาณของคุณให้กับคุณ

21 . ปรารถนาเห็นแก่พระเจ้าที่จะเป็นอิสระจากทุกสิ่ง จงทิ้งความกังวลทั้งหมดไว้ ดูแลดวงตาของคุณและอย่ากินอาหารให้เพียงพอ หากปราศจากความพยายามและความสำนึกผิดในจิตใจ ไม่มีใครสามารถกำจัดตัณหาและทำให้พระเจ้าพอพระทัยได้

22 . เมื่อบุคคลถูกล่อลวงด้วยตัณหาของเขา คุณสามารถบอกได้จากข้อเท็จจริงที่ว่าเขาไม่สนใจตัวเองและปล่อยให้หัวใจของเขาไตร่ตรองถึงสิ่งที่เขาเคยทำมาก่อน

23 . บุคคลผู้มีสติและสุขุมรอบคอบที่ต้องการความรอดเมื่อเห็นสิ่งที่ตนกำลังทุกข์อยู่ป้องกันตัวเองอย่างระมัดระวังจากความทรงจำที่ชั่วร้ายไม่จมอยู่กับความคิดที่หลงใหลถอยห่างจากการพบปะและพูดคุยกับคนที่เขารู้สึกดึงดูดใจ และจากเหตุผลใดก็ตามที่ทำให้เกิดบาปความกลัวเพื่อไม่ให้เกิดไฟในตัวคุณ

24 . หากมีความจำเป็นสำหรับเขา คนที่ดึงดูดคุณในทางธุรกิจเป็นการดีกว่าที่จะทิ้งเรื่องไว้เพื่อไม่ให้วิญญาณพินาศ

25 . เหยียบย่ำกิเลสตัณหาเพื่อไม่ให้เหยียบย่ำคุณและบังคับให้คุณทำอันตราย อย่าตัดสิน ทำให้อับอาย หรือล่อลวงใคร อย่าเชื่อถือสิ่งที่คุณไม่รู้จักเขากับใคร เพราะนี่คือการทำลายฝ่ายวิญญาณ ให้ความสนใจกับตัวเองและคาดหวังความตายที่ใกล้เข้ามา

26 . ปรารถนาที่จะได้รับเกียรติร่วมกับวิสุทธิชนในรัศมีอันมิอาจบรรยายได้ และไม่อยู่ร่วมกับมารร้ายที่ต้องทนทุกข์ทรมานจนพรรณนาไม่ได้ การร้องไห้จะชำระล้างทุกคนจากบาปของตน แต่คนเราร้องไห้ได้ด้วยการทำงานหนัก ผ่านการสอนพระคัมภีร์ ความอดทน การใคร่ครวญการพิพากษาครั้งสุดท้าย และความอับอายชั่วนิรันดร์ ฝึกฝนตัวเองที่จะไม่ปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่างอิสระ แล้วคุณจะได้รับความรอด

27 . อย่าแสดงสมบัติของคุณแก่ชาวบาบิโลน พวกมารเห็นสิ่งนี้ คำตอบที่เขียนถึงคุณพวกเขาจะโกรธคุณและจะต่อสู้กับคุณด้วยความไร้สาระ และล่อลวงผู้ฟังธรรมดา ๆ และคุณจะต้องรับโทษทั้งสองอย่าง ความดีใดที่ท่านทำก็พยายามซ่อนไว้

28 . อย่าปลุกเด็กด้วยความคิดของคุณ แต่จงก่อความอาฆาตพยาบาท (เทียบ :) และในใจของคุณพี่ชาย จงสมบูรณ์แบบ สังเกตว่าคุณจะพบกับพระเจ้าได้อย่างไร

29 . พยายามต่อต้านความคิดของคุณเพื่อไม่ให้ตกอยู่ในความประมาทเลินเล่อและความไร้สาระไม่ทำอะไรตามเจตจำนงเสรีของคุณเองและไม่ยอมรับความคิดและการแก้ตัวที่เกิดขึ้นในตัวคุณ จงมีความมั่นคง และมันจะขจัดอิสรภาพในการติดต่อกับเพื่อนบ้าน อันเป็นต้นเหตุของความชั่วร้ายทั้งปวงในมนุษย์ไปจากคุณ

30 . พิจารณาตัวเองว่าไม่มีอะไรแล้วความคิดของคุณจะไม่อับอาย อย่าคิดว่าคุณได้ทำอะไรดีแล้ว และรางวัลของคุณก็จะยังคงอยู่เหมือนเดิม

31 . ไม่ใช่ทุกคนที่อาศัยอยู่ในวัดจะเป็นพระภิกษุ แต่เป็นพระภิกษุที่ทำหน้าที่สงฆ์ ตำหนิตัวเองสำหรับทุกสิ่งและนำเสนอความอ่อนแอของคุณต่อพระเจ้า

32 . หากคุณต้องการกำจัดราคะตัณหาที่น่าละอายก็อย่าปฏิบัติต่อใครโดยเสรี โดยเฉพาะผู้ที่ใจคุณหลงใหลในราคะตัณหา ด้วยวิธีนี้ท่านจะพ้นจากความไร้สาระ เพื่อความพอใจของมนุษย์ผสมกับอนิจจัง และการหมุนเวียนอย่างอิสระผสมกับความพอใจของมนุษย์ และการหมุนเวียนอย่างเสรีเป็นบ่อเกิดของตัณหาทั้งปวง

บทที่หก (วันเสาร์)

1 . หากคุณบังเอิญทำอะไรสักอย่างและร้องทูลต่อพระเจ้าและคำอธิษฐานของวิสุทธิชน แต่ยังมีข้อสงสัย จงทำงานนี้เถิด เพราะเป็นไปตามพระประสงค์ของพระเจ้า เพราะว่าคุณร้องทูลพระเจ้าตั้งแต่แรกเริ่ม ไม่มีอะไรเร็วกว่าจิตใจ จงนำมันไปถวายพระเจ้า แล้วพระองค์จะประทานคำตอบให้คุณโดยไม่ลำบากใจ

2 . หากปราศจากโรคหัวใจ ไม่มีใครได้รับของประทานแห่งความคิดที่เฉียบแหลม เมื่อคุณเห็นโอกาสที่จะแสดงความรู้ของคุณ จงเงียบไว้

3 . งานจากใจจริงของคุณควรประกอบด้วยการอธิษฐานต่อพระเจ้าอย่างต่อเนื่อง เพื่อที่พระองค์จะไม่ทรงยอมให้คุณทำผิดหรือทำตามความปรารถนาของคุณเอง ด้วยวิธีนี้ คุณจะบรรลุผลสำเร็จ

4 . พยายามผ่านความเจ็บปวดเพื่อรับความอบอุ่นและการอธิษฐาน และมันจะทำให้คุณได้รับสิ่งเหล่านี้เสมอ การให้อภัยจะขับไล่พวกเขาออกไป แต่ตัวมันเองก็เกิดจากความประมาทเลินเล่อ

5 . การยัดเยียดตัวเองให้ไม่มีอะไรหมายถึงการไม่เปรียบเทียบตัวเองกับใครเลยและไม่พูดถึง ของเขาคุณธรรม: และฉันก็ทำมัน ระวังความเย่อหยิ่งเพื่อไม่ให้สูญเสียทุกสิ่ง

6 . จงระวังอย่าพูดไร้สาระ แต่จงพูดด้วยความถ่อมใจและเกรงกลัวพระเจ้า การนิ่งเงียบมีประโยชน์มากกว่ามาก แม้ว่าเขาจะคิดว่าเขาตอบอย่างถ่อมตัว แต่ก็ยังไร้สาระอยู่แล้ว

7 . ใครก็ตามที่ต้องการได้รับความอ่อนน้อมถ่อมตนที่แท้จริงไม่ควรถือว่าตัวเองเป็นอะไรบางอย่าง ความอัปยศอดสูที่ยอมรับจากภายนอกนั้นเกิดจากใจจริงมากกว่า เพราะจะทำให้ตัวเองอับอายยังง่ายกว่าอดทนต่อความอัปยศของผู้อื่น เพราะอย่างหลังก่อให้เกิดความเจ็บป่วยในจิตใจที่ใหญ่กว่ามาก

8 . ความสำนึกผิดของใจประกอบด้วยการรักษามันไว้และไม่ยอมให้ใครถูกพาไปโดยความคิดที่ไม่เป็นประโยชน์ บอกพี่ชายของคุณ:“ยกโทษให้ฉันด้วยพี่ชาย ฉันไม่รู้จักสิ่งดีในตัวเอง เลยไม่รู้ว่าจะตอบอะไร แต่อธิษฐานเพื่อพระเจ้าเพื่อฉัน”

9 . หากการกระทำใดไม่สอดคล้องกับจิตสำนึก การกระทำนั้นไม่เป็นความจริง แต่เป็นการตำหนิอย่างมารร้าย หากใจของคุณไม่แสวงหาพระเจ้าทั้งกลางวันและกลางคืนด้วยความเจ็บป่วย คุณจะไม่สามารถประสบความสำเร็จได้

10 . การร้องไห้ไม่ได้มาจากน้ำตา แต่เป็นน้ำตาจากการร้องไห้ หากบุคคลหนึ่งซึ่งอยู่ท่ามกลางผู้อื่นตัดเจตจำนงของตนเองและไม่ใส่ใจต่อบาปของผู้อื่น เขาก็จะเริ่มร้องไห้ ความคิดรวมตัวกันอยู่ในใจอย่างนี้ก็ทำให้เกิดความเศร้าในใจ () และความเศร้านี้คือน้ำตา

11 . และเมื่อท่านไปอยู่ที่อื่นอย่าพูดอะไรตามใจตัวเองเพื่อไม่ให้ดูเหมือนเป็นครู แต่เมื่อถูกถาม จงพูดด้วยความถ่อมใจ แล้วพี่ชายจะให้ความกระจ่างแก่ท่าน

12 . หากการพูดอะไรกับพี่น้องเป็นประโยชน์ และความไร้สาระทำให้คุณเพลิดเพลิน จงรู้ว่าศัตรูต้องการขัดขวางไม่ให้คุณทำประโยชน์ให้กับพี่น้องของคุณ ถ้าเจ้าฟังเรื่องไร้สาระ น้องชายของเจ้าจะไม่ได้รับผลประโยชน์ใดๆ จากเจ้า แต่จงปฏิเสธความไร้สาระและดูหมิ่นมัน และเมื่อเจ้าบอกน้องชายของเจ้า เนื่องจากกลับใจต่อพระพักตร์พระเจ้าโดยกล่าวว่า: “ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงอภัยโทษข้าพระองค์ด้วยที่ข้าพระองค์พูดไร้สาระ” แล้ว, เมื่อถึงวัดแล้วบางทีคนจะกล้าพูดว่า: ฉันเป็นลาและไม่กล้าคิดแบบนี้ด้วยซ้ำเพราะรู้ว่านี่คือความเย่อหยิ่งซึ่งทำให้จิตวิญญาณล่มสลายและทำลายล้างโดยสิ้นเชิงอย่างแท้จริง

13 . คุณไม่รู้ว่าน้ำพระทัยของพระเจ้าจะเป็นประโยชน์จริงหรือไม่ แต่ถ้ามีคนใดคนหนึ่งถามคุณ จงบอกเขาด้วยความถ่อมใจ: “ยกโทษให้ฉัน” และ “ฉันไม่รู้” สิ่งใดที่คุณไม่สามารถทนได้เนื่องจากความอ่อนแอของคุณ จงตำหนิตัวเองและเงียบไว้

14 . ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับความหลงใหลใด ๆ ไม่มีอะไรมีประโยชน์มากไปกว่าการร้องออกพระนามของพระเจ้า มันไม่สมควรที่ทุกคนจะโต้แย้ง แต่เฉพาะกับคนที่แข็งแกร่งเกี่ยวกับพระเจ้าซึ่งพวกปิศาจเชื่อฟังเท่านั้น ตัณหาคือปีศาจและถูกกำจัดให้สิ้นซาก ร้องออกพระนามพระเยซู.

15 . หากพ่ายแพ้สิ่งใดอย่าอ่อนแออย่าหมดหวังแต่จงลุกขึ้นมาใหม่แล้วพระองค์จะทรงช่วยเหลือคุณ คุณต้องนำความพยายามและความอุตสาหะของคุณมา และการปกป้อง ความเมตตา และของประทานแห่งความแข็งแกร่งขึ้นอยู่กับพระเจ้า

16 . เมื่อการสนทนาเป็นประโยชน์และไม่ขัดขวางเรื่องที่จำเป็นกว่านั้นก็ควรยืนในขณะที่พวกเขาพูด หากบทสนทนานี้ไม่มีประโยชน์ ให้พูดว่า “ฉันขอโทษ ฉันอ่อนแอ”

17 . เมื่อคำนึงถึงความอับอายในชาติที่จะเกิดขึ้นกับคนบาปต่อพระพักตร์องค์พระผู้เป็นเจ้า คุณจะถือว่าสิ่งชั่วคราวนั้นไม่มีอะไรเลย

18 . ผู้ใดปรารถนาความอ่อนน้อมถ่อมตนดังที่เขากล่าว และไม่ประสบความอับอาย ย่อมไม่สามารถบรรลุความอ่อนน้อมถ่อมตนได้

บทเรียนที่เจ็ด (วันอาทิตย์)

1 . ทางสายกลางนี้ปลอดภัยจากการล้ม อยู่ในความเงียบ จะต้องมีความอ่อนน้อมถ่อมตน อยู่ในความเอาใจใส่ ระมัดระวังตนเอง และรักษาความคิดของตน

2 . ทุกคนต้องอดทนด้วยความกตัญญูต่อสิ่งที่จำเป็นและมีความเห็นอกเห็นใจต่อทุกคน เพราะโดยเหตุนี้พระองค์จึงทรงปฏิบัติตามพระบัญญัติของอัครสาวก กล่าวคือ ถ้าใครเสียใจ เสียใจไปกับเขา ตักเตือนเขา และปลอบใจเขา นี่คือสิ่งที่ความเมตตาเป็นเรื่องเกี่ยวกับ

3 . บิดากล่าวว่าเกี่ยวกับความกังวลของผู้คน: มันเกิดขึ้นที่บุคคลนั้นจวนจะตายแล้วและยังคงรับฟังชุมชนของโลกนี้

4 . หากคุณพบว่าผู้ขอกำลังขอโดยไม่จำเป็น จงมอบให้เขาด้วยความยินดี ราวกับว่าคุณกำลังมอบของขวัญชิ้นหนึ่งจากพระเจ้าให้เขา นี่คือสิ่งที่เกี่ยวกับความเป็นมิตร ถ้ารู้ว่าเขาขอโดยไม่จำเป็นก็อย่าให้เขา แต่จงพูดว่า “อับบาสั่งข้าพเจ้าว่าอย่าให้สิ่งใดแก่คนที่ไม่ต้องการ”

5 . ถ้าคุณไม่ตัดปัญญาทางกามารมณ์ออกและไม่ยืนหยัดเพื่อพระเจ้าบ้าง คุณก็จะตกอยู่ในความพึงพอใจของผู้คน

6 . หากคุณต้องการกำจัดความกังวลเรื่องหนังสือก็ควรมอบให้กับโฮสเทล อารามเพราะทุกสิ่งที่เป็นของอารามนั้นเป็นของพระเจ้า

7 . เมื่ออ่านหนังสือทางการแพทย์หรือถามใครสักคน อย่าลืมว่าหากไม่มีพระเจ้าจะไม่มีใครได้รับการรักษา ศิลปะแห่งการแพทย์ไม่ได้ขัดขวางไม่ให้บุคคลมีความเคร่งครัด แต่จงทำเหมือนกำลังทำหัตถกรรมเพื่อประโยชน์ของพี่น้อง ไม่ว่าคุณจะทำอะไร จงทำด้วยความเกรงกลัวพระเจ้า แล้วคุณจะถูกรักษาไว้โดยคำอธิษฐานของวิสุทธิชน

8 . การตัดเจตจำนงของตนออกไปประกอบด้วยการไม่โต้แย้งเพราะความปรารถนาที่จะยืนหยัดได้ด้วยตัวเอง

9 . ถ้าท่านคิดว่าสิ่งใดจะเป็นประโยชน์แก่คนป่วย จงทำตามใจชอบแต่กลับทำอันตรายแก่เขา พระเจ้าเมื่อทอดพระเนตรที่ใจท่านแล้วจะไม่ทรงลงโทษท่าน เพราะพระองค์ทรงทราบดีว่า คุณทำอันตรายและต้องการสร้างประโยชน์ หากผู้รู้บอกคุณล่วงหน้าเกี่ยวกับเรื่องนี้ และคุณไม่เชื่อฟังเขาอย่างดูหมิ่น นี่จะเป็นความภาคภูมิใจและเอาแต่ใจตนเอง

10 . การมีพระบัญญัติและพยายามรักษา - นี่เป็นทั้งการเชื่อฟังและความทรงจำของพระเจ้า

11 . ถ้าท่านไม่รู้ว่าอะไรเป็นประโยชน์ จงติดตามผู้รู้ นี่คือความอ่อนน้อมถ่อมตน แล้วท่านจะได้รับพระคุณของพระเจ้า จงสวมใบไม้ก่อน แล้วเมื่อพระเจ้าทรงบัญชา ท่านจะเกิดผล

12 . พยายามต่อสู้กับความตะกละให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แล้วพระเจ้าจะทรงช่วยให้คุณเรียนรู้และทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อคุณ จงกล้าหาญและเข้มแข็งในองค์พระผู้เป็นเจ้า

13 . อย่าท้อแท้ ล้มลงและลุกขึ้น คลานและสบประมาทตนเอง จนกว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงสำแดงความเมตตาที่ท่านปรารถนา อย่าเพิ่งประมาท อย่ากลัวเลย เพราะพระเจ้าผู้ทรงมอบหมายให้คุณทำภารกิจนี้จะทรงจัดเตรียมไว้

14 . ดูขอให้มารอย่าหลอกลวงคุณด้วยหน้ากากแห่งความดีดังที่กล่าวไว้ว่า: คำพูดและคำอวยพรที่ดีหลอกลวงจิตใจของคนสุภาพ ().

15 . หากคุณจดจำพระประสงค์ของพระเจ้าไว้ในใจ คุณจะไม่อับอายต่อบาปของเพื่อนบ้าน แต่คุณจะได้รับนิสัยที่ดีเหมือนบรรพบุรุษ

16 . สำหรับผู้คน จงทำสิ่งนี้: เมื่อคุณรู้ว่าคนที่ทำบาปเป็นคนมีเหตุผลและยอมรับคำพูดของคุณ โดยตักเตือนเขาว่า: “พี่ชาย! หากเราทำงานของพระเจ้าด้วยความประมาทเลินเล่อ นี่คือการทำลายล้างจิตวิญญาณ ตอนนี้คุณทำได้ดีแล้วหรือยัง? พยายามปรับปรุงในอนาคต”

17 . บางครั้งอาจดูเหมือนไม่เข้าใจ เพื่อจุดประสงค์นี้ จงพิจารณาความผิดของพี่ชายคุณ และถ้ามันเล็กน้อยก็แสดงว่าท่านไม่เข้าใจ ถ้ามันยิ่งใหญ่ก็ไม่ควรปรากฏแก่ผู้ที่ไม่เข้าใจ

18 . อย่าพูดอะไรด้วยความเขินอาย เพราะความชั่วไม่ได้ให้ผลดี แต่จงอดทนจนกว่าความคิดจะสงบลง แล้วจึงจะพูดอย่างสงบ

19 . แต่ถ้าพี่ชายโกรธออกไปก็บอกอับบาแล้วเขาจะทำให้เขารู้สึกตัวและคุณอย่านมัสการเขา นั่นคืออย่าขอการอภัยเพราะด้วยวิธีนี้ คุณจะทำให้เขาคิดว่าคุณมีความผิดจริง ๆ ต่อหน้าเขา และเขาจะติดอาวุธตัวเองเพื่อต่อต้านคุณมากยิ่งขึ้น

20 . ทันทีที่คุณเห็นว่าบาปของคุณใหญ่โต จงกราบลง และเมื่อไม่ดีนักก็พูดด้วยริมฝีปากของคุณด้วยความรู้สึกกลับใจจากใจ: “ยกโทษให้ฉันพี่ชาย!” ในกรณีที่จำเป็น ให้นมัสการด้วยความถ่อมใจ เกรงกลัวพระเจ้า และมีเหตุผล

21 . หากความยากจนทำให้คุณไม่สามารถให้สิ่งที่เขาต้องการแก่เพื่อนบ้านได้ ก็จงพิจารณาสิ่งที่คุณมี เมื่อมีของมากมายก็ให้มากกว่าพอสมควร และเมื่อมีน้อยก็ให้เท่าที่จำเป็น

22 . เราต้องการอาหารทุกวัน แต่เราไม่ควรกินอย่างมีความสุข เมื่อเรายอมรับมัน ขอบคุณพระเจ้าผู้ทรงประทานมันมา และประณามตัวเองว่าไม่คู่ควร มันก็ทำหน้าที่เราให้บริสุทธิ์และเป็นพร

23 . หากคุณต้องการบางสิ่งบางอย่างและจัดการเพื่อให้ได้มา ขอบคุณพระเจ้าที่ช่วยเหลือคุณและประณามตัวเองว่าไม่คู่ควร การเสพติดจะทำให้คุณเหินห่าง

คำอธิษฐานเพื่อความโกรธ

พระเจ้าผู้เมตตาและมีมนุษยธรรม! โดยความดีอันเหลือล้นของพระองค์ พระองค์ทรงสร้างเราจากความว่างเปล่า เพื่อรับพระพรของพระองค์ และโดยพระโลหิตของพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ พระผู้ช่วยให้รอดของเรา ผู้ทรงเรียกเรา ผู้ที่พรากจากพระบัญญัติของพระองค์! มาเถิด โปรดช่วยเราให้อ่อนแอ เหมือนที่ครั้งหนึ่งพระองค์ได้ทรงห้ามทะเลที่วุ่นวาย บัดนี้ขอทรงตำหนิความปั่นป่วนในใจของเรา เพื่อที่พระองค์จะไม่สูญเสียเราทั้งสองซึ่งเป็นลูกของพระองค์ซึ่งถูกบาปฆ่าตายในหนึ่งชั่วโมง และเพื่อที่พระองค์ อย่าพูดกับเราว่า: "มีประโยชน์อะไร" เลือดของฉันเสื่อมโทรมลงเรื่อย ๆ " และ: "ฉันบอกคุณว่าเราไม่รู้จักคุณ" เพราะตะเกียงของเราดับเพราะขาดน้ำมัน สาธุ

สิ่งที่คุณควรดูแลก่อน?

ก่อนอื่นคุณควรดูแล เราเกี่ยวกับสมัยการประทานโดยสันติเพื่อแม้ภายใต้ข้ออ้างที่ยุติธรรมหรือเพื่อประโยชน์ของพระบัญญัติ เราจะไม่ทำให้ใจเราสับสนด้วยความมั่นใจว่าเรากำลังพยายามปฏิบัติตามพระบัญญัติทั้งหมดอย่างแม่นยำเพื่อเห็นแก่ความรักและความบริสุทธิ์ของใจ

เกี่ยวกับคำสารภาพประจำวัน

หลวงพ่อตรัสว่าแต่ละคนควรค่อยๆ ชำระตนให้บริสุทธิ์อย่างไร

ทุกเย็นเขาต้องสำรวจตัวเองว่าเขาใช้เวลาทั้งวันอย่างไร และอีกครั้งในตอนเช้าว่าเขาใช้เวลากลางคืนอย่างไร และกลับใจต่อพระพักตร์พระเจ้าในสิ่งที่เขาทำบาป และเราแต่ละคนต้องพูดกับตัวเองว่า:

ฉันพูดอะไรที่ทำให้น้องชายของฉันโกรธหรือเปล่า?

เมื่อฉันเห็นเขายุ่งอยู่กับงานบางอย่าง ฉันก็ตำหนิเขาไม่ใช่หรือ?

เขาไม่ได้ทำให้อับอายและใส่ร้ายเขาไม่ใช่หรือ?

ฉันไม่ได้ขออะไรจากห้องใต้ดินแล้วเมื่อเขาไม่ให้ฉันฉันก็ประณามเขาและบ่นเกี่ยวกับเขาไม่ใช่หรือ?

ถ้าอาหารไม่ดีฉันไม่ได้พูดอะไรเหรอ?

หรือโกรธไม่บ่นเรื่องตัวเองเลย? (เพราะถ้าใครบ่นเรื่องตัวเองก็เป็นบาป)

พระราชาคณะหรือพี่น้องอีกคนหนึ่งพูดคำที่ (ไม่เป็นที่พอใจ) กับฉันหรือไม่ แต่ฉันก็ทนไม่ได้ แต่ขัดแย้งกับเขา?

ดังนั้นเราควรทดสอบตัวเองทุกวันเพื่อดูว่าเราใช้เวลาทั้งวันอย่างไร ในทำนองเดียวกัน ทุกคนควรทดสอบตัวเองว่าเขาค้างคืนอย่างไร:

คุณลุกขึ้นยืนเฝ้าด้วยความกระตือรือร้นหรือไม่?

หรือเขาบ่นกับคนที่ปลุกเขาขึ้นมา?

หรือคุณหมดใจกับเขา?

เราต้องรู้ว่าผู้ที่ปลุกเราให้ตื่นเฝ้านั้นแสดงให้เราเห็นคุณประโยชน์อันใหญ่หลวงและเป็นเหตุแห่งพระพรอันใหญ่หลวงแก่เรา เพราะเขาปลุกเราให้ตื่นเพื่อพูดคุยกับพระเจ้า อธิษฐานเกี่ยวกับบาปของเรา ตรัสรู้และรับ จิตวิญญาณผลประโยชน์. ทำไมเราไม่ควรขอบคุณคนแบบนั้นล่ะ? ผู้มีพระคุณ? เราต้องให้เกียรติพระองค์อย่างแท้จริงเสมือนว่าเราได้รับความรอดผ่านทางพระองค์

คุณใส่ใจกับบทสดุดีและการอธิษฐาน หรือคุณถูกพาไปโดยความคิดที่หลงใหล?

คุณตั้งใจฟังบทอ่านของพระเจ้าหรือคุณละทิ้งบทสดุดีและละทิ้งคริสตจักรอย่างกระจัดกระจาย?

ถ้าผู้ใดทดสอบตัวเองอยู่ตลอดเวลา กลับใจจากสิ่งที่ตนทำบาป และพยายามปรับปรุง เขาก็จะเริ่มลดความชั่วในตัวเองลง และถ้าเขาได้กระทำผิดเก้าครั้ง (ความผิด) เขาจะกระทำแปดครั้ง และทำสำเร็จต่อไป ด้วยความช่วยเหลือจากพระเจ้า พระองค์จะไม่ยอมให้ความปรารถนาของคุณเข้มแข็งขึ้น

Abba Dorotheos เป็นหนึ่งในนักบุญชาวคริสต์ที่ได้รับความเคารพนับถือมากที่สุด โดยพื้นฐานแล้วเขาเป็นที่รู้จักในฐานะผู้เขียนคำสอนด้านศีลธรรม ซึ่งจะกล่าวถึงในบทความนี้

ชีวประวัติของพระอับบา โดโรเธโอ

แม้ว่านักบุญคนนี้จะเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในแวดวงศาสนา แต่ก็ยังมีคนน้อยมากที่รู้เกี่ยวกับชีวิตของเขา เขาอาศัยอยู่ในศตวรรษที่ 6 เมื่ออายุยังน้อยเขาศึกษาวิทยาศาสตร์ทางโลกซึ่งเขาไม่มีความสนใจเป็นพิเศษ แต่เมื่อเวลาผ่านไปเขาตกหลุมรักการอ่านวรรณกรรมที่ให้ความรู้ หนังสือเหล่านี้ดูน่าสนใจมากสำหรับเขาจนบางครั้งก็เป็นไปไม่ได้ที่จะแยกเขาออกจากกิจกรรมที่เขาชื่นชอบ หลังจากนั้นไม่นานชายหนุ่มก็รู้สึกอยากบวช - ดังนั้นเขาจึงเริ่มบำเพ็ญตบะในอาราม Abba Serida ซึ่งตั้งอยู่ในปาเลสไตน์

ชีวิตในวัดศักดิ์สิทธิ์

ในอาราม นอกเหนือจากการเชื่อฟังคำสั่งแล้ว เขายังศึกษาคำแนะนำและชีวิตของคริสตจักร และมีส่วนร่วมในการจัดระเบียบผู้มาเยี่ยมชมอารามในอาราม ด้วยเหตุนี้ เขาจึงต้องสื่อสารกับผู้คนที่มีอายุ สถานะ และตำแหน่งที่แตกต่างกันมาก ซึ่งหลายคนต้องการความสะดวกสบายและการปกป้อง สิ่งนี้ทำให้เขาเรียนรู้ความอ่อนน้อมถ่อมตนและยกระดับประสบการณ์ชีวิตของเขา

เขาใช้เวลาประมาณสิบปีในอารามศักดิ์สิทธิ์ ในระหว่างนั้นเขาสามารถสร้างโรงพยาบาลที่เขาทำงานเองได้ ตลอดเวลานี้เขาเป็นสามเณรของนักบุญยอห์นผู้เผยพระวจนะและหลังจากการตายของเขาเขาก็ออกจากอารามอับบาเซริดในทะเลทราย ในไม่ช้าผู้แสวงบุญก็เริ่มมาหาเขา - ด้วยเหตุนี้ abba จึงมีอารามของตัวเองซึ่งเขาอาศัยอยู่ตลอดชีวิตโดยสั่งสอนนักเรียนของเขา ในช่วงเวลาอันยาวนานนี้ Abba Dorotheos ได้สร้างคำสั่งสอนทางศีลธรรมจำนวนมาก

คำสอนของอับบา โดโรธี

อับบาผู้เคารพนับถือได้ทิ้งข้อความไว้หลายข้อ คำสอนมากกว่ายี่สิบข้อ และคำตอบ 87 ข้อจากยอห์นผู้เผยพระวจนะผู้เป็นบิดาฝ่ายจิตวิญญาณของเขา และบาร์ซานูฟีอุสมหาราชผู้เป็นที่นับถือสำหรับคำถามต่าง ๆ ของเขา นอกจากนี้ มีการตีพิมพ์จดหมายที่เขียนโดยอับบา โดโรธีสด้วย ผลงานทั้งหมดนี้นำเสนอด้วยภาษาที่ชัดเจน ขัดเกลา และในขณะเดียวกันก็เรียบง่าย โดดเด่นด้วยการเข้าถึงและภูมิปัญญา ตลอดข้อความทั้งหมดของ Abba มีแนวคิดที่ว่าคุณธรรมที่จำเป็นสำหรับชีวิตฝ่ายวิญญาณคือความอ่อนน้อมถ่อมตนรวมกับความรักต่อพระเจ้าและเพื่อนบ้าน ลักษณะการนำเสนอไม่มีศิลปะและสะท้อนถึงอุปนิสัยของพระภิกษุได้ดีมาก ดังที่สาวกคนหนึ่งบรรยายถึงพระองค์ อับบาพูดกับพี่น้องทั้งสองอย่างเขินอาย สุภาพ และด้วยความอ่อนน้อมถ่อมตนอย่างยิ่ง ในการติดต่อกับผู้คนเขามีอัธยาศัยดีและเรียบง่าย - นี่คือจุดเริ่มต้นของความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันซึ่งเป็นพื้นฐานของคุณธรรมอื่น ๆ

ผลงานของเขาได้รับความนิยมและยังคงเป็นที่นิยม ก่อนหน้านี้มีการคัดลอกอย่างไม่ขาดสายในวัดวาอารามหลายแห่ง แต่ตอนนี้มีการเผยแพร่ซ้ำเป็นประจำ อาจไม่มีอารามออร์โธดอกซ์แห่งเดียวที่ห้องสมุดไม่มีการตีพิมพ์คำสอนของอับบา มีหลายกรณีที่นักบุญผู้โด่งดังแห่งมาตุภูมิคัดลอกหนังสือของเขาด้วยมือ สิ่งนี้เกิดขึ้นเพราะถึงแม้ตำราจะจ่าหน้าถึงพระภิกษุ แต่ในความเป็นจริง คำแนะนำ คำแนะนำ และคำสอนที่ช่วยเหลือจิตวิญญาณของอับบา โดโรธี เป็นตัวแทนพื้นฐานสำหรับทุกคนที่เริ่มต้นเส้นทางของการปรับปรุงจิตวิญญาณและมุ่งมั่นที่จะปฏิบัติตามพระบัญญัติของพระเจ้า หนังสือของเขากลายเป็นแนวทางที่เชื่อถือได้ในการบรรลุเป้าหมายนี้เรียกได้ว่าเป็นตัวอักษรชนิดหนึ่ง ผลงานของ Abba ได้รับการชื่นชมอย่างสูงจากพระ Theodore the Studite และ

“คำสอนทางจิตวิญญาณ”

งานนักพรตที่สำคัญที่สุดชิ้นหนึ่งให้คำตอบสำหรับคำถามพื้นฐานของชีวิตสงฆ์และความสำเร็จทางจิตวิญญาณ อันที่จริงนี่เป็นคำแนะนำโดยละเอียดสำหรับผู้อยู่อาศัยในอารามเนื่องจากคำแนะนำที่ให้ไว้ในหนังสือเล่มนี้มีความแม่นยำและเฉพาะเจาะจง - ในทางปฏิบัติแล้วไม่มีการสนทนาทั่วไป ในหนังสือเล่มนี้ ท่านพระอับบาได้สรุปประเพณีแห่งประสบการณ์การบำเพ็ญตบะที่เกิดขึ้นในครั้งนั้น

ความเห็นของพระภิกษุเกี่ยวกับชีวิตฝ่ายวิญญาณ

Abba Dorotheos เชื่อว่าสิ่งสำคัญในความสำเร็จทางจิตวิญญาณคือการตัดความปรารถนาของตนเองออกนั่นคือการยอมจำนนต่อบิดาฝ่ายวิญญาณที่ได้รับเลือกและความอ่อนน้อมถ่อมตน - นี่คือวิธีที่เส้นทางสู่ความดีเริ่มต้นขึ้น นี่เป็นความเป็นไปได้ที่จะคลายอารมณ์ เนื่องจากเหตุผลที่ต้องกังวลเกี่ยวกับความปรารถนาที่ไม่บรรลุผลของคนๆ หนึ่งจะหายไป และความสนใจมุ่งไปที่งานทางจิตวิญญาณ แต่คุณต้องเชื่อฟังเฉพาะผู้เฒ่าที่มีเสน่ห์โดยพื้นฐานแล้วคล้ายกับชายคนแรกที่อาดัมซึ่งขณะอยู่ในสวรรค์ได้ถวายเกียรติแด่พระเจ้าด้วยการอธิษฐานตลอดเวลาและอยู่ในภาวะไตร่ตรอง - บาปละเมิดสภาพบริสุทธิ์ของเขา

หนังสือ “คำสอนของอับบา โดโรธี” มีคำสอนเพียง 21 บทเท่านั้น ซึ่งแต่ละบทอุทิศให้กับบางแง่มุมของชีวิตสงฆ์ โดยพื้นฐานแล้วพระภิกษุจะพูดถึงบาปที่ควรกำจัด ได้แก่ การโกหก ความเคียดแค้น และการประณามเพื่อนบ้าน Abba Dorotheos เตือนว่าไม่ว่าในกรณีใดคุณควรพึ่งพาเหตุผลของคุณเอง - ซึ่งหมายความว่ามีความต้องการผู้นำทางจิตวิญญาณเกิดขึ้นคุณต้องดำเนินชีวิตด้วยความเกรงกลัวพระเจ้าอย่างต่อเนื่อง เขาพูดถึงวิธีทนต่อการล่อลวงและความสงสัย วิธีสร้างบ้านสำหรับคุณธรรมในจิตวิญญาณ

นอกเหนือจากคำแนะนำที่ใช้ได้จริงแล้ว หนังสือเล่มนี้ยังมีบทที่มีคำพูดสั้นๆ กระชับของอับบา โดโรธี ตลอดจนคำอุทธรณ์เฉพาะบุคคลในอาราม เช่น ห้องใต้ดิน ในตอนท้ายของคำสอนแต่ละบท Abba ไม่เพียงแต่เปิดเผยแก่นแท้ของหัวข้อที่บทนี้อุทิศเท่านั้น แต่ยังเรียกร้องให้ผู้อ่านต่อสู้กับบาปนี้หรือบาปนั้นเพื่อเสริมสร้างคุณธรรมบางอย่าง

การออกผลงานใหม่

ในตอนท้ายของผลงานของ Abba หลายฉบับ มักจะมีการเพิ่มสาส์นและคำถามของเขาถึงวิสุทธิชนผู้ยิ่งใหญ่เข้าไปในคำสอนหลัก

นอกจากนี้ยังมีการพิมพ์ซ้ำสมัยใหม่ด้วย เช่น “คำแนะนำของพระอับบา โดโรธีโอสำหรับแต่ละวันในสัปดาห์” ซึ่งเป็นบทสรุปโดยย่อเกี่ยวกับคำสอนของอับบาที่สอดคล้องกับวันในสัปดาห์ มันถูกสร้างขึ้นเพื่อให้ผู้เชื่อหันไปหาคำสอนของพระบิดาผู้ศักดิ์สิทธิ์บ่อยขึ้น ที่จริงแล้วหนังสือเล่มนี้เป็นการรวบรวมคำพูดที่ชาญฉลาด

ดังนั้นงานของพระอับบา โดโรธีโอ ไม่เพียงแต่ส่งถึงพระภิกษุเท่านั้น แต่ยังรวมถึงคริสเตียนทุกคนที่ต้องการช่วยจิตวิญญาณของตนด้วย เนื่องจากคำแนะนำของเขาแก้ไขปัญหาพื้นฐานของชีวิตฝ่ายวิญญาณซึ่งมีความสำคัญมากสำหรับผู้เชื่อทุกคน นั่นคือเหตุผลที่ตำราของอับบายังคงมีความเกี่ยวข้องมาจนถึงทุกวันนี้

หลวงพ่อของเรา

แอบบา โดโรธี

คำสอนที่เป็นประโยชน์ต่อจิตวิญญาณ

และข้อความ

พร้อมกับเพิ่มคำถามของเขา

และคำตอบสำหรับพวกเขา

บารซานูฟีอุสมหาราชและยอห์นผู้เผยพระวจนะ

โดยขอพร สมเด็จพระสังฆราชแห่งมอสโก และ Rus 'Alexy II ทั้งหมด

คำนำ

การนำความสนใจของผู้ชื่นชอบงานเขียนของพ่อมาสู่การแปลหนังสือคำสอนของพระอับบาโดโรธีเป็นภาษารัสเซียเราถือว่าไม่ใช่เรื่องฟุ่มเฟือยที่จะพูดคำสองสามคำเกี่ยวกับสิ่งพิมพ์นี้

การแปลนี้จัดทำขึ้นจากหนังสือภาษากรีกที่ตีพิมพ์ในเมืองเวนิสเมื่อปี พ.ศ. 2313 และได้รับการเปรียบเทียบอย่างรอบคอบกับงานแปลของชาวสลาฟ ซึ่งเสร็จสมบูรณ์เมื่อต้นศตวรรษที่ 17 และจัดพิมพ์เป็นครั้งแรกในสำนักพิมพ์ Pechersk Lavra ในเคียฟ โดยนักโบราณคดี Hieroschemamonk Pamva Berynda ในปี ค.ศ. 1628 และขณะนี้กำลังพิมพ์โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ ในการแปลภาษาสลาฟในงานของนักบุญ เอฟราอิมชาวซีเรีย แบ่งเป็นส่วนที่ 4 จากการเปรียบเทียบนี้สถานที่ที่ไม่สามารถเข้าใจได้ทั้งหมดในการแปลสลาฟ (สำหรับผู้อ่านส่วนใหญ่มืดแล้วเนื่องจากภาษาโบราณและลักษณะเฉพาะบางประการในสำนวน) ได้รับการแก้ไขอย่างถูกต้องและสถานที่เหล่านั้นในข้อความภาษากรีกที่กลายเป็นโดยเฉพาะ แตกต่างจากการแปลสลาฟ เราได้ระบุไว้ในเชิงอรรถ โดยมีคำอธิบายที่จำเป็นบางประการรวมอยู่ด้วย

แทนที่จะถามคำถามและคำตอบหลายข้อ ผู้เฒ่าบาร์ซานูฟีอุสมหาราชและยอห์นผู้เผยพระวจนะซึ่งมักจะตีพิมพ์ในหนังสือนักบุญฉบับสลาฟ โดโรธี เราได้รวบรวมบทสนทนาที่เป็นลายลักษณ์อักษรทั้งหมดระหว่างผู้เฒ่าผู้ยิ่งใหญ่กับศิษย์ที่มีค่าของพวกเขา ผู้เคารพนับถือ โดโรธีซึ่งลงมาหาเราในหนังสือคำตอบของนักบุญเท่านั้น บาร์ซานูฟีอุสและยอห์น

เราพยายามให้แน่ใจว่าการแปลของเราทำขึ้นอย่างถูกต้องที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ใกล้เคียงกับต้นฉบับมากขึ้น และในขณะเดียวกันก็เรียบง่าย ชัดเจน และเข้าใจได้สำหรับทุกคน เพื่อที่จะรักษาคุณสมบัติพิเศษของคำสอนของนักบุญในการแปลไว้ด้วยเหตุนี้ โดโรธีซึ่งกล่าวถึงในข้อความเกี่ยวกับหนังสือเล่มนี้ เหนือสิ่งอื่นใด ว่ากันว่าแม้พระภิกษุจะมีพรสวรรค์ในการพูดสูง แต่ต้องการเป็นตัวอย่างของความอ่อนน้อมถ่อมตนในเรื่องนี้ด้วย พระองค์จึงชอบที่จะมี วิธีการแสดงออกที่ถ่อมตัวและเรียบง่ายและการพูดที่ไม่โอ้อวด

เรายอมรับอย่างพร้อมเพรียงว่าด้วยความพยายามทั้งหมดของเราและในงานที่อ่อนแอนี้ แน่นอนว่าจะต้องมีข้อบกพร่องมากมายเช่นเดียวกับกิจการของมนุษย์ทั้งหมด ดังนั้น เราจึงขอให้ผู้อ่านที่เคร่งครัดครอบคลุมข้อบกพร่องเหล่านี้ด้วยความรักแบบคริสเตียนและยอมรับพระคัมภีร์ฉบับใหม่นี้ด้วยความยินดี คำสอนทางจิตวิญญาณของนักบุญ โดโรเธีย.

ไม่เพียงแต่พระภิกษุเท่านั้น แต่ชาวคริสต์โดยทั่วไปจะพบคำแนะนำและคำแนะนำที่เป็นประโยชน์มากมายที่นี่ ศาสดาจารย์ได้ผสมผสานวิสัยทัศน์อันลึกซึ้งของหัวใจมนุษย์เข้ากับความเรียบง่ายแบบคริสเตียนในคำสอนของพระองค์ โดโรธีเสนอกระจกฝ่ายวิญญาณที่ชัดเจนซึ่งทุกคนสามารถเห็นตัวเองและร่วมกันค้นหาคำตักเตือนและคำแนะนำเกี่ยวกับวิธีการแก้ไขจุดอ่อนทางจิตวิญญาณของพวกเขา และค่อยๆ บรรลุความบริสุทธิ์และความไม่แยแส

ข้อมูลสั้น ๆ เกี่ยวกับชีวิตของสาธุคุณ เรายืมโดโรธีบางส่วนมาจากคำพูดและคำถามของเขาเองจากนักบุญ ถึงผู้เฒ่า ส่วนหนึ่งจากหนังสือ: Les vies des p"eres des d"eserts d"orient avec leur doctrine Spirituelle et leur allowance monastique อาวีญง, 1761

เรื่องสั้นเกี่ยวกับนักบุญโดโรธีโอ

เราไม่มีพื้นฐานในการกำหนดเวลาที่พระโดโรธีโอซึ่งเป็นที่รู้จักในฐานะนักเขียนอาศัยอยู่อย่างแม่นยำ สิ่งนี้สามารถกำหนดได้โดยประมาณโดยคำให้การของนักวิชาการเอวากริอุส ซึ่งเขียนตามที่เราทราบในประวัติศาสตร์คริสตจักรราวปี 590 กล่าวถึงนักบุญร่วมสมัยและที่ปรึกษาของเขา โดโรธีอุส ผู้เฒ่าผู้ยิ่งใหญ่บาร์ซานูเฟีย กล่าวว่าเขา “ยังมีชีวิตอยู่ ถูกขังอยู่ในกระท่อม” จากนี้เราสามารถสรุปได้ว่าพระศาสดา. โดโรธีสมีชีวิตอยู่ในช่วงปลายศตวรรษที่ 6 และต้นศตวรรษที่ 7 เชื่อกันว่ามาจากบริเวณรอบๆ อัสคาลอน เขาใช้เวลาช่วงวัยรุ่นอย่างขยันขันแข็งในการศึกษาวิทยาศาสตร์ทางโลก ข้อนี้ชัดเจนจากวาจาของท่านเองที่กล่าวตอนต้นเทศนาครั้งที่ 10 พระภิกษุได้กล่าวถึงตนเองว่า “เมื่อข้าพเจ้าเรียนวิชาฆราวาสตอนแรกดูเจ็บปวดมาก พอข้าพเจ้ามาเรียนหนังสือ ฉันอยู่ในตำแหน่งเดียวกับผู้ชายที่จะแตะต้องสัตว์ร้ายนั้น เมื่อฉันบังคับตัวเองต่อไป พระเจ้าทรงช่วยฉัน และความขยันกลายเป็นทักษะที่ด้วยความขยันอ่านหนังสือ ฉันไม่ได้สังเกตว่าฉันกินหรือดื่มอะไร หรือนอนหลับอย่างไร และฉันไม่เคยยอมให้ตัวเองถูกล่อไปทานอาหารเย็นกับเพื่อน ๆ คนใดของฉันและไม่ได้พูดคุยกับพวกเขาในขณะที่อ่านหนังสือแม้ว่าฉันจะเข้ากับคนง่ายและรักสหายของฉันก็ตาม เมื่อนักปรัชญาไล่เราออกไป ฉันก็ล้างตัวเองด้วยน้ำ เพราะฉันแห้งแล้งจากการอ่านหนังสือมากมายและจำเป็นต้องดื่มน้ำให้สดชื่นทุกวัน กลับมาบ้านฉันไม่รู้ว่าจะกินอะไร เพราะข้าพเจ้าหาเวลาว่างจัดเตรียมอาหารให้ข้าพเจ้าไม่ได้ แต่มีชายผู้สัตย์ซื่อคนหนึ่งคอยจัดเตรียมสิ่งที่เขาต้องการให้ข้าพเจ้า และฉันก็กินสิ่งที่ฉันเตรียมไว้ โดยมีหนังสืออยู่ข้างๆ ฉันบนเตียง และมักจะเจาะลึกลงไป ระหว่างที่ฉันหลับ เธออยู่ข้างๆ ฉันบนโต๊ะของฉัน และหลังจากหลับไปได้สักพัก ฉันก็กระโดดขึ้นไปอ่านต่อทันที อีกครั้งในตอนเย็น เมื่อข้าพเจ้ากลับบ้านหลังจากสายัณห์ ข้าพเจ้าจุดตะเกียงและอ่านหนังสือต่อไปจนถึงเที่ยงคืน และโดยทั่วไปข้าพเจ้าอยู่ในสภาพที่ข้าพเจ้าไม่รู้จักความหวานชื่นของสันติสุขจากการอ่านเลย”

ศึกษาด้วยความกระตือรือร้นและขยันหมั่นเพียรเช่นนี้ โดโรธีโอได้รับความรู้อย่างกว้างขวางและพัฒนาพรสวรรค์ในการพูดตามธรรมชาติ ดังที่ผู้เขียนข้อความที่ไม่รู้จักกล่าวถึงหนังสือคำสอนของเขา โดยกล่าวว่าพระภิกษุนั้น "มีพรสวรรค์ในการพูดสูง" และเหมือนผึ้งที่ฉลาดบินไปรอบ ๆ ดอกไม้ รวบรวมสิ่งที่มีประโยชน์จากงานเขียนของนักปรัชญาฆราวาสและนำเสนอสิ่งนี้ในคำสอนของเขาเพื่อการสั่งสอนทั่วไป บางทีในกรณีนี้ สาธุคุณก็ทำตามแบบอย่างของนักบุญด้วย Basil the Great ซึ่งเขาศึกษาคำแนะนำและพยายามนำไปปฏิบัติจริง จากคำสอนของพระโดโรธีและคำถามของเขาถึงนักบุญ ผู้เฒ่าเห็นชัดเจนว่าเขารู้จักผลงานของนักเขียนนอกรีตเป็นอย่างดี แต่มีงานเขียนของพระบิดาผู้ศักดิ์สิทธิ์และอาจารย์ของคริสตจักรอย่างไม่มีใครเทียบได้: Basil the Great, Gregory the Theologian, John Chrysostom, Clement of Alexandria และนักพรตที่มีชื่อเสียงหลายคนในสมัยแรก ศตวรรษแห่งศาสนาคริสต์ และการอยู่ร่วมกับผู้เฒ่าผู้ยิ่งใหญ่และการบำเพ็ญตบะทำให้เขามีความรู้ที่มีประสบการณ์ดังที่เห็นได้จากคำสอนของเขา

แม้ว่าเราจะไม่ทราบเกี่ยวกับที่มาของพระภิกษุ แต่จากการสนทนาของเขากับผู้เฒ่าผู้ยิ่งใหญ่ก็ชัดเจนว่าเขาเป็นคนดีพอสมควร และแม้กระทั่งก่อนเข้าวัดเขาก็ใช้คำแนะนำของนักพรตที่มีชื่อเสียง: นักบุญบาร์ซานูฟีอุสและยอห์น สิ่งนี้ปรากฏจากคำตอบที่นักบุญมอบให้เขา จอห์นถามคำถามเกี่ยวกับการแบ่งทรัพย์สิน: “พี่! ฉันตอบคำถามแรกให้คุณในฐานะคนที่ยังต้องการนม บัดนี้เมื่อคุณพูดถึงการสละโลกโดยสมบูรณ์ จงตั้งใจฟังตามพระวจนะในพระคัมภีร์: อ้าปากของคุณแล้วฉันจะทำตาม” (สดุดี 80:11) จากนี้เห็นได้ชัดว่านักบุญ จอห์นให้คำแนะนำแก่เขาก่อนที่เขาจะสละโลกโดยสิ้นเชิง น่าเสียดายที่คำพูดที่ช่วยเหลือจิตวิญญาณของผู้เฒ่าศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้ยังไม่มาถึงเรา เรามีเฉพาะสิ่งที่เก็บไว้ในหนังสือคำตอบของนักบุญ บาร์ซานูฟีอุสและยอห์น

ฉันพยายามอ่านหนังสือเล่มโปรดของฉันซ้ำหลังจากข่าวประเสริฐทุกๆ โพสต์ เรากำลังพูดถึงคำสอนของอับบา โดโรธี ฉันชอบคำว่า "อาปา" มาก เหมือนพ่อเลย และพระโดโรธีเองก็เป็นคนถ่อมตัวและใจดีมาก แม้แต่ในหมู่บรรพบุรุษผู้ศักดิ์สิทธิ์ พระองค์ก็มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวในเรื่องความอ่อนโยนและวาจาอันมีน้ำใจ ฉันอ่านคำสอนของเขาแล้วอยากเป็นเหมือนเขาจริงๆ มันยังไม่ออกมาดีนัก แต่ฉันกำลังพยายาม...

ฉันจำวัยเยาว์ของฉัน จุดเริ่มต้นของการเป็นคริสเตียนและนักบวชใหม่ จุดเริ่มต้นของยุค 90 เคาน์เตอร์โบสถ์ยังคงว่างเปล่า และนี่คือ - หนังสือจิตวิญญาณเล่มแรก... มีสามเล่ม: พันธสัญญาใหม่, ชีวิตของนักบุญเซราฟิมแห่งซารอฟ และคำสอนของอับบาโดโรธี ยอดจำหน่ายบันทึกในเวลานั้นคือ 200,000 เล่ม ก่อนการปฏิวัติ มีการตีพิมพ์ซ้ำ 7 ครั้งใน Optina Pustyn เพียงอย่างเดียว Abba Dorotheos เป็น "ผู้ชนะเลิศเหรียญทองแดง" ตามพระคัมภีร์และ "นักบุญที่ไม่ศักดิ์สิทธิ์" ไม่มีและจะไม่มีแนวทางที่ดีกว่าสำหรับคริสเตียนที่เริ่มต้นเลย และสำหรับผู้ที่ "มีประสบการณ์" หนังสือเล่มนี้ตามความคิดของผู้เฒ่า Optina "ในคำสอนของหนังสือเล่มนี้ผสมผสานความรู้อันลึกซึ้งเกี่ยวกับหัวใจมนุษย์เข้ากับความเรียบง่ายแบบคริสเตียน อับบา โดโรธีเสนอกระจกฝ่ายวิญญาณที่ชัดเจนซึ่งทุกคนสามารถเห็นตัวเองและร่วมกันค้นหาคำตักเตือนและคำแนะนำเกี่ยวกับวิธีการแก้ไขจุดอ่อนทางจิตวิญญาณของพวกเขา และค่อยๆ บรรลุความบริสุทธิ์และความไม่แยแส” เราชอบมองตัวเองในกระจกอพาร์ทเมนต์และบ้าน บ้างก็มาก บ้างก็น้อยลง แต่เราไม่ค่อยมองในกระจกทางวิญญาณ อย่างไรก็ตามในรัสเซียก่อนการปฏิวัติในวังของพ่อค้าทองคำ M. Butin มีกระจกที่ใหญ่ที่สุดในโลก - 16 ตารางเมตร ม. เมตร พวกเขาขนส่งเขาจากปารีสครึ่งโลกไปยัง Nikolaevsk-on-Amur บนเรือที่สร้างขึ้นเป็นพิเศษ... แต่เราไม่ชอบที่จะศึกษาด้านล่างของเรา แต่เราควรทำบ่อยและรอบคอบให้มากที่สุด... ถามทำไม? และเพื่อให้คุณมองเห็นจิตวิญญาณของคุณได้ดีขึ้น แล้วจะทำอย่างไรกับมันและจะใช้ชีวิตอย่างไรก็เป็นเรื่องของทุกคน

เราไม่ค่อยได้ส่องกระจกฝ่ายวิญญาณ

คุณสามารถอ่าน Abba Dorotheus ได้จากทุกที่ เรามาดูกันว่าเขาจะพูดอะไรในตอนต้นของหนังสือ “ไม่มีสิ่งใดให้ประโยชน์แก่มนุษย์ได้เท่ากับตัดเจตจำนงของตนออกไป และแท้จริงแล้วบุคคลย่อมเจริญไปกว่านี้ด้วยคุณธรรมอื่นใด” (คำสอน 1. การปฏิเสธโลก) คำตอบสำหรับคำถามที่มีอยู่ตรงหน้าเรา: ใช้ชีวิตอย่างไรและจะทำอย่างไร? พวกเราชาวออร์โธดอกซ์มักมองหาและประดิษฐ์บางสิ่งบางอย่างอยู่เสมอ พวกเขาทรมานนักบวชด้วยคำถามไม่รู้จบในหัวข้อนี้ อับบา โดโรธีออสชี้ให้เห็นเส้นทางที่สั้นที่สุดไม่ใช่ไปยังบางสิ่งที่นั่น แต่ไปสู่ความศักดิ์สิทธิ์ของชีวิต และนี่ก็คุ้มค่าที่จะกังวล ท้ายที่สุดแล้ว คริสตจักรได้ก่อตั้งขึ้นเพื่อให้วิสุทธิชนได้เกิดมาในนั้น และที่ใดไม่มีนักบุญ ที่นั่นก็ไม่มีคริสตจักร ดังนั้นในการสนทนากับนิกายต่างๆ เพื่อไม่ให้เสียเวลาและพลังงานของคุณ ให้ถามพวกเขาว่า: “ถ้าคุณเรียกตัวเองว่าคริสตจักร ก็จงแสดงและตั้งชื่อวิสุทธิชนของคุณ” และพวกเขาไม่มีด้วยซ้ำ

ดังนั้นเรามาลองตัดความปรารถนาของเราออกไป ถามว่าต่อหน้าใคร? เวลาเท่าไร? ดีที่สุดต่อหน้าทุกคนและตลอดชีวิต และเช่นเคย คุณต้องเริ่มต้นด้วยสิ่งที่ง่ายที่สุด นั่นก็คือ เล็กๆ น้อยๆ Abba Dorotheos ให้คำแนะนำว่า:

“ สมมติว่ามีคนพบคนพูดไร้สาระในหมู่พวกเขาเองและความคิดของเขาพูดกับเขาว่า:“ พูดอย่างนั้นและคำนั้น” แต่เขาตัดความปรารถนาของเขาออกและไม่พูด... (ฉันสามารถดำเนินการต่อจากตัวเอง: ฉันกลับบ้านและต้องการ เปิดทีวีหรือนั่งดูคอมพิวเตอร์ทันที ผ่านร้านต่างๆ อยากจะเข้าไป แต่ก็ไม่จำเป็น มันอดอาหาร อยากกินมากจนต้องนับวัน จนถึงอีสเตอร์ - แต่ฉันพยายามและเอาชนะสิ่งล่อใจ) การตัด (เจตจำนง) ด้วยวิธีนี้ จะทำให้บุคคลเคยชินกับการตัดมันออก และเริ่มต้นด้วยสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ก็สามารถบรรลุผลได้ แม้จะในสิ่งที่ยิ่งใหญ่เขาก็ตัดมันออกได้โดยไม่ยากและสงบ”

เห็นได้ชัดว่าจำเป็นต้องมีการฝึกอบรมอย่างต่อเนื่อง คุณไม่สามารถหยุดได้ เพราะทักษะที่ดีจะเติบโตตามกาลเวลา ต้องใช้การทำงานและความอดทน จากนั้นปาฏิหาริย์ที่ Abba Dorotheos พูดถึงก็เกิดขึ้น:“ ในที่สุดคน ๆ หนึ่งก็จะบรรลุสิ่งที่ไม่มีความตั้งใจของตัวเองเลยและไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเขาก็สงบราวกับว่าความปรารถนาของเขาเองมี ได้รับการเติมเต็ม และถึงแม้เขาไม่ต้องการทำตามความประสงค์ของเขา แต่กลับกลายเป็นว่ามันสมหวังอยู่เสมอ”

ทีนี้มาเปิดหนังสือตรงกลางแล้วหาคำแนะนำที่เหมาะกับทุกคนทันที: “ถ้าใครทำทองหรือเงินหายเขาก็สามารถหาซื้ออย่างอื่นแทนได้ ถ้าเราเสียเวลาอยู่กับความเกียจคร้านและเกียจคร้านแล้วเราก็ไม่สามารถหาคนอื่นมาทดแทนสิ่งที่หายไปได้ แท้จริงเราจะแสวงหาเวลานี้สักหนึ่งชั่วโมงก็หาไม่พบ” (คำสอน 11. เรื่องการตัดกิเลสตัณหา...) คำแนะนำนี้มีไว้สำหรับฉันเป็นการส่วนตัว จิตวิญญาณของฉัน จิตวิญญาณของฉัน ทำไมคุณถึงนอนหลับ? อวสานกำลังใกล้เข้ามาแล้ว... แท้จริงแล้ว สิ่งที่มีค่าที่สุดที่เรามีคือเวลา ลองจินตนาการว่าวิญญาณที่สูญเสียอาณาจักรแห่งสวรรค์ไปในชีวิตหลังความตายจะถูกถาม: “คุณต้องการอะไรมากที่สุด?” จะมีเพียงคำตอบเดียว: “กลับคืนสู่ร่างกายและใช้ชีวิตทางโลกนี้อย่างน้อยหนึ่งชั่วโมง” เฉพาะในชีวิตนี้เท่านั้นที่เราจะกลับใจจากบาป ทำความดี ทูลขอความเมตตาจากพระเจ้า... พูดง่ายๆ ก็คือ ทำในสิ่งที่สามารถเปลี่ยนชะตากรรมนิรันดร์ของเราได้จริงๆ เรายังมีเวลาอยู่และนี่เป็นสัญญาณที่ดี พระเจ้าทรงรักเราและคาดหวังให้เราทำงานให้ดีที่สุดเพื่อความดีต่อจิตวิญญาณของเรา ได้เวลาเริ่มต้นชีวิตที่จริงจังแล้ว... ที่สำคัญอย่าสาย!

เรามาดูกันว่า Abba Dorotheos เขียนถึงอะไรในบทสุดท้าย “ผู้ใดกระทำการอันเป็นที่พอพระทัยพระเจ้า จะต้องถูกล่อลวงอย่างแน่นอน เพราะการกระทำดีทุกอย่างย่อมถูกล่อลวงก่อนหรือตามมา และสิ่งที่ทำเพื่อพระเจ้าจะมั่นคงไม่ได้เว้นแต่จะถูกทดสอบโดยการล่อลวง” (คำสอน 19) สิ่งล่อใจเปรียบเสมือนแมวน้ำที่ยืนยันคุณภาพและความชอบธรรมของการทำความดี หากมีการทดลอง พระเจ้าจะทรงยอมรับสิ่งนั้น บางคนกลัวที่จะทำความดีโดยรู้ว่าความทุกข์จะตามมา ตัวอย่างเช่น พวกเขาปฏิเสธที่จะเป็นพ่อแม่อุปถัมภ์ กลัวความรับผิดชอบ ด้วยเหตุผลเดียวกัน พวกเขาไม่แต่งงานในโบสถ์ ไม่เข้าร่วมศีลศักดิ์สิทธิ์ของคริสตจักร กลัวการอดอาหาร... นี่ไม่ใช่คริสเตียน อย่างที่เขาว่ากันว่า ถ้าคุณกลัวหมาป่า อย่าเข้าป่า แล้วคนขี้ขลาดไม่เล่นฮอกกี้ การทดลองที่ร้ายแรงที่สุดจะไปเยี่ยมพระสงฆ์ของคริสตจักรและนักบวช สงครามฝ่ายวิญญาณเป็นเรื่องจริง ไม่ใช่ภาพลวงตา ปีศาจจับอาวุธเป็นส่วนใหญ่ต่อพวกเขาและพระเจ้าทรงจัดเตรียมการล่อลวงที่ยากลำบากที่สุดให้กับผู้รับใช้ของพระองค์ ดังนั้นเมื่อกลัว “ปีศาจล้างแค้น” เพื่อการทำความดี จงระลึกถึงเรานักบวช และอย่ากลัวสิ่งใดๆ การล่อลวงมักจำเป็นต่อการถ่อมความภาคภูมิใจและความเย่อหยิ่งของเรา ขอให้เราระลึกถึงถ้อยคำของผู้เผยพระวจนะดาวิด: “ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ไม่ใช่สำหรับพวกเรา ไม่ใช่สำหรับพวกเรา แต่จงถวายเกียรติแด่พระนามของพระองค์”

คุณต้องอ่านพระบิดาอย่างพอประมาณ สิ่งสำคัญคือต้องจำกฎทองของการบำเพ็ญตบะ: การอ่านควรสอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของเรา เราอ่านแต่สิ่งที่เราทำได้ เราจะเลื่อนการอ่านเรื่องการหาประโยชน์ที่เกินกำลังของเราออกไปจนกว่าจะถึงเวลาต่อๆ ไป ในความคิดของฉัน Abba Dorotheos เป็นนักเขียนสากล คำแนะนำของเขานั้นง่ายต่อการนำไปใช้ทั้งในอารามและในโลก สำหรับทั้งชายและหญิง ทั้งสำหรับผู้เริ่มต้นและผู้ที่สมบูรณ์แบบหากมีในโลกของเรา เรามาเริ่มอ่าน Abba Dorotheus กันดีกว่า

มาจากเมืองอัสคาลอนและใช้ชีวิตวัยเยาว์อยู่กับครอบครัวในฉนวนกาซา ในวัยเยาว์เขาศึกษาวิทยาศาสตร์ทางโลกอย่างลึกซึ้ง บางทีครูของเขาอาจเป็นนักปรัชญาชื่อดัง Procopius แห่งฉนวนกาซา ครอบครัวของโดโรธีมีฐานะร่ำรวย ต่อจากนั้นน้องชายของเขาได้สร้างโรงพยาบาลในอารามอับบาเซริดาด้วยค่าใช้จ่ายของเขาเอง นักบุญโดโรเธโอไม่ได้ปฏิญาณตนในทันที แต่อาศัยอยู่ใกล้อารามมาระยะหนึ่งโดยใช้เงินทุนจากมรดกก้อนโตของเขา เมื่อเข้าไปในอารามเซนต์เซริด โดโรธีออสก็กลายเป็นผู้ดูแลห้องขังของนักบุญยอห์นผู้เผยพระวจนะและเป็นสามเณรของเขามาสิบปี การเชื่อฟังหลักของเขาในอารามคือการต้อนรับคนแปลกหน้าซึ่งเขาแสดงความอดทนและความกระตือรือร้นอย่างมาก เขาเป็นที่ปรึกษาของพระโดซิเฟอี ไม่ช้ากว่าปี 540 หลังจากการตายของเจ้าอาวาส Serid และนักบุญยอห์นผู้เผยพระวจนะ โดโรธีก็ลาออกจากชุมชนของอับบาเซริด เหตุผลที่เป็นไปได้คือความปรารถนาของพี่น้องที่จะเลือกเขาเป็นเจ้าอาวาส ซึ่งเขาปฏิเสธอย่างนอบน้อม ในไม่ช้าพระภิกษุอื่นๆ ก็เริ่มเข้ามาตั้งถิ่นฐานใกล้โดโรธี และเขาได้ก่อตั้งอารามของตนเองขึ้น ซึ่งเขายังคงเป็นเจ้าอาวาสจนกระทั่งถึงแก่กรรมในปี ค.ศ. 620 Abba Dorotheos มีชื่อเสียงในด้านมรดกทางวรรณกรรม: คำสอนของเขา (จำนวน 21 เล่ม) สาส์น (จำนวน 10 เล่ม) และการบันทึกคำตอบของผู้เฒ่า Barsanuphius the Great และ John the Prophet ต่อคำถามของ St. Dorotheos (จำนวน 87 เล่ม) ). ผลงานของ Abba Dorotheus เป็นวรรณกรรมนักพรตคลาสสิกที่ศึกษาโดยพระสงฆ์และฆราวาสในฐานะแหล่งวิเคราะห์ความคิดและการเคลื่อนไหวของจิตวิญญาณคริสเตียน เกี่ยวกับการปฏิเสธโลก เกี่ยวกับความอ่อนน้อมถ่อมตน เกี่ยวกับมโนธรรม เกี่ยวกับความเกรงกลัวพระเจ้า อย่าพึ่งพาเหตุผล อย่าตัดสินเพื่อนบ้าน ตำหนิตัวเอง ไม่ใช่เพื่อนบ้าน เกี่ยวกับความขุ่นเคือง คุณต้องไม่โกหก ทางของพระเจ้า ตัดกิเลสตัณหา เกี่ยวกับความกลัวต่อความทุกข์ทรมาน สิ่งล่อใจ เกี่ยวกับ คุณธรรม

บนเว็บไซต์ของเรา คุณสามารถดาวน์โหลดหนังสือ "The Soulful Teachings of Abba Dorotheus. Selected Favorites" โดยพระ Abba Dorotheos ได้ฟรีและไม่ต้องลงทะเบียนในรูปแบบ fb2, rtf, epub, pdf, txt อ่านหนังสือออนไลน์หรือซื้อหนังสือใน ร้านค้าออนไลน์