เรื่องราวความรักอันยิ่งใหญ่: Frida Kahlo และ Diego Rivera Frida Kahlo และ Maria Bashkirtseva

ข้อความ: Maria Mikhantyeva

การหวนคิดถึง Frida Kahlo เกิดขึ้นที่เซนต์ปีเตอร์สเบิร์กจนถึงสิ้นเดือนเมษายน- ศิลปินชาวเม็กซิกันผู้ยิ่งใหญ่ ผู้กลายเป็นจิตวิญญาณและหัวใจของการวาดภาพผู้หญิงทั่วโลก เป็นเรื่องปกติที่จะเล่าเกี่ยวกับชีวิตของฟรีดาผ่านเรื่องราวการเอาชนะความเจ็บปวดทางกาย อย่างไรก็ตาม ตามปกติแล้ว นี่เป็นเพียงแง่มุมหนึ่งของเส้นทางที่ซับซ้อนและมีหลายแง่มุม Frida Kahlo ไม่ใช่แค่ภรรยาของจิตรกรชื่อดัง Diego Rivera หรือเป็นสัญลักษณ์ของความแข็งแกร่งทางจิตใจและร่างกาย - ศิลปินวาดภาพมาตลอดชีวิตโดยเริ่มจากความขัดแย้งภายในของเธอเอง ความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนด้วยความเป็นอิสระและความรัก พูดถึงใครที่เธอรู้จักดีที่สุด - ตัวเธอเอง

ชีวประวัติของ Frida Kahlo เป็นที่รู้จักมากขึ้นหรือน้อยลงสำหรับทุกคนที่ดูภาพยนตร์เรื่อง Julie Taymor กับ Salma Hayek: วัยเด็กและเยาวชนที่ไร้กังวล, อุบัติเหตุร้ายแรง, ความหลงใหลในการวาดภาพโดยไม่ได้ตั้งใจ, ความคุ้นเคยกับศิลปิน Diego Rivera, การแต่งงานและสถานะนิรันดร์ "ทุกอย่างซับซ้อน" ความเจ็บปวดทางกาย ความเจ็บปวดทางจิตใจ ภาพเหมือนตนเอง การทำแท้งและการแท้งบุตร ลัทธิคอมมิวนิสต์ เรื่องราวความรัก ชื่อเสียงไปทั่วโลก จางหายไปอย่างช้าๆ และความตายที่รอคอยมายาวนาน: “ฉันหวังว่าการจากไปจะประสบความสำเร็จและฉันจะไม่กลับมาอีก” ฟรีดาผู้หลับใหล บินสู่นิรันดรบนเตียง

เราไม่รู้ว่าการจากไปนั้นประสบความสำเร็จหรือไม่ แต่ในช่วงยี่สิบปีแรกหลังจากนั้น ดูเหมือนว่าความปรารถนาของฟรีด้าจะสำเร็จลุล่วง เธอถูกลืมไปทุกที่ ยกเว้นในเม็กซิโกซึ่งเป็นบ้านเกิดของเธอ ซึ่งมีการเปิดพิพิธภัณฑ์บ้านเกือบจะในทันที ในช่วงปลายทศวรรษ 1970 เนื่องจากความสนใจในศิลปะของผู้หญิงและลัทธินีโอเม็กซิกัน ผลงานของเธอจึงเริ่มปรากฏในนิทรรศการเป็นครั้งคราว อย่างไรก็ตาม ในปี 1981 ใน The Oxford Companion to Twentieth-Century Art เธอได้รับเพียงหนึ่งบรรทัด: “Kahlo, Frida. ดู ริเวร่า, ดิเอโก มาเรีย.

“ในชีวิตของฉันมีอุบัติเหตุ 2 ครั้ง ครั้งหนึ่งคือตอนที่รถบัสชนกับรถราง อีกเรื่องคือดิเอโก” ฟรีดากล่าว อุบัติเหตุครั้งแรกทำให้เธอเริ่มวาดภาพ ครั้งที่สองทำให้เธอเป็นศิลปิน สิ่งแรกในชีวิตของฉันตอบสนองด้วยความเจ็บปวดทางกาย ครั้งที่สองทำให้เกิดความเจ็บปวดทางจิตใจ ประสบการณ์ทั้งสองนี้กลายเป็นประเด็นหลักของภาพวาดของเธอในเวลาต่อมา หากอุบัติเหตุทางรถยนต์เป็นอุบัติเหตุร้ายแรง (Frida ควรจะอยู่บนรถบัสอีกสายหนึ่ง แต่ออกไปครึ่งทางเพื่อหาร่มที่ถูกลืม) ความสัมพันธ์ที่ยากลำบาก (ท้ายที่สุดแล้ว Diego Rivera ไม่ใช่คนเดียว) ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ กับความไม่สอดคล้องของธรรมชาติของเธอซึ่งความแข็งแกร่งและความเป็นอิสระถูกรวมเข้ากับความเสียสละและความหลงใหล

ฟรีดาและดิเอโก ริเวรา ค.ศ. 1931

ฉันต้องเรียนรู้ที่จะเข้มแข็งตั้งแต่ยังเป็นเด็ก: ก่อนอื่นต้องช่วยพ่อให้รอดจากโรคลมบ้าหมู จากนั้นจึงรับมือกับผลที่ตามมาจากโปลิโอ ฟรีด้าเล่นฟุตบอลและชกมวย ที่โรงเรียนเธอเป็นสมาชิกของแก๊ง "kachuchas" - อันธพาลและปัญญาชน เมื่อผู้นำของสถาบันการศึกษาเชิญริเวร่าซึ่งเป็นปรมาจารย์ที่มีชื่อเสียงมาวาดภาพผนัง เธอถูสบู่บนขั้นบันไดเพื่อดูว่าชายผู้นี้มีหน้าคางคกและร่างกายของช้างจะลื่นล้มได้อย่างไร เธอมองว่าบริษัทของผู้หญิงเป็นเรื่องธรรมดา ชอบที่จะเป็นเพื่อนกับเด็กผู้ชาย และได้พบกับคนที่โด่งดังและฉลาดที่สุดจากพวกเขา ซึ่งก็เรียนในชั้นเรียนที่เก่ากว่าสองสามชั้นด้วย

แต่เมื่อตกหลุมรัก Frida ดูเหมือนจะเสียสติซึ่งเธอชื่นชมในผู้คนมาก เธอสามารถไล่ตามเป้าหมายที่เธอหลงใหลได้อย่างแท้จริง โจมตีด้วยจดหมาย ยั่วยวนและจัดการ ทั้งหมดเพื่อที่จะได้แสดงเป็นเพื่อนร่วมทางที่ซื่อสัตย์ นั่นคือการแต่งงานครั้งแรกของเธอกับดิเอโก ริเวรา พวกเขาทั้งคู่นอกใจ แยกทาง และกลับมารวมกันอีกครั้ง แต่ตามความทรงจำของเพื่อน Frida มักจะยอมจำนน โดยพยายามรักษาความสัมพันธ์ “เธอปฏิบัติต่อเขาเหมือนเป็นสุนัขที่รัก” เพื่อนคนหนึ่งของเธอเล่า - เขาอยู่กับเธอ - เช่นเดียวกับสิ่งที่ชอบ แม้แต่ในภาพ "งานแต่งงาน" ของฟรีดาและดิเอโก ริเวรา มีศิลปินเพียงหนึ่งในสองคนเท่านั้นที่วาดภาพด้วยคุณสมบัติระดับมืออาชีพ จานสี และพู่กัน และนี่ไม่ใช่ฟรีดา

ขณะที่ดิเอโกวาดภาพเฟรสโกเป็นเวลาหลายวัน พักค้างคืนในนั่งร้าน เธอถือตะกร้าอาหารกลางวันให้เขา ดูแลบิล ประหยัดค่ารักษาพยาบาลที่เธอต้องการอย่างมาก (ดิเอโกใช้เงินมหาศาลไปกับการสะสมรูปปั้นก่อนยุคโคลัมเบียนของเขา ) ตั้งใจฟังและร่วมแสดงนิทรรศการ ภายใต้อิทธิพลของสามีของเธอภาพวาดของเธอก็เปลี่ยนไปเช่นกัน: ถ้า Frida เขียนภาพเหมือนครั้งแรกโดยเลียนแบบศิลปินยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาจากอัลบั้มศิลปะต้องขอบคุณ Diego ประเพณีประจำชาติของเม็กซิโกที่ได้รับการยกย่องจากการปฏิวัติแทรกซึมเข้าไปในพวกเขา: ความไร้เดียงสาของ retablo ลวดลายของอินเดียและสุนทรียศาสตร์ของนิกายโรมันคาทอลิกในเม็กซิโกพร้อมการแสดงละครแห่งความทุกข์ทรมาน ผสมผสานภาพบาดแผลเลือดออกกับความงดงามของดอกไม้ ลูกไม้และริบบิ้น

"อเลฮานโดร โกเมซ อาเรียส", 2471

เพื่อเอาใจสามีของเธอ เธอยังเปลี่ยนกางเกงยีนส์และแจ็คเก็ตหนังเป็นกระโปรงพองๆ และกลายเป็น "Tehuana" ภาพนี้ไม่มีความถูกต้องเลย เนื่องจาก Frida ผสมผสานเสื้อผ้าและเครื่องประดับจากกลุ่มสังคมและยุคต่างๆ เข้าด้วยกัน เธอจึงสามารถสวมกระโปรงอินเดียกับเสื้อเบลาส์และต่างหูครีโอลโดย Picasso ในท้ายที่สุด ความเฉลียวฉลาดของเธอได้เปลี่ยนหน้ากากนี้ให้เป็นรูปแบบศิลปะที่แยกจากกัน: เธอเริ่มแต่งตัวให้สามีของเธอ เธอยังคงสร้างภาพที่ไม่เหมือนใครเพื่อความสุขของเธอเอง ในไดอารี่ของเธอ Frida ตั้งข้อสังเกตว่าเครื่องแต่งกายยังเป็นภาพเหมือนตนเอง ชุดของเธอกลายเป็นตัวละครในภาพวาดและตอนนี้พวกเขามากับพวกเขาในนิทรรศการ หากภาพวาดเป็นภาพสะท้อนของพายุภายใน เครื่องแต่งกายก็กลายเป็นชุดเกราะของเธอ ไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่หนึ่งปีหลังจากการหย่าร้าง“ ภาพเหมือนตนเองที่มีผมเกรียน” ปรากฏขึ้นซึ่งชุดสูทของผู้ชายสวมกระโปรงและริบบิ้น - ใน Frida ที่คล้ายกันถ่ายภาพครอบครัวนานก่อนที่จะพบกับดิเอโก .

ความพยายามอย่างจริงจังครั้งแรกที่จะออกจากอิทธิพลของสามีของเธอคือการตัดสินใจที่จะให้กำเนิด การคลอดบุตรตามธรรมชาติเป็นไปไม่ได้ แต่มีความหวังสำหรับการผ่าตัดคลอด ฟรีด้าฟาดฟันไปมา ในอีกด้านหนึ่ง เธอปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะแข่งต่อ เพื่อยืดริบบิ้นสีแดงนั้นออกไป ซึ่งต่อมาเธอวาดภาพในภาพวาด “ปู่ย่าตายายของฉัน พ่อแม่ของฉัน และฉัน” เพื่อให้มี “ดิเอโกตัวน้อย” อยู่ในมือของเธอ ในทางกลับกัน Frida เข้าใจว่าการกำเนิดของเด็กจะทำให้เธอต้องอยู่ที่บ้าน เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับงาน และทำให้ริเวร่าเลิกราซึ่งถูกจัดกลุ่มต่อต้านเด็ก ในจดหมายฉบับแรกถึงเพื่อนในครอบครัว ดร. ลีโอ เอลอยเซอร์ ฟรีดาที่ตั้งครรภ์ถามว่าทางเลือกใดที่จะเป็นอันตรายต่อสุขภาพของเธอน้อยกว่า แต่เธอเองก็ตัดสินใจที่จะรักษาการตั้งครรภ์และไม่ถอยห่างอีกต่อไปโดยไม่รอคำตอบ ทางเลือกที่มักกำหนดไว้สำหรับผู้หญิง "โดยปริยาย" ในกรณีของฟรีดากลายเป็นการกบฏต่อการปกครองของสามีของเธอ

น่าเสียดายที่การตั้งครรภ์สิ้นสุดลงด้วยการแท้งบุตร แทนที่จะเป็น "ดิเอโกตัวน้อย" โรงพยาบาลของ Henry Ford ถือกำเนิดขึ้น ซึ่งเป็นหนึ่งในผลงานที่เศร้าที่สุด ซึ่งเริ่มเป็นชุดของภาพวาด "เลือด" บางทีนี่อาจเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ศิลปะที่ศิลปินพูดเกี่ยวกับความเจ็บปวดของผู้หญิงด้วยความจริงใจและเกือบจะถึงขีดสุดจนขาเปิดทางให้กับผู้ชาย สี่ปีต่อมา Pierre Collet ผู้จัดนิทรรศการในปารีสของเธอไม่กล้าแม้แต่จะจัดแสดงภาพวาดเหล่านี้ในทันทีเพราะคิดว่ามันน่าตกใจเกินไป

ในที่สุด ชีวิตส่วนนั้นของผู้หญิงที่ถูกซ่อนเร้นจากการสอดรู้สอดเห็นมาโดยตลอดก็ถูกเปิดเผย
ในงานศิลปะ

ความโชคร้ายตามหลอกหลอน Frida: หลังจากการตายของลูกของเธอ เธอรอดชีวิตจากการตายของแม่ของเธอ และใครๆ ก็เดาได้เพียงว่าความรักครั้งต่อไปของ Diego จะเป็นอย่างไรสำหรับเธอ คราวนี้กับน้องสาวของเธอ อย่างไรก็ตาม เธอโทษตัวเองและพร้อมที่จะให้อภัย หากไม่กลายเป็น "โรคฮิสทีเรีย" ความคิดของเธอเกี่ยวกับเรื่องนี้คล้ายกับวิทยานิพนธ์เก่าที่ "" เจ็บปวด แต่ในกรณีของฟรีดา ความอ่อนน้อมถ่อมตนและความสามารถในการอดทนควบคู่ไปกับอารมณ์ขันที่ชั่วร้ายและการประชดประชัน

เมื่อรู้สึกถึงความสำคัญรองของเธอ ความไม่สำคัญของความรู้สึกของเธอเมื่อเทียบกับผู้ชาย เธอนำประสบการณ์นี้มาสู่จุดที่ไร้สาระในภาพยนตร์เรื่อง "A Few Little Pricks" “ฉันแค่แหย่เธอสองสามครั้ง” ชายคนหนึ่งที่แทงแฟนสาวของเขากล่าวในการพิจารณาคดี เมื่อได้เรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้จากหนังสือพิมพ์แล้ว Frida ก็เขียนงานที่เต็มไปด้วยการเสียดสีซึ่งปกคลุมไปด้วยเลือดอย่างแท้จริง (จุดสีแดง "กระเด็น" แม้กระทั่งบนเฟรม) เหนือร่างที่เปื้อนเลือดของผู้หญิงคนหนึ่ง มีฆาตกรหน้าซีด (หมวกของเขาเป็นคำใบ้ของดิเอโก) และจากข้างบน เหมือนกับการเยาะเย้ย ชื่อโฮเวอร์ เขียนด้วยริบบิ้นที่ถือโดยนกพิราบ คล้ายกับของประดับตกแต่งงานแต่งงาน

ในบรรดาผู้ชื่นชมของริเวร่ามีความเห็นว่าภาพวาดของฟรีด้าเป็น "ภาพวาดในร้านเสริมสวย" บางทีในตอนแรกฟรีด้าเองก็เห็นด้วยกับเรื่องนี้ เธอมักจะวิจารณ์งานของเธอเสมอ ไม่ได้พยายามหาเพื่อนกับเจ้าของแกลเลอรี่และตัวแทนจำหน่าย และเมื่อมีคนซื้อภาพวาดของเธอ เธอมักจะบ่นว่าเงินนี้สามารถนำไปใช้ทำกำไรได้มากกว่า มีความโกลาหลอยู่บ้าง แต่พูดตามตรง เป็นเรื่องยากที่จะรู้สึกมั่นใจเมื่อสามีของคุณเป็นศิลปินที่เป็นที่รู้จักซึ่งทำงานตลอด 24 ชั่วโมง และคุณเป็นศิลปินที่เรียนรู้ด้วยตนเองซึ่งแทบจะไม่มีเวลาสำหรับการวาดภาพระหว่างงานบ้านและ การดำเนินงานทางการแพทย์ “ ผลงานของศิลปินมือใหม่มีความสำคัญอย่างยิ่งและคุกคามแม้กระทั่งสามีที่มีชื่อเสียงของเธอซึ่งสวมมงกุฎด้วยเกียรติยศ” เขียนในการแถลงข่าวสำหรับนิทรรศการนิวยอร์กครั้งแรกของ Frida (1938); "Little Frida" - นั่นคือสิ่งที่ผู้เขียนสิ่งพิมพ์ใน TIME เรียกเธอ เมื่อถึงเวลานั้น "ทารก" "มือใหม่" ได้เขียนหนังสือมาเก้าปีแล้ว

"ราก", 2486

แต่การขาดความคาดหวังสูงทำให้มีอิสระอย่างเต็มที่ “ฉันเขียนถึงตัวเองเพราะฉันใช้เวลาอยู่ตามลำพังมาก และเพราะฉันคือหัวข้อที่ฉันรู้ดีที่สุด” ฟรีดากล่าว และในการพูดถึง “หัวข้อ” นี้ ไม่เพียงแต่มีความเป็นส่วนตัวเท่านั้น แต่ยังรวมถึงความเป็นอัตวิสัยด้วย ผู้หญิงที่โพสท่าให้ดิเอโกกลายเป็นภาพเปรียบเทียบนิรนามในจิตรกรรมฝาผนังของเขา ฟรีด้าเป็นตัวละครหลักมาโดยตลอด ตำแหน่งนี้แข็งแกร่งขึ้นด้วยการเพิ่มภาพเหมือนเป็นสองเท่า: เธอมักจะวาดภาพตัวเองพร้อมๆ กันด้วยภาพและหน้ากากที่แตกต่างกัน ผ้าใบขนาดใหญ่ "Two Fridas" ถูกสร้างขึ้นระหว่างกระบวนการหย่าร้าง ฟรีด้าเขียนตัวเองว่า "ที่รัก" (ด้านขวาในชุด Tehuan) และ "ไม่มีใครรัก" (ในชุดวิคตอเรียมีเลือดออก) ราวกับว่าตอนนี้เธอเป็น "อีกครึ่งหนึ่ง" ของเธอเอง ในภาพวาด "การกำเนิดของฉัน" ซึ่งสร้างขึ้นหลังจากการแท้งครั้งแรกของเธอได้ไม่นาน เธอพรรณนาตัวเองว่าเป็นเด็กแรกเกิด แต่ดูเหมือนจะเชื่อมโยงกับร่างของแม่ซึ่งซ่อนใบหน้าไว้

นิทรรศการในนิวยอร์กที่กล่าวถึงข้างต้นช่วยให้ฟรีดามีอิสระมากขึ้น เป็นครั้งแรกที่เธอรู้สึกถึงอิสรภาพของเธอ: เธอไปนิวยอร์กเพียงลำพัง พบปะผู้คน รับค่าคอมมิชชั่นสำหรับการถ่ายภาพบุคคล และเริ่มเขียนนวนิยาย ไม่ใช่เพราะสามีของเธอยุ่งเกินไป แต่เพราะเธอชอบมันมาก นิทรรศการได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี แน่นอนว่ามีนักวิจารณ์หลายคนที่กล่าวว่าภาพวาดของฟรีดานั้น "เป็นทางนรีเวช" เกินไป แต่มันก็เป็นคำชมเสียมากกว่า ท้ายที่สุด ส่วนหนึ่งของชีวิตผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งนักทฤษฎีเรื่อง "พรหมลิขิตหญิง" ได้พูดคุยกันมานานหลายศตวรรษ ถูกซ่อนเร้นจากการสอดรู้สอดเห็นมาโดยตลอด ถูกนำมาแสดงในงานศิลปะ

นิทรรศการในนิวยอร์กตามมาด้วยงาน Paris one ซึ่งจัดขึ้นโดยมีส่วนร่วมโดยตรงของ Andre Breton ซึ่งถือว่า Frida เป็นนักเหนือจริงที่โดดเด่น เธอเห็นด้วยกับนิทรรศการ แต่ปฏิเสธสถิตยศาสตร์อย่างระมัดระวัง มีสัญลักษณ์มากมายบนผืนผ้าใบของ Frida แต่ไม่มีคำใบ้: ทุกอย่างชัดเจน เช่น ภาพประกอบจากแผนที่กายวิภาค และในขณะเดียวกันก็ปรุงแต่งด้วยอารมณ์ขันที่ยอดเยี่ยม ความเพ้อฝันและความเสื่อมโทรมที่มีอยู่ในนักเซอร์เรียลลิสต์ทำให้เธอรำคาญ ฝันร้ายและการคาดการณ์ของฟรอยด์ดูไร้เดียงสาเมื่อเทียบกับสิ่งที่เธอเคยประสบในความเป็นจริง: “ตั้งแต่ [อุบัติเหตุ] ฉันหมกมุ่นอยู่กับความคิดที่จะวาดภาพสิ่งต่าง ๆ ตามที่ตาเห็น และไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น" “เธอไม่มีภาพลวงตา” ริเวร่าเห็นด้วย

ราก ลำต้น และผล และในรายการไดอารี่ บทละเว้น "ดิเอโกคือลูกของฉัน"

เป็นไปไม่ได้ที่สามีจะเป็นแม่หลังจากการผ่าตัดกระดูกสันหลังและการตัดแขนขาหลายครั้ง: ขั้นแรกให้ใช้นิ้วสองนิ้วที่เท้าขวา ตามด้วยขาท่อนล่างทั้งหมด ฟรีด้าอดทนต่อความเจ็บปวดอยู่เป็นนิสัย แต่กลัวว่าจะสูญเสียการเคลื่อนไหวของเธอ อย่างไรก็ตาม เธอกล้าที่จะไปผ่าตัด เธอสวมชุดที่ดีที่สุดตัวหนึ่ง และสำหรับอวัยวะเทียม เธอสั่งรองเท้าบูทหนังสีแดงพร้อมงานปัก แม้ว่าเธอจะป่วยหนัก แต่ก็ต้องพึ่งยาแก้ปวดและอารมณ์แปรปรวน เธอกำลังเตรียมตัวสำหรับวันครบรอบ 25 ปีของงานแต่งงานครั้งแรกของเธอ และถึงกับเกลี้ยกล่อม Diego ให้พาเธอไปสาธิตคอมมิวนิสต์ ทำงานต่อไปด้วยจุดแข็งสุดท้ายของเธอ ในบางจุดเธอคิดเกี่ยวกับวิธีทำให้ภาพวาดของเธอมีความเป็นการเมืองมากขึ้น ซึ่งดูเหมือนคิดไม่ถึงหลังจากใช้เวลาหลายปีในการพรรณนาประสบการณ์ส่วนตัว บางทีถ้าฟรีด้ารอดจากโรคนี้ เราก็คงจะได้เรียนรู้จากด้านใหม่ที่คาดไม่ถึง แต่ปอดบวมจากการสาธิตครั้งนั้นทำให้ชีวิตของศิลปินสิ้นสุดลงเมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2497

“เป็นเวลาสิบสองปีของการทำงาน ทุกสิ่งทุกอย่างไม่ได้มาจากแรงจูงใจภายในที่บังคับให้ฉันเขียน” Frida อธิบายในการสมัครขอรับทุนจาก Guggenheim Foundation ในปี 1940 “เพราะหัวข้อของฉันเป็นหัวข้อของฉันเองเสมอ ความรู้สึก สภาพจิตใจ และการตอบสนองต่อสิ่งที่ชีวิตใส่เข้าไปในตัวฉัน ฉันมักจะรวมสิ่งเหล่านี้ไว้ในภาพลักษณ์ของตัวเอง ซึ่งมีความจริงใจและเป็นจริงมากที่สุด เพื่อที่ฉันจะได้แสดงทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในตัวฉันและในโลกภายนอก

"ฉันเกิด", 2475

การพบกันครั้งแรกของพวกเขาเกิดขึ้นเมื่อ Frida Kahlo ยังเป็นวัยรุ่นอยู่ เมื่ออายุได้ 15 ปี เธอเข้าเรียนใน "โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา" (โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาแห่งชาติ) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาแพทย์ ที่นี่ครั้งแรกที่เธอได้พบกับศิลปินชื่อดัง Diego Rivera ซึ่งทำงานที่ Preparatory School ในเรื่อง "Creation" เขาหลงจินตนาการในวัยเด็กของเธอ Frida ติดตามเขาล้อเลียนเขาด้วย "ฟาสโตเก่า" พยายามดึงดูดความสนใจและวันหนึ่งราวกับว่าคาดการณ์อนาคตร่วมกันของพวกเขาเธอบอกเพื่อน ๆ ของเธอว่า: "ฉันจะแต่งงานกับผู้ชายคนนี้อย่างแน่นอนและให้กำเนิด ถึงลูกชายจากเขา”

โศกนาฏกรรมในชีวิตของ Frida Kahlo

เมื่ออายุได้ 18 ปี Frida Kahlo ประสบอุบัติเหตุรุนแรง ได้รับบาดเจ็บ: กระดูกสันหลังหักสามครั้ง (ในบริเวณเอว) กระดูกไหปลาร้าหัก ซี่โครงหัก กระดูกเชิงกรานหักสามเท่า กระดูกหัก 11 ครั้ง กระดูก เท้าที่หักและเคล็ด และไหล่เคล็ด นอกจากนี้ ท้องและมดลูกของเธอถูกเจาะด้วยราวโลหะซึ่งทำให้ระบบสืบพันธุ์ของเธอเสียหายอย่างรุนแรง เธอล้มป่วยมานานกว่าหนึ่งปี และปัญหาสุขภาพยังคงอยู่ตลอดชีวิต หลังจากโศกนาฏกรรม Frida ขอแปรงและสีจากพ่อของเธอ

พบกับฟรีด้าและดิเอโก

ไม่กี่ปีต่อมา หลังจากฟื้นตัวจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ ศิลปินมาที่ดิเอโก ริเวราเพื่อแสดงภาพเหมือนตนเองซึ่งสร้างขึ้นในระหว่างปีที่เธอนอนอยู่บนเตียง โดยถูกล่ามไว้ด้วยเครื่องรัดตัวกระดูก ภาพวาดโดย Frida Kahloสร้างความประทับใจให้กับศิลปินชื่อดังอย่างมาก: “ พวกเขาถ่ายทอดราคะที่เต็มไปด้วยชีวิตซึ่งเสริมด้วยความสามารถที่ไร้ความปราณี แต่อ่อนไหวมากเพื่อการสังเกต สำหรับฉันเห็นได้ชัดว่าผู้หญิงคนนี้เป็นศิลปินที่เกิดมา”

เกี่ยวกับ ดิเอโก้ ริเวร่า

เมื่อถึงเวลานั้น ริเวร่าผู้คลั่งไคล้ได้เลิกรากับภรรยาคนที่สองของเขา ลูเป้ มาริน และไม่มีอะไรขัดขวางไม่ให้เขาถูกศิลปินอายุ 20 ปี เอาแต่ใจ มีไหวพริบ กล้าหาญและมีพรสวรรค์ นอกจากนี้ เขายังหลงใหลในสติปัญญาอันโดดเด่นของฟรีดา เขาจึงได้รับการศึกษาแบบยุโรป ดิเอโกตัวใหญ่และอ้วน ขนขึ้นเป็นกระจุก โป่งด้วยความตื่นเต้น หรือในทางกลับกัน ตามีเปลือกตาบวม เขาดูเหมือนผีปอบ แต่เป็น "ผีปอบที่ดี" ในขณะที่เขาพูดถึงดิเอโก Maximilian Voloshinซึ่งพบเขาในปารีส ที่นั่นดิเอโกทิ้งภรรยาคนแรกของเขาคือแองเจลิน่าเบโลวาศิลปินชาวรัสเซียเมื่อเขาตัดสินใจที่จะไปช่วยเหลือชาวเม็กซิกันที่ดื้อรั้น ริเวร่าชอบวาดภาพตัวเองว่าเป็นกบอ้วนที่มีหัวใจของใครบางคนอยู่ในมือ เขาได้รับความรักจากผู้หญิงมาโดยตลอด ดิเอโกตอบสนอง แต่อย่างใดยอมรับว่า: "ยิ่งฉันรักผู้หญิงมากเท่าไหร่ ฉันก็ยิ่งต้องการทำให้พวกเขาต้องทนทุกข์มากขึ้นเท่านั้น"

งานแต่งงาน

ในปี 1929 Frida Kahlo กลายเป็นภรรยาของ Diego Rivera เขาอายุ 43 ปี เธออายุ 22 ปี ในวันแต่งงาน ดิเอโกแสดงอารมณ์โกรธจัด คู่บ่าวสาววัย 42 ปีดื่มเหล้าเตกีลาเล็กน้อยและเริ่มยิงปืนพกขึ้นไปในอากาศ คำแนะนำเท่านั้นที่ทำให้ศิลปินสัญจรไปมา มีเรื่องอื้อฉาวในครอบครัวครั้งแรก ภรรยาอายุ 22 ปีไปหาพ่อแม่ของเธอ หลังจากหลับใหล ดิเอโกขอการอภัยและได้รับการอภัย คู่บ่าวสาวย้ายเข้าไปอยู่ในอพาร์ตเมนต์แรกของพวกเขา และจากนั้นก็ไปที่ "บ้านสีฟ้า" ที่โด่งดังในขณะนี้บนถนน Londres ใน Coyaocan ซึ่งเป็นพื้นที่ "โบฮีเมียน" ที่สุดของเม็กซิโกซิตี้ ซึ่งพวกเขาอาศัยอยู่เป็นเวลาหลายปี

ชีวิตครอบครัว

ชีวิตครอบครัวของพวกเขาเต็มไปด้วยความหลงใหล " มีอุบัติเหตุสองครั้งในชีวิตของฉัน: ครั้งหนึ่งคือตอนที่รถบัสชนเข้ากับรถราง อีกเรื่องคือดิเอโกริเวร่า", - ศิลปินชอบพูดซ้ำ พวกเขาไม่สามารถอยู่ด้วยกันได้เสมอ แต่ไม่เคยแยกจากกัน พวกเขามีความสัมพันธ์ตามเพื่อนคนหนึ่งของพวกเขา "หลงใหลหลงใหลและเจ็บปวดบางครั้ง" ในปี 1934 ดิเอโกริเวร่านอกใจ Frida ด้วย คริสติน่า น้องสาวของเธอ " โพสท่าให้เขา เขาทำอย่างเปิดเผยโดยตระหนักว่าเขาดูถูกภรรยาของเขา แต่ไม่ต้องการทำลายความสัมพันธ์กับเธอ การระเบิดของ Frida นั้นโหดร้าย ภูมิใจที่เธอไม่ต้องการแบ่งปันเธอ เจ็บปวดกับใครก็ตาม - เธอแค่สาดมันลงบนผ้าใบ ผลที่ได้คือภาพ ที่บางทีอาจเป็นเรื่องน่าเศร้าที่สุดในงานของเธอ: ร่างผู้หญิงเปลือยเปล่าถูกตัดออกด้วยบาดแผลที่เปื้อนเลือด ข้างๆ มีดในมือของเขามีใบหน้าที่เฉยเมย คนที่ทำให้บาดแผลเหล่านี้ "แค่รอยขีดข่วน!" - ศิลปินแดกดันเรียกผ้าใบ

ในปี 1939 พวกเขาหย่าร้าง ต่อมา ดิเอโกสารภาพว่า “เราแต่งงานกันมา 13 ปีแล้วและรักกันดีเสมอมา Frida เรียนรู้ที่จะยอมรับการนอกใจของฉันแต่ไม่เข้าใจว่าทำไมฉันถึงเลือกผู้หญิงที่ไม่คู่ควรกับฉันหรือคนที่ด้อยกว่าเธอ .. เธอคิดว่าฉันเป็นเหยื่อที่ชั่วร้ายของความปรารถนาของตัวเอง แต่เป็นการโกหกที่คิดว่าการหย่าร้างจะทำให้ความทุกข์ของ Frida ยุติลง เธอจะไม่ทนทุกข์อีกต่อไปหรือไม่"

Leon Trotsky ในเม็กซิโก

ในปี 1937 Leon Trotsky ได้ลี้ภัยอยู่ในบ้านของริเวร่าชั่วครู่ ความสัมพันธ์ของ Frida Kahlo กับ Trotsky นั้นเต็มไปด้วยความโรแมนติก มีตำนานมากมายเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในขณะนั้น ศิลปินเองได้เติมเชื้อเพลิงให้กับไฟแห่งการสร้างตำนาน ฟรีดาและดิเอโก ไม่กี่ปีหลังจากโศกนาฏกรรม โดยได้พบกันอีกครั้งโดยพร้อมเพรียงกันบอกแขกว่าพวกเขาได้ลี้ภัยทางการเมืองสำหรับทรอตสกี้เพียงเพื่อดักจับเขาและฆ่าเขา ฟรีด้ายังกล่าวอีกว่าดิเอโกพยายามฆ่าทรอตสกี้เนื่องจากความหึงหวง

การพบปะกับทรอตสกี้เกิดขึ้นในช่วงพักความสัมพันธ์ระหว่างฟรีด้าและดิเอโก นอกจากนี้คนหลังอยู่ในโรงพยาบาลในเวลานั้นและมีเพียง Frida เท่านั้นที่ได้พบกับแขก "คนสำคัญ" ในตอนแรก ศิลปินชื่นชม "มหาบุรุษ" อย่างจริงใจและคาดหวังอย่างมากจากการสื่อสารกับเขา เธออารมณ์เสียมากกับการที่เขาถูกไล่ออกจากสหภาพโซเวียต และดีใจที่ต้องขอบคุณ Diego Rivera ที่เขาพบที่พักพิงในเม็กซิโกซิตี้ ศิลปินหนุ่มที่สดใส น่าสนใจ และมีเสน่ห์ดึงดูดนักปฏิวัติวัย 60 ปี เขาพยายามอย่างเต็มที่เพื่อแสดงความอ่อนโยนของเขา ตอนนี้ราวกับว่าเขาสัมผัสมือของเธอโดยบังเอิญแล้วแอบแตะเข่าของเธอใต้โต๊ะ เขาขีดเขียนโน้ตที่หลงใหลและใส่ไว้ในหนังสือแล้วส่งต่อไปยังภรรยาของเขาและริเวร่า แต่เม็กซิโกอย่างที่ Lev Davydovich พูด ดูเหมือนเขาจะเป็น "ดาวดวงอื่น" ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นเหมือนภาพหลอนและอยู่ได้ไม่นาน: ในไม่ช้าหลังจากทะเลาะกับเจ้าภาพที่มีอัธยาศัยดีเขาก็ย้ายไปบ้านอื่น

Frida Kahlo และ Diego Rivera แต่งงานใหม่ในปี 2483 หนึ่งปีหลังจากการหย่าร้างและอยู่ด้วยกันจนกระทั่งเธอเสียชีวิตในปี 2497

ภาพวาดดิเอโก ริเวร่า

ภาพถ่ายของ Diego Rivera และ Frida Kahlo

พ.ศ. 2453 ภาพถ่ายของฟรีด้าในวัยเด็ก

1926 . อายุสิบแปดปี

1929. ภาพถ่ายของ Frida และ Diego

1929

การสาธิตในเม็กซิโก

1930

1930.

1930

1931

1933

2481 - กับ Andre Breton

ภาพถ่ายจากปี 1939

1940

1943

พ.ศ. 2497 - frida et dieg

2497 - ในปีสุดท้ายของชีวิต

1954

1942

1940

ความพยายามที่จะเล่าเกี่ยวกับผู้หญิงที่ไม่ธรรมดาคนนี้เกิดขึ้นมากกว่าหนึ่งครั้ง - มีการเขียนนวนิยายจำนวนมาก มีการศึกษาหลายหน้าเกี่ยวกับเธอ มีการแสดงโอเปร่าและละคร มีการถ่ายทำภาพยนตร์สารคดีและสารคดี แต่ไม่มีใครสามารถคลี่คลายได้และที่สำคัญที่สุด - เพื่อสะท้อนความลับของเสน่ห์อันน่าอัศจรรย์ของเธอและความเย้ายวนอันน่าอัศจรรย์ของผู้หญิง โพสต์นี้เป็นหนึ่งในความพยายามเหล่านั้นด้วย โดยแสดงให้เห็นภาพถ่ายที่ค่อนข้างหายากของ Frida ผู้ยิ่งใหญ่!

frida kahlo

Frida Kahlo เกิดที่เม็กซิโกซิตี้ในปี 1907 เธอเป็นลูกสาวคนที่สามของ Gulermo และ Mathilde Kahlo พ่อ - ช่างภาพโดยกำเนิด - ชาวยิวมีพื้นเพมาจากประเทศเยอรมนี แม่เป็นชาวสเปน เกิดในอเมริกา Frida Kahlo ล้มป่วยด้วยโรคโปลิโอเมื่ออายุได้ 6 ขวบ หลังจากนั้นเธอก็เดินกะเผลก “ฟรีด้าเป็นขาไม้” เพื่อนของเธอล้อเลียนอย่างโหดเหี้ยม และเธอก็ว่ายน้ำเล่นฟุตบอลกับเด็กผู้ชายและไปชกมวยเพื่อท้าทายทุกคน

Frida อายุ 2 ขวบ ปี 1909 พ่อของเธอเป็นคนถ่าย!

ลิตเติ้ลฟรีด้า 2454

ภาพถ่ายสีเหลืองเป็นเหมือนเหตุการณ์สำคัญแห่งโชคชะตา ช่างภาพที่ไม่รู้จักซึ่ง "คลิก" ดิเอโกและฟรีดาเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2467 แทบไม่คิดว่ามันเป็นภาพของเขาที่จะกลายเป็นบรรทัดแรกในชีวประวัติทั่วไปของพวกเขา เขาจับตัวดิเอโก ริเวรา ซึ่งมีชื่อเสียงอยู่แล้วจากภาพเฟรสโก "พื้นบ้าน" อันทรงพลังและมุมมองที่รักอิสระ ที่หัวเสาของกลุ่มศิลปินนักปฏิวัติ ประติมากรรม และศิลปินกราฟิคหน้าพระราชวังแห่งชาติในเม็กซิโกซิตี้

ถัดจากริเวร่ายักษ์ Frida ตัวน้อยที่มีใบหน้าที่แน่วแน่และกำปั้นที่หงายอย่างกล้าหาญดูเหมือนเด็กผู้หญิงที่บอบบาง

Diego Rivera และ Frida Kahlo ในการสาธิต 1929 May Day (ภาพโดย Tina Modotti)

ในเดือนพฤษภาคมของวันนั้น ดิเอโกและฟรีดาซึ่งรวมกันเป็นหนึ่งด้วยอุดมการณ์ร่วมกัน ได้ก้าวเข้าสู่ชีวิตแห่งอนาคตโดยไม่มีวันพรากจากกัน แม้จะมีการทดลองครั้งยิ่งใหญ่ที่โชคชะตาโยนให้พวกเขาทุกคราว

ในปี 1925 เด็กหญิงอายุสิบแปดปีถูกชะตากรรมใหม่เข้ามาแทนที่ เมื่อวันที่ 17 กันยายน ที่ทางแยกใกล้ตลาดซานฮวน รถบัสของฟรีดาถูกรถรางชน เศษเหล็กชิ้นหนึ่งของเกวียนแทง Frida ทะลุผ่านที่ระดับกระดูกเชิงกรานและออกจากช่องคลอด “ดังนั้นฉันจึงสูญเสียความบริสุทธิ์” เธอกล่าว หลังจากเกิดอุบัติเหตุ เธอได้รับแจ้งว่าถูกพบว่าเปลือยเปล่า เสื้อผ้าทั้งหมดของเธอถูกฉีกออก ใครบางคนบนรถบัสกำลังถือถุงทาสีทองแห้ง มันฉีกออก และผงทองคำปกคลุมร่างกายที่เปื้อนเลือดของฟรีด้า และชิ้นส่วนของเหล็กก็ติดออกมาจากร่างสีทองนี้

กระดูกสันหลังของเธอหักในสามแห่ง กระดูกไหปลาร้า ซี่โครง และกระดูกเชิงกรานหัก ขาขวาหักสิบเอ็ดตำแหน่ง เท้าแตกเป็นเสี่ยงๆ ฟรีดานอนหงายตลอดทั้งเดือนในชุดปูนปลาสเตอร์ตั้งแต่หัวจรดเท้า “ปาฏิหาริย์ช่วยฉันได้” เธอบอกกับดิเอโก “เพราะตอนกลางคืนในโรงพยาบาล ความตายเต้นรำอยู่บนเตียงของฉัน”

อีกสองปีเธอถูกดึงเข้าไปในเครื่องรัดตัวออร์โธปิดิกส์พิเศษ รายการแรกที่เธอสามารถทำได้ในไดอารี่ของเธอคือ: ดี: ฉันเริ่มชินกับความทุกข์แล้ว". เพื่อไม่ให้คลั่งไคล้ความเจ็บปวดและความปรารถนาหญิงสาวจึงตัดสินใจวาด พ่อแม่ของเธอทำเปลหามพิเศษสำหรับเธอ เพื่อที่เธอจะได้นอนลง และติดกระจกไว้กับเปล เพื่อให้เธอมีคนวาด ฟรีด้าไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ การวาดรูปทำให้เธอหลงใหลจนวันหนึ่งเธอสารภาพกับแม่ของเธอ: “ฉันมีบางอย่างที่จะมีชีวิตอยู่เพื่อ สำหรับการวาดภาพ”

Frida Kahlo ในชุดสูทผู้ชาย เราเคยเห็น Frida สวมเสื้อเบลาส์เม็กซิกันและกระโปรงหลากสีสัน แต่เธอก็ชอบใส่เสื้อผ้าผู้ชายเช่นกัน การเป็นไบเซ็กชวลตั้งแต่ยังเยาว์วัยทำให้ฟรีดาแต่งตัวในชุดผู้ชาย

Frida ในชุดชาย (กลาง) กับน้องสาว Adriana และ Cristina และลูกพี่ลูกน้อง Carmen และ Carlos Veras, 1926.

Frida Kahlo และ Chavela Vargas ซึ่ง Frida มีความสัมพันธ์และไม่ค่อยมีจิตวิญญาณ 1945

หลังจากการเสียชีวิตของศิลปิน มีภาพถ่ายมากกว่า 800 รูป และภาพฟรีด้าบางส่วนก็เปลือยเปล่า! เธอชอบโพสท่าเปล่าๆ และจริงๆ แล้วเธอชอบถ่ายรูป ลูกสาวของช่างภาพ ด้านล่างนี้เป็นภาพถ่ายของ Frida ที่เปลือยเปล่า:

เมื่ออายุ 22 ปี Frida Kahlo เข้าสู่สถาบันที่มีชื่อเสียงที่สุดในเม็กซิโก (โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาแห่งชาติ) นักเรียนหญิงเพียง 35 คนรับนักเรียน 1,000 คน ที่นั่น Frida Kahlo พบกับ Diego Rivera สามีในอนาคตของเธอซึ่งเพิ่งกลับบ้านจากฝรั่งเศส

ทุกๆ วัน ดิเอโกรู้สึกผูกพันกับเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ที่เปราะบางคนนี้มากขึ้นเรื่อยๆ มีความสามารถ แข็งแกร่งมาก เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2472 พวกเขาแต่งงานกัน เธออายุยี่สิบสอง เขาอายุสี่สิบสอง

ภาพถ่ายงานแต่งงานเมื่อวันที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2472 ที่สตูดิโอของ Reyes de Coyaocán เธอกำลังนั่งเขากำลังยืน (อาจมีภาพที่คล้ายกันในทุกอัลบั้มของครอบครัวมีเพียงภาพนี้เท่านั้นที่แสดงให้เห็นผู้หญิงที่รอดชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ที่น่ากลัว แต่คุณไม่สามารถเดาได้) เธอสวมชุดประจำชาติอินเดียพร้อมผ้าคลุมไหล่ เขาอยู่ในแจ็คเก็ตและเน็คไท

ในวันแต่งงาน ดิเอโกแสดงอารมณ์โกรธจัด คู่บ่าวสาววัย 42 ปีดื่มเหล้าเตกีลาเล็กน้อยและเริ่มยิงปืนพกขึ้นไปในอากาศ คำแนะนำเท่านั้นที่ทำให้ศิลปินสัญจรไปมา มีเรื่องอื้อฉาวในครอบครัวครั้งแรก ภรรยาอายุ 22 ปีไปหาพ่อแม่ของเธอ หลังจากหลับใหล ดิเอโกขอการอภัยและได้รับการอภัย คู่บ่าวสาวย้ายเข้าไปอยู่ในอพาร์ตเมนต์แรกของพวกเขา และจากนั้นก็ไปที่ "บ้านสีฟ้า" ที่โด่งดังในขณะนี้บนถนน Londres ใน Coyaocan ซึ่งเป็นพื้นที่ "โบฮีเมียน" ที่สุดของเม็กซิโกซิตี้ ซึ่งพวกเขาอาศัยอยู่เป็นเวลาหลายปี

ความสัมพันธ์ระหว่าง Frida กับ Trotsky เต็มไปด้วยความโรแมนติก ศิลปินชาวเม็กซิกันชื่นชม "ทริบูนแห่งการปฏิวัติรัสเซีย" ไม่พอใจอย่างมากกับการถูกขับไล่ออกจากสหภาพโซเวียตและมีความสุขที่ต้องขอบคุณ Diego Rivera ที่เขาพบที่พักพิงในเม็กซิโกซิตี้

ในเดือนมกราคม 2480 ลีออน ทร็อตสกีและนาตาเลีย เซโดวาภรรยาของเขาขึ้นฝั่งที่ท่าเรือทัมปิโกของเม็กซิโก ฟรีด้าพบพวกเขา - ดิเอโกอยู่ในโรงพยาบาลแล้ว

ศิลปินพาผู้ถูกเนรเทศไปที่ "บ้านสีฟ้า" ของเธอ ซึ่งในที่สุดพวกเขาก็พบความสงบและเงียบสงบ Frida ที่สดใส น่าสนใจ และมีเสน่ห์ (หลังจากสื่อสารไม่กี่นาที ไม่มีใครสังเกตเห็นอาการบาดเจ็บที่เจ็บปวดของเธอ) ทำให้แขกหลงใหลในทันที
นักปฏิวัติอายุเกือบ 60 ปีถูกชักจูงไปราวกับเป็นเด็กผู้ชาย เขาพยายามอย่างเต็มที่เพื่อแสดงความอ่อนโยนของเขา ตอนนี้ราวกับว่าเขาสัมผัสมือของเธอโดยบังเอิญแล้วแอบแตะเข่าของเธอใต้โต๊ะ เขาขีดเขียนโน้ตที่หลงใหลและใส่ไว้ในหนังสือแล้วส่งต่อไปยังภรรยาของเขาและริเวร่า Natalya Sedova คาดเดาเกี่ยวกับการผจญภัยของความรัก แต่พวกเขากล่าวว่า Diego ไม่เคยพบเรื่องนี้ “ ฉันเหนื่อยมากกับชายชราคนหนึ่ง” ฟรีด้ากล่าวหาว่าครั้งหนึ่งเคยไปอยู่ในแวดวงเพื่อนสนิทและเลิกรักสั้น ๆ

มีอีกเวอร์ชั่นของเรื่องนี้ เด็ก Trotskyite ถูกกล่าวหาว่าไม่สามารถต้านทานแรงกดดันของทริบูนแห่งการปฏิวัติได้ การประชุมลับของพวกเขาเกิดขึ้นในที่ดินชนบทของซาน มิเกล เรกลา ห่างจากเม็กซิโกซิตี้ 130 กิโลเมตร อย่างไรก็ตาม Sedova เฝ้าดูสามีของเธออย่างระมัดระวัง: เรื่องนี้ถูกรัดคอในตา เพื่อขอการให้อภัยจากภรรยาของเขา Trotsky เรียกตัวเองว่า "สุนัขผู้ซื่อสัตย์ของเธอ" หลังจากนั้นพวกพลัดถิ่นก็ออกจาก "บ้านสีฟ้า"

แต่นี่เป็นข่าวลือ ไม่มีหลักฐานของความสัมพันธ์ที่โรแมนติกนี้

เรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ ระหว่าง Frida กับ José Bartley ศิลปินคาตาลันเป็นที่รู้จักมากขึ้น:

“ฉันไม่รู้วิธีเขียนจดหมายรัก แต่ฉันอยากจะบอกว่าตัวตนทั้งหมดของฉันเปิดรับคุณ ตั้งแต่ฉันตกหลุมรักเธอ ทุกสิ่งก็ปะปนกันไปและเต็มไปด้วยความงาม ... ความรักก็เหมือนกลิ่นหอม เหมือนกระแสน้ำ เหมือนสายฝน, - Frida Kahlo เขียนในปี 1946 ในที่อยู่ของเธอถึง Bartoli ซึ่งย้ายไปนิวยอร์กและหนีจากความน่าสะพรึงกลัวของสงครามกลางเมืองสเปน

Frida Kahlo และ Bartoli พบกันเมื่อเธอฟื้นตัวจากการผ่าตัดกระดูกสันหลังอีกครั้ง เมื่อกลับมายังเม็กซิโก เธอออกจากบาร์โตลี แต่ความรักแบบลับๆ ของพวกเขายังคงดำเนินต่อไปในระยะไกล จดหมายติดต่อกันนานหลายปี สะท้อนถึงภาพวาดของศิลปิน สุขภาพของเธอ และความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับสามี

จดหมายรัก 25 ฉบับที่เขียนขึ้นระหว่างเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2489 ถึงพฤศจิกายน พ.ศ. 2492 จะกลายเป็นชุดหลักของการประมูล Doyle New York Bartoli เก็บจดหมายไว้มากกว่า 100 หน้าจนกระทั่งเขาเสียชีวิตในปี 2538 จากนั้นจดหมายก็ส่งผ่านไปยังมือของครอบครัวของเขา ผู้จัดประมูลคาดหวังรายได้สูงถึง 120,000 ดอลลาร์

แม้ว่าพวกเขาจะอาศัยอยู่ในเมืองต่าง ๆ และไม่ค่อยได้พบกัน แต่ความสัมพันธ์ระหว่างศิลปินยังคงดำเนินต่อไปเป็นเวลาสามปี พวกเขาแลกเปลี่ยนคำประกาศความรักที่จริงใจซึ่งซ่อนอยู่ในงานเย้ายวนและบทกวี ฟรีด้าวาดภาพเหมือนตนเองคู่ของเธอ ต้นไม้แห่งความหวัง หลังจากการพบปะกับบาร์โตลีครั้งหนึ่ง

"บาร์โตลี -- เมื่อคืนนี้ ฉันรู้สึกราวกับว่าปีกหลายปีกกำลังลูบไล้ไปทั่ว ราวกับว่าปลายนิ้วของฉันกลายเป็นริมฝีปากที่จูบผิวของฉัน", Kahlo เขียนเมื่อวันที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2489 “อะตอมในร่างกายของฉันเป็นของคุณ และมันสั่นสะเทือนไปด้วยกัน เรารักกันมาก ฉันอยากมีชีวิตและเข้มแข็ง รักคุณ ด้วยความอ่อนโยนที่คุณคู่ควร มอบทุกสิ่งที่ดีในตัวฉันให้คุณ เพื่อให้คุณไม่รู้สึกโดดเดี่ยว

Hayden Herrera ผู้เขียนชีวประวัติของ Frida จดบันทึกในบทความของ Doyle New York ว่า Kahlo ได้ลงนามในจดหมายถึง Bartoli "Maara" นี่อาจเป็นชื่อย่อของชื่อเล่น "Maravillosa" และ Bartoli เขียนถึงเธอภายใต้ชื่อ "Sony" การสมคบคิดนี้เป็นความพยายามที่จะหลีกเลี่ยงความหึงหวงของดิเอโก ริเวรา

ตามข่าวลือ ศิลปินมีความสัมพันธ์กับ Isamu Noguchi และ Josephine Baker ริเวร่าที่นอกใจภรรยาอย่างเปิดเผยและไม่รู้จบ เมินเฉยต่อความบันเทิงของเธอกับผู้หญิง แต่ตอบโต้อย่างรุนแรงต่อความสัมพันธ์กับผู้ชาย

จดหมายของ Frida Kahlo ถึง José Bartoli ไม่เคยได้รับการตีพิมพ์ พวกเขาเปิดเผยข้อมูลใหม่เกี่ยวกับศิลปินที่สำคัญที่สุดคนหนึ่งของศตวรรษที่ 20

Frida Kahlo รักชีวิต ความรักนี้ดึงดูดผู้ชายและผู้หญิงมาที่เธอเหมือนแม่เหล็ก กระดูกสันหลังที่เสียหายทำให้นึกถึงตัวเองตลอดเวลาด้วยความเจ็บปวดอันแสนสาหัส แต่เธอพบความเข้มแข็งที่จะสนุกสนานจากใจและคลั่งไคล้ ในบางครั้ง Frida Kahlo ต้องไปโรงพยาบาลโดยสวมชุดรัดตัวพิเศษเกือบตลอดเวลา ฟรีด้าเข้ารับการผ่าตัดมากกว่า 30 ครั้งในช่วงชีวิตของเธอ

ชีวิตครอบครัวของฟรีดาและดิเอโกเต็มไปด้วยความหลงใหล พวกเขาไม่สามารถอยู่ด้วยกันได้ตลอดเวลา แต่ไม่เคยแยกจากกัน เพื่อนคนหนึ่งกล่าวว่าพวกเขามีความสัมพันธ์ "หลงใหล หมกมุ่น และเจ็บปวดในบางครั้ง" ในปีพ.ศ. 2477 ดิเอโก ริเวราได้นอกใจฟรีด้ากับคริสตินา น้องสาวของเธอ ซึ่งถ่ายรูปให้เขา เขาทำสิ่งนี้อย่างเปิดเผยโดยตระหนักว่าเขาดูถูกภรรยาของเขา แต่ไม่ต้องการทำลายความสัมพันธ์กับเธอ การระเบิดของฟรีด้านั้นโหดร้าย ภูมิใจที่เธอไม่ต้องการแบ่งปันความเจ็บปวดของเธอกับใครก็ตาม เธอแค่สาดมันลงบนผ้าใบ ผลที่ได้คือภาพถ่าย อาจเป็นเรื่องน่าเศร้าที่สุดในงานของเธอ: ร่างผู้หญิงเปลือยถูกตัดออกด้วยบาดแผลที่เปื้อนเลือด ข้างๆมีดในมือของเขาด้วยใบหน้าที่ไม่แยแสคนที่ทำบาดแผลเหล่านี้ “มีรอยนิดหน่อย!” - แดกดัน Frida เรียกว่าผ้าใบ หลังจากการทรยศของดิเอโก เธอตัดสินใจว่าเธอมีสิทธิ์ที่จะรักความสนใจ
สิ่งนี้ทำให้ริเวร่าโกรธ ยอมให้ตัวเองมีเสรีภาพ เขาไม่ทนต่อการทรยศของฟรีด้า ศิลปินที่มีชื่อเสียงอิจฉาริษยา ครั้งหนึ่งเมื่อจับภรรยาของเขากับประติมากรชาวอเมริกัน Isama Noguchi ดิเอโกก็ดึงปืนออกมา โชคดีที่เขาไม่ได้ยิง

ในตอนท้ายของปี 1939 ฟรีดาและดิเอโกหย่ากันอย่างเป็นทางการ “เราไม่เคยหยุดรักกันเลย ฉันแค่อยากจะทำในสิ่งที่ฉันต้องการกับผู้หญิงทุกคนที่ฉันชอบ”, - ดิเอโกเขียนไว้ในอัตชีวประวัติของเขา และฟรีด้ายอมรับในจดหมายฉบับหนึ่งของเธอ: “ฉันไม่สามารถแสดงออกได้ว่าฉันรู้สึกแย่แค่ไหน ฉันรักดิเอโกและความเจ็บปวดจากความรักของฉันจะคงอยู่ตลอดไป ... "

เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2483 ความพยายามลอบสังหารเมืองรอทสกี้ไม่ประสบความสำเร็จ ความสงสัยก็ตกอยู่ที่ดิเอโก ริเวรา พอเล็ตต์ ก็อดดาร์ดเตือน เขารอดพ้นจากการจับกุมอย่างหวุดหวิดและพยายามออกเดินทางไปซานฟรานซิสโก ที่นั่นเขาทาสีแผงขนาดใหญ่ที่วาดภาพก็อดดาร์ดถัดจากแชปลินและอยู่ไม่ไกลจากพวกเขา ... ฟรีด้าในชุดของผู้หญิงอินเดีย ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักว่าการแยกจากกันเป็นความผิดพลาด

ฟรีด้าต้องทนทุกข์ทรมานกับการหย่าร้างสภาพของเธอทรุดโทรมอย่างรวดเร็ว แพทย์แนะนำให้เธอไปรักษาที่ซานฟรานซิสโก ริเวร่ารู้ว่าฟรีด้าอยู่ในเมืองเดียวกันกับเขา มาเยี่ยมเธอทันทีและประกาศว่าเขาจะแต่งงานกับเธออีกครั้ง และเธอก็ตกลงที่จะเป็นภรรยาของเขาอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม เธอเสนอเงื่อนไขว่า พวกเขาจะไม่มีความสัมพันธ์ทางเพศ และพวกเขาจะแยกกันดำเนินกิจการทางการเงิน ร่วมกันจะจ่ายเฉพาะค่าใช้จ่ายในครัวเรือนเท่านั้น นี่เป็นสัญญาการแต่งงานที่แปลกประหลาด แต่ดิเอโกมีความสุขมากที่ได้ Frida กลับคืนมา เขาจึงลงนามในเอกสารนี้ด้วยความเต็มใจ

เรื่องราวความรักของ Frida Kahlo ศิลปินผู้แสดงออกถึงอารมณ์และนักจิตรกรรมฝาผนังผู้แปลกประหลาด ดิเอโก ริเวรา นั้นช่างน่าทึ่งและเต็มไปด้วยความรู้สึกจริงใจ เรื่องราวความรักของพวกเขาเป็นตัวอย่างที่น่าทึ่งของการที่คนที่รักแม้ต้องทนทุกข์ทรมานจากความเจ็บปวดทางกาย รู้วิธีที่จะนำเสนอสิ่งที่อยู่ข้างหน้า ไม่ใช่ประสบการณ์ของตัวเอง แต่เป็นความรู้สึกที่มีต่อบุคคลอื่น

พิชิตความเจ็บปวด

ในปี 1907 ในเม็กซิโกซิตี้ ศิลปินในอนาคต Frida Kahlo เกิดมาในครอบครัวของผู้อพยพชาวยิวและความงามแบบสเปน เด็กสาวที่มีชีวิตชีวาและเคลื่อนไหวได้ ซึ่งป่วยด้วยโรคโปลิโอเมื่ออายุได้ 6 ขวบ แม้ว่าเธอจะยังเป็นง่อยไปตลอดชีวิต แต่เธอก็ไม่สูญเสียบุคลิกลักษณะและความแข็งแกร่งทางจิตใจของเธอ

การทดสอบครั้งที่สองเตรียมไว้สำหรับเธอเมื่ออายุสิบแปดปี อันเป็นผลมาจากอุบัติเหตุร้ายแรงที่รถบัสกับฟรีดาพุ่งชน ร่างกายของเธอถูกกระแทกอย่างแท้จริง: กระดูกสันหลัง ซี่โครง และกระดูกเชิงกรานของเธอได้รับความเสียหาย ผลที่ตามมาจากโศกนาฏกรรมนี้จะคงอยู่กับฟรีดาไปตลอดชีวิต บังคับให้เธอต้องอยู่บนเตียงเป็นเวลาหลายปีโดยไม่เคลื่อนไหว เรียนรู้ที่จะอดทนและกลบความเจ็บปวดทางกายที่ทนไม่ได้ และเพื่อปลูกฝังความแข็งแกร่งทางจิตใจที่ไม่ธรรมดา

บางทีฟรีด้าอาจสืบทอดการรับรู้โดยนัยของชีวิตและความปรารถนาที่จะแสดงมันออกมาบนกระดาษในรูปของรูปภาพจากพ่อของเธอซึ่งเป็นช่างภาพ และภาพวาดที่ไม่ธรรมดาของเธอซึ่งเต็มไปด้วยความสว่างของสีและความอึมครึมของภาพ ได้กลายเป็นการแสดงออกถึงโลกของเธอ จิตวิญญาณและความเจ็บปวดของเธอ และความรอดของเธอ
แม้จะมีใบหน้าที่เฉียบคมและมีลักษณะเฉพาะของธรรมชาติ แต่ฟรีด้าก็มีแรงดึงดูดสำหรับผู้ชาย ความร่าเริง จิตใจที่เฉียบแหลม และอารมณ์ขันทำให้เธอไม่อาจต้านทานได้ เธอทำให้ผู้ชายหลงใหลในการพบกันครั้งแรก

เราจะรู้ได้อย่างไรว่าการประชุมเตรียมอะไรให้เราบ้าง

ดิเอโก ริเวรา สามีในอนาคตของฟรีด้าในแบบของเขามีความคล้ายคลึงกับผู้หญิงที่เขารักในความแตกต่างที่โดดเด่นในข้อมูลภายนอกที่มีความลึกและขนาดของบุคลิกภาพของเขา การเติบโตอย่างมาก งุ่มง่ามอย่างสมบูรณ์ มีผมที่ยื่นออกไปในทิศทางที่ต่างกัน แต่ติดต่อได้ผิดปกติในเสน่ห์ ความสามารถพิเศษ และความเย้ายวนของเขา เมื่อถึงเวลาที่เขาได้พบกับคาห์โล ดิเอโกก็เป็นที่รู้จักในฐานะนักจิตรกรรมฝาผนัง เขาได้รับค่าคอมมิชชั่นส่วนตัวสำหรับงานของเขาและดำเนินการค่าคอมมิชชั่นสาธารณะจากรัฐบาลเม็กซิโก

นอกเหนือจากอาชีพที่ประสบความสำเร็จในด้านศิลปะแล้ว ริเวร่ายังเป็นสมาชิกของพรรคคอมมิวนิสต์ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2465 ไปเยือนสหภาพโซเวียตหลายครั้งและเป็นผู้สนับสนุนแนวคิดคอมมิวนิสต์อย่างกระตือรือร้น ระดับบุคลิกภาพของเขาในแวดวงการเมืองนั้นชัดเจนมากจนวงการติดต่อของเขารวมถึงโคตรผู้น่าเคารพเช่นเช่น Vladimir Mayakovsky ที่มาเยี่ยมบ้านของเขาซ้ำแล้วซ้ำอีก

ขอบคุณภาพวาด Frida และ Diego ได้พบกัน หลังจากฟื้นกำลังหลังจากเกิดอุบัติเหตุ Kahlo ได้นำผลงานที่เขียนระหว่างอาการป่วยของเธอไปให้จิตรกรผู้มีเกียรติเพื่อประเมินผล “ผู้หญิงคนนี้เป็นศิลปินตั้งแต่แรกเกิด มีความอ่อนไหวเป็นพิเศษและสามารถสังเกตได้” ริเวร่ากล่าวถึงงานของคาห์โลในวัยหนุ่ม

ในช่วงเวลาที่พวกเขารู้จักกัน ดิเอโกมีอิสระและด้วยความยินดีก็ยอมมอบความรักให้กับศิลปินสาวผู้หยิ่งผยองคาห์โล ความแตกต่างของอายุยี่สิบปีเพิ่มความแปลกประหลาดให้กับคู่รักที่ไม่ธรรมดาอยู่แล้ว

ฟรีด้าและดิเอโกแต่งงานกันในปี 2472 แต่ถึงกระนั้นงานแต่งงานก็ผิดปกติ - ทันใดนั้นงานรื่นเริงก็กลายเป็นการยิงของเจ้าบ่าวที่แขกจากปืน ภรรยาสาวตกใจและตกใจมากจนต้องกลับไปหาพ่อแม่ แต่ดิเอโกได้รับการให้อภัยและพาภรรยาของเขาไป ชีวิตครอบครัวของพวกเขายังคงอยู่ในบ้าน ซึ่งต่อมากลายเป็นที่รู้จักในนาม "บ้านสีฟ้า" กลายเป็นสถานที่นัดพบสำหรับโบฮีเมียน ศิลปิน และการเคลื่อนไหวทางสังคมต่างๆ

ฉันไม่มีความสุขกับคุณ แต่ถ้าไม่มีคุณก็ไม่มีความสุข

ความสัมพันธ์ของทั้งคู่เต็มไปด้วยอารมณ์และความหลงใหล ซึ่งก็เหมือนสายน้ำที่มีพายุ ซึ่งอาจปลุกพวกเขาให้ตื่นขึ้นในคลื่นแห่งความรักที่ไม่มีใครควบคุม หรือทุบตีพวกเขาด้วยความเข้าใจผิดและการทะเลาะวิวาท การเป็นที่ชื่นชอบของผู้หญิงแม้หลังจากแต่งงานกับ Frida วัยยี่สิบปีแล้ว เขาไม่รีบร้อนที่จะเปลี่ยนชีวิตและเลิกกับแฟนเก่าของเขา ซึ่งนำความทุกข์ยากอันน่าเหลือเชื่อมาสู่ความภาคภูมิใจของผู้หญิงของ Kahlo ในทางกลับกัน เธอมีลิ้นที่เฉียบแหลมและถูกทัศนคติของเขาขุ่นเคือง ไม่ระงับอารมณ์ในการวิพากษ์วิจารณ์งานศิลปะของเขา

โศกนาฏกรรมอีกอย่างของทั้งคู่คือการไม่มีลูก Frida ไม่สามารถมีบุตรได้เนื่องจากอาการบาดเจ็บรุนแรงทำให้เธอไม่สามารถสัมผัสความสุขในการเป็นแม่ได้ เธอมักจะเรียกสามีของเธอว่าลูกคนโต โดยวาดภาพเขาในภาพวาดของเธอตอนยังเป็นทารก

การทรยศต่อสามีของเธอกับคาห์โลน้องสาวของเธอเป็นอีกเหตุการณ์หนึ่ง ภาพผู้หญิงที่ถูกตัดขาดและมีเลือดออกเป็นผลมาจากความทุกข์ทรมานของจิตวิญญาณของเธอจากการกระทำนี้ การทรยศของริเวอร์ผลักให้ฟรีด้าไปทำงานอดิเรกที่ด้านข้าง เมื่อพบว่าภรรยาของเขาอยู่ในอ้อมแขนของประติมากรชาวอเมริกัน ดิเอโกแทบจะอดใจไม่ไหวที่จะยิงทั้งสองคน

Leon Trotsky เพื่อนคนหนึ่งของ Diego ที่อาศัยอยู่ในบ้านของพวกเขาตกหลุมรัก Kahlo กลายเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ละครเรื่องนี้ตามมา รอทสกี้และภรรยาของเขาหนีไปเม็กซิโกจากรัสเซียในฐานะผู้อพยพที่น่าอับอาย และพบที่พักพิงในบ้านของริเวร่าและคาห์โล คอมมิวนิสต์รัสเซียถูกพาตัวไปโดยศิลปินที่ไม่ธรรมดาอย่างแท้จริง แต่นวนิยายเรื่องนี้ถูกกำหนดให้เปิดเผย Trotsky ออกจากบ้านของอดีตเพื่อนและถูกสังหารในถิ่นทุรกันดารของสลัมเม็กซิกัน

เราเลิกกันเพื่อกลับมาคบกันใหม่

ความสัมพันธ์ในครอบครัวแตกแยกมากขึ้นเรื่อย ๆ และในปี 2482 ทั้งคู่ตัดสินใจหย่าร้าง ฟรีด้าเดินทางไปอเมริกา พยายามลืมตัวเองในนิยายหลายเรื่อง แต่ไม่นานก็จบลงที่โรงพยาบาลด้วยอาการปวดกระดูกสันหลังของเธอ ภาพที่วาดในช่วงหย่าร้างแสดงให้เห็นว่าฟรีดาแสดงตัวเองในสองรูปแบบ - มีความสุขกับภาพลักษณ์ของดิเอโกและหักด้วยเข็มในมือของเธอ

เมื่อทราบอาการของคาห์โล ดิเอโกก็มาถึงโรงพยาบาลทันทีและ ... เสนอให้เธออีกครั้ง เธอยอมรับเขา แต่คราวนี้เธอตั้งเงื่อนไขแปลก ๆ - จะไม่มีการติดต่อกันทางกายภาพระหว่างพวกเขาและพวกเขาจะเป็นอิสระทางการเงินอย่างสมบูรณ์จากกันและกันยกเว้นการชำระเงินร่วมกันของบ้าน ดิเอโกต้องการให้ฟรีด้ากลับมามากจนยอมรับเงื่อนไขใดๆ ของเธอ เมื่อกลับไปบ้านเดียวกัน เขาได้รับข้อความแห่งความรักจากฟรีด้าเป็นประจำ ในปี 1940 งานแต่งงานครั้งที่สองของพวกเขาเกิดขึ้น

ในช่วงปีสุดท้ายของชีวิต Kahlo ได้จดบันทึกประจำวันซึ่งเต็มไปด้วยบันทึก บันทึกความทรงจำ และคำประกาศความรักที่มีต่อสามีของเธอ “ถ้าฉันมีสุขภาพ ฉันจะมอบทุกอย่างให้ดิเอโก” ฟรีโดเขียนเกี่ยวกับความรักหลักในชีวิตของเขา

ก่อนจากไป เธอจะเขียนสิ่งสุดท้ายที่ยังคงรั้งเธอไว้บนโลกใบนี้ ไม่ เธอไม่ทาสี เหมือนกวีตัวจริงที่เธอเคยอยู่ในชีวิตและในการวาดภาพ เธอจะหยิบปากกา และเหมือนผู้หญิงจริง ๆ ที่แม้จะกลัวก็ตาม เธอจะเขียนเพลงบัลลาดเกี่ยวกับความรัก:

…ในน้ำลาย

ในคราส

ในทุกบรรทัด

ครบทุกสี

ในเหยือกทั้งหมด

ในอกของฉัน

ภายนอก ภายใน...

DIEGO อยู่ในปากของฉัน ในใจฉันด้วยความบ้าคลั่งในความฝันของฉัน กระดาษซับในปลายปากกาด้วยดินสอ ในทิวทัศน์ ในอาหารที่เป็นโลหะ ในจินตนาการ ในโรคต่างๆ ในหน้าต่างร้านค้า กลอุบายของเขา ในตาของเขา ในปากของเขาในคำโกหกของเขา

ฟรีดา คาห์โล ถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2497 เธออยู่คนเดียวในบ้านของเธอใน Kayokan จดหมายที่มีการอุทธรณ์บทกวีนี้จะถูกส่งไปยังดิเอโกสองสามวันก่อนที่เขาจะตาย

สำหรับแฟน ๆ ทุกคนของงานของ Frida Kahlo มากขึ้น

FRIDA KALO และ DIEGO RIVERA

ศิลปินชาวเม็กซิกันที่มีชื่อเสียงถือเป็นคู่รักที่ไม่ธรรมดา: เธอเป็นผู้หญิงตัวเล็กสวยและอายุ 22 ปี; เขาเป็นคนอ้วนมากที่ได้แลกสิบห้าของเขา การแต่งงานของ "นกพิราบ" และ "ช้าง" ในขณะที่เพื่อนของพวกเขาเรียกพวกเขาลับหลังของพวกเขานั้นรุนแรงมาก: ความหึงหวง, การทรยศ, การตั้งครรภ์ที่ไม่ประสบความสำเร็จ ... ทั้งคู่แยกทางกัน แต่ในไม่ช้าก็ตระหนักว่าพวกเขาไม่สามารถอยู่ได้โดยปราศจากกันและกัน .

เป็นความรักที่แปลก แปลกสำหรับคนทั่วไป ภายนอกนั้นแตกต่างกันมาก - ริเวร่าตัวใหญ่มหึมาและฟรีด้าตัวเล็กผอมสูง 153 ซม. เธอยกโทษให้เขาทุกอย่าง: เมื่อถูกถามโดยเพื่อนที่อยากรู้อยากเห็นว่าเธอรู้เรื่องหนึ่งและอื่น ๆ และความสัมพันธ์ที่สามของสามีของเธอเธอพยักหน้าเงียบ ๆ แต่ไม่ทำอะไรเลยเพื่อให้คนรอบข้างเธอรู้สึกว่าเธอกลัว ที่จะรุกรานเขา อย่างไรก็ตาม ในแง่นี้ ตัวเธอเองไม่ได้ปราศจากบาป แต่เธอซ่อนสายสัมพันธ์ของเธอจากริเวร่าอย่างระมัดระวัง ซึ่งแสดงถึงความโกรธของเขา นอกจากผู้ชายหลายคนแล้ว ในบรรดาการเสพติดของเธอ ยังมีนักแสดงชื่อดังอย่าง Paulette Godard และ Dolores Del Rio รวมถึงช่างภาพหญิงชื่อดัง Tina Modotti แต่ดิเอโก้ต้องมาก่อนเสมอ

เขาเป็นนักจิตรกรรมฝาผนังที่โด่งดังที่สุดในยุคของเขา มีบุคลิกที่สำคัญ ในที่สุดก็เป็นคอมมิวนิสต์ และในปี 1929 ฟรีดาก็เข้าร่วมพรรคคอมมิวนิสต์ด้วย ดิเอโกเดินทางบ่อย เขาวาดภาพเฟรสโกในส่วนต่าง ๆ ของโลก ภรรยาของเขาตามเขาไปทุกหนทุกแห่ง เขาเป็นครูและนักเลงของเธอ เธอฟังคำพูดของเขา แสดงภาพเขาในภาพวาดของเธอหลายชิ้น ความคิดสร้างสรรค์และดิเอโกผูกพันกับเธออย่างแน่นแฟ้น และริเวร่าเชื่อว่าพลังสร้างสรรค์ของผู้หญิงในงานศิลปะเป็นสิ่งแรกที่ภรรยาของเขาแสดงออกอย่างแท้จริง เขายังวาดภาพเธอหลายครั้งบนภาพเฟรสโกในฐานะนักสู้ของกองพลคอมมิวนิสต์

เมื่อเธอเสียชีวิต ริเวร่าร้องไห้อย่างขมขื่น: "จนกระทั่งฟรีด้าเสียชีวิต ฉันไม่รู้ว่าฉันรักเธอมากขนาดนี้"

มีการเขียนนวนิยายและผลงานประวัติศาสตร์ศิลปะหลายสิบเรื่องเกี่ยวกับเธอ มีการแสดงละครและโอเปร่า และมีการถ่ายทำภาพยนตร์สามเรื่องพร้อมกัน แต่ทั้งหมดนี้เป็นเพียงความพยายามที่จะเข้าใจแก่นแท้เพื่อไขสิ่งสำคัญ - ความลับของแรงดึงดูดที่มีมนต์ขลัง ในระดับหนึ่งมันก็ถึงจุดที่ไร้สาระ "Freedomania" ได้กวาดล้างโลกตะวันตก นักสตรีนิยมชาวอเมริกันเรียกเธอว่าผู้เบิกทาง ไบเซ็กชวลชื่นชมเธอ ศิลปินเซอร์เรียลลิสต์ลงทะเบียนศิลปินในค่าย ภาพวาดของ Kal มีมูลค่าประมาณหลายล้านดอลลาร์ โอ้ ผู้หญิงที่ร่าเริงคนนี้จะรู้สึกสนุกได้อย่างไรเมื่อรู้ว่าเธอถูกเทิดทูนไว้กับเหล่าทวยเทพ และบางทีเธออาจจะหันหลังให้กับความสุขเหล่านี้อย่างภาคภูมิใจ เพราะเธออาศัยอยู่ในโลกที่ทุกสิ่งเป็นจริง ทั้งความเจ็บปวด ศิลปะ ความรัก

ชื่อ Frida ซึ่งแปลว่า "สันติภาพ" ในภาษาเยอรมัน มอบให้โดยพ่อของเธอ Guillermo (Wilhelm) Kahlo ชาวยิวฮังการีที่เดินทางจากเยอรมนีไปยังเม็กซิโกเพื่อค้นหาชีวิตที่ดีขึ้น ที่นี่เขามีชื่อเสียงในฐานะช่างภาพ แต่งงานกับมาธิลเด คัลเดรอน อี กอนซาเลซ ซึ่งให้กำเนิดลูกสี่คนแก่เขา สำหรับครอบครัวใหญ่ของเขา Guillermo ได้สร้าง "บ้านสีฟ้า" หลังใหญ่ ซึ่งเป็นบ้านในฝัน - ในเขตชานเมืองของเมืองหลวงของเม็กซิโกใน Cayocan ในนั้นเมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2450 แมเดลีนคาร์เมนฟรีด้าเกิด แน่นอน Guillermo ฝันถึงลูกชาย แต่ลูกชายคนเดียวที่ภรรยาของเขาให้กำเนิดเสียชีวิตและพ่อก็โอนความรักทั้งหมดไปยังลูกสาวของเขา เด็กสาวกลัวแม่และเรียก "เจ้านายของฉัน" และรักพ่อของเธออย่างสุดหัวใจ เธอเริ่มหุนหันพลันแล่น กระสับกระส่ายแบบเด็ก ๆ และเป็นอิสระ เด็กสาวขี้สงสัยมักจะไปกับพ่อของเธอในกองถ่ายและเฝ้าดูงานของเขาอย่างมีความสุข

ฟรีดาวัย 7 ขวบคิดว่าเธอได้รับบาดเจ็บสาหัสที่ขา “บนรากไม้หนาทึบและล้มลงด้วยความเจ็บปวด” ในการเดินครั้งหนึ่งเหล่านี้ จากวันนั้นไปจนสิ้นชีวิต เธอต้องอยู่ในโลกแห่งความเจ็บปวดอย่างไม่ลดละ การวินิจฉัยของแพทย์ไม่สนับสนุน - โปลิโอไมเอลิติส เกือบหนึ่งปีที่เธอไม่ได้ออกจากบ้าน: เท้าขวาของเธอลีบ ขาของเธอก็บางลงและสั้นลง แต่เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ที่กล้าหาญฝึกฝนอย่างหนัก และอีกหนึ่งปีต่อมาเธอเล่นฟุตบอลกับพวกเด็กๆ และกระทั่งรวมกลุ่มกับแก๊งข้างถนนที่วิ่งไปรอบๆ สวน และทำให้ครูที่ชั่วร้ายสกปรก ถุงน่องเสริมสำหรับขาขวาและไม่มีการฉีกขาดในที่สาธารณะและไม่เจ็บปวดบนใบหน้า ไม่นานทุกคนก็ลืมไปว่าครั้งหนึ่งเคยล้อเธอว่า "ฟรีด้าเป็นขาไม้" เด็กสาวกลายเป็นสาวงามสง่าด้วยดวงตาสีดำสนิทใต้คิ้วหนาทึบและผมสีดำหรูหรา เธอเป็นมิตร ยิ้มเสมอ เธอดึงดูดความสนใจด้วยเสน่ห์ที่ซ่อนอยู่ซึ่งแสดงออกอย่างเต็มที่เมื่อฟรีดากลายเป็นผู้หญิง เธอไม่ได้จมปลักอยู่กับความต่ำต้อยของเธอ ไม่ซับซ้อน และบางทีนั่นอาจเป็นเหตุผลว่าทำไมชายหนุ่มที่มีเสน่ห์และฉลาดที่สุดจากโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาแห่งชาติ Alejandro Gomez Arias จึงตกหลุมรักเธอ ฟรีด้าศึกษาที่นั่นตั้งแต่ปี พ.ศ. 2465 หลังจากผ่านการตรวจร่างกายอย่างจริงจังและเตรียมตัวเป็นหมอ สิ่งนี้ไม่เคยได้ยินมาก่อนสำหรับผู้หญิงเม็กซิกัน แต่คนรอบข้างเข้าใจมานานแล้วว่าเด็กฉลาดคนนี้สามารถทำทุกอย่างได้ และเธอจะสร้างชีวิตในแบบที่เธอต้องการโดยไม่คำนึงถึงความคิดเห็นของคนอื่น

นักสังเกตการณ์ Frida มองหาความงามในทุกสิ่ง ครั้งหนึ่ง เป็นเวลาหลายชั่วโมง เธอเฝ้าดูการขีดเส้นบนกำแพงอย่างมั่นใจ การที่สีมารวมกันภายใต้พู่กันของนักจิตรกรรมฝาผนัง ดิเอโก ริเวรา (ซึ่งไม่ได้หยุดเธอจากการหยอกล้อเขาในภายหลังพร้อมกับนักเรียนที่เหลือ) แต่วันหนึ่ง Kahlo บอกเพื่อนของเธอว่า "เธอจะแต่งงานกับผู้ชายคนนี้อย่างแน่นอนและให้กำเนิดลูกชายของเขา" อาจเป็นไปได้ว่าส่วนแรกของวลีนั้นฟังในเวลาที่กำหนดในอนาคตคำพูดของเธอก็เป็นจริง

แต่ในขณะที่เธอกำลังออกเดทกับอเลฮานโดร พวกเขาเห็นกันทุกวันและเขียนถึงกันทุกวันเพราะร่าเริงเปิดกว้างสู่ความสุข Frida ต้องการมาก เมื่อวันที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2468 คู่รักที่รักกันได้ขึ้นรถบัสที่แออัดซึ่งชนกับรถรางที่สี่แยกที่ใกล้ที่สุด Alejandro ถูกโยนผ่านหน้าต่าง เขายังคงไม่เป็นอันตรายและรีบไปหาหญิงสาว เธอนอนโดยไม่มีวี่แววของชีวิต: "ราวจับแทงฉันเหมือนดาบแทงวัว" ชายหนุ่มโดยไม่เสียความสงบเลยสักนิด ย้ายเธอไปที่โต๊ะบิลเลียดที่นำออกจากร้านกาแฟ และชายบางคนก็ดึงเหล็กออกจากร่างของเธอ “ฟรีด้ากรีดร้องมากจนเธอกลบเสียงไซเรนของรถม้ากาชาดที่มาถึง”

หมอไม่ได้ให้ความหวังกับเธอ อาการบาดเจ็บสาหัสมาก: “กระดูกสันหลังส่วนเอวที่สี่และห้าแตกหัก, กระดูกเชิงกรานหักสามอัน, ขาขวาหัก 11 อัน, ความคลาดเคลื่อนของข้อศอกซ้าย, บาดแผลลึกในช่องท้อง, เกิดจากแท่งเหล็กซึ่งเข้ามา ต้นขาซ้ายและออกทางช่องคลอด เยื่อบุช่องท้องอักเสบเฉียบพลัน ความมีชีวิตชีวาในวัยเยาว์เอาชนะความตายได้ แต่ดูเหมือนว่าไม่มีอะไรสามารถยกร่างที่ถูกทำลายให้ลุกขึ้นยืนได้ ฟรีดานอนมองเพดานเปล่าๆ และฟังความเจ็บปวดของเธอ จนซิสเตอร์มาทิลด้ามีความคิดที่จะติดไม้ฝากับเตียงและแม้กระทั่งกระจกเพื่อให้ผู้ป่วยมองเห็นตัวเองได้

"กระจกเงา! เพชฌฆาตของวันของฉัน คืนของฉัน... มันศึกษาใบหน้าของฉัน การเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อย รอยพับของแผ่นงาน โครงร่างของวัตถุสว่างที่ล้อมรอบฉัน เป็นเวลาหลายชั่วโมงที่ฉันรู้สึกได้ว่าเขาจ้องมองมาที่ฉัน ฉันเห็นตัวเอง Frida ข้างใน Frida ข้างนอก Frida ทุกหนทุกแห่ง Frida ไม่มีที่สิ้นสุด... และทันใดนั้นภายใต้อำนาจของกระจกอันทรงพลังนี้ความปรารถนาอันบ้าคลั่งก็มาหาฉันเพื่อวาดภาพ ฉันมีเวลามากพอที่จะไม่เพียงแค่วาดเส้นเท่านั้น แต่ยังต้องเติมให้เต็มด้วย ให้ความหมาย รูปแบบ เนื้อหา เพื่อให้เข้าใจพวกเขา ตื้นตันกับพวกเขา หลอมรวม งอ ฉีก ผูก... และเช่นเดียวกับศิลปินมือใหม่ ฉันเลือกรูปแบบเดียว - ตัวฉันเอง มีคนถามฉันบ่อยครั้งว่าทำไมฉันถึงยืนกรานที่จะวาดภาพเหมือนตนเอง ประการแรก ฉันไม่มีทางเลือก และนี่อาจเป็นเหตุผลหลักสำหรับความมั่นคง ซึ่งฉันได้กล่าวถึงประเด็นเกี่ยวกับบุคลิกภาพของตัวเองในงานทั้งหมดของฉัน ... "

ในภาพเหมือนตนเองครั้งแรกที่บริจาคโดย Alejandro Frida ปรากฏเป็นสาวในอุดมคติ - สวยงาม เฉยเมย เธอมองตรงเข้าไปในดวงตาของเธอ พ่อแม่ส่งชายหนุ่มไปยุโรปเพื่อแยกเขาออกจากคู่รักที่ถูกทำร้าย เมื่อเขากลับมาในปี 2470 ฟรีด้าก็ลุกขึ้นยืน แม้จะมีการต่ออายุมิตรภาพที่ใกล้ชิดของพวกเขา Alejandro แต่งงานกับผู้หญิงอีกคนหนึ่ง Kahlo เริ่มสนใจการวาดภาพอย่างจริงจังและเข้าร่วมชีวิตทางการเมืองและศิลปะของเม็กซิโกซิตี้ด้วยความไม่ย่อท้อที่ไม่ย่อท้อของเธอ สวมชุดสูทผู้ชาย (อาจเป็นความพยายามที่จะปลอมตัวรัดตัวที่เธอถูกบังคับให้สวม) ซึ่งดูหรูหรามากสำหรับเธอ เธอปรากฏตัวในการประชุมและงานเลี้ยงที่อัดแน่นไปด้วยผู้คน และพบปะกับผู้คนหลากหลายได้อย่างง่ายดาย มักจะเห็นเธอกับดิเอโก ริเวรา อยู่มาวันหนึ่ง เธอเดินเข้าไปหาศิลปินชื่อดังที่กระทรวงศึกษาธิการอย่างกล้าหาญ ซึ่งเขาทาสีผนัง บังคับให้เขาลงจากนั่งร้านเพื่อ "ฟังความคิดเห็นที่ตรงไปตรงมา" เกี่ยวกับงานของเขา ริเวร่าค่อนข้างประหลาดใจกับทักษะนี้ (Kalo ไม่ได้เรียนการวาดภาพเป็นพิเศษ) และความคิดริเริ่มของงาน เขาพูดว่า "ไป. เจตจำนงของคุณจะนำคุณไปสู่สไตล์ของคุณเอง” และขอเยี่ยมชมเพื่อดูงานที่เหลือ เป็นเพียงข้อเสนอแนะ...

Diego Rivera เกิดเมื่อวันที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2429 ในเมืองกวานาวาโตในครอบครัวผู้ตรวจการโรงเรียน ตัวละครที่กระสับกระส่ายของเขาแสดงออกในวัยเด็ก - เขาวาดภาพทุกที่: บนกระดาษ บนหน้าปกหนังสือของพ่อของเขา บนวอลล์เปเปอร์ เด็กชายอาศัยอยู่ราวกับอยู่ในสองมิติ แห่งหนึ่งคือโรงเรียนที่เขาไปเรียน เพื่อนฝูง เล่นบอลและแกล้งเด็ก อีกแห่งคือโลกของอาคารเก่าแก่ที่เคยเป็นโรงพยาบาล แต่ตอนนี้เป็นที่ตั้งของสถาบันวิจิตรศิลป์ ดิเอโกเข้าเรียนในชั้นเรียนภาคค่ำที่สถาบันการศึกษาเป็นเวลาหกปี จากนั้นก็มาเป็นนักเรียนของเธอ ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อนักเรียนคนอื่นๆ วาดรูปมนุษย์อย่างเชื่อฟัง ดิเอโกพยายามสร้างให้เป็นรูปเรขาคณิต ไม่น่าแปลกใจที่ริเวร่ากบฏผู้ภาคภูมิใจเมื่อทะเลาะกับผู้อำนวยการสถาบันการศึกษาจึงตัดสินใจศึกษาตัวเอง:“ ธรรมชาติชีวิต!”

เมื่อชายหนุ่มอายุ 23 ปี เขาออกไปเรียนและทำงานที่สเปน แต่ภาพที่วาดในสมัยนั้นไม่ถูกใจศิลปินรุ่นเยาว์ พวกเขาดูเหมือนเขาเป็นนักเรียนเลียนแบบ เขาอยู่ที่ไหน ดิเอโก ริเวร่า? จากนั้นเขาก็ไปปารีสเพื่อพบกับพวกสมัยใหม่ ที่นั่นเขาได้พบกับศิลปินที่มีความสามารถจากเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก Angelina Belova และในไม่ช้าก็แต่งงานกับเธอ ชีวิตครอบครัวทำให้เขามีน้อยและความจริงที่ว่าภรรยาของเขาคาดหวังว่าจะมีลูกก็ไม่สนใจเขา เขาทำงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย มองหาความบันเทิง ดูผู้หญิง หนึ่งในนั้นคือศิลปิน Maria Stebelskaya ที่แปลกประหลาดและหลงใหลเหมือนเขา ความรักที่รุนแรงเริ่มต้นขึ้น จบลงด้วยการที่ดิเอโกทิ้งภรรยาของเขา และในไม่ช้าหลังจากได้รับคำสั่งซื้อจำนวนมากในเม็กซิโกเขาก็เดินทางกลับบ้านเกิดอย่างสมบูรณ์

ริเวร่าเป็นศิลปินที่เชื่อมโยงกับชีวิตสาธารณะอย่างแยกไม่ออก ในเม็กซิโก เขาเข้าร่วมกับกลุ่มประชานิยม ร่วมกับ David Siqueiros และนักจิตรกรรมฝาผนังคนอื่นๆ ได้ก่อตั้ง "สมาคมศิลปิน" ในเวลาเดียวกัน เขาเริ่มทำงานในคณะกรรมการที่กระทรวงศึกษาธิการซึ่งทำให้เขามีชื่อเสียงไปทั่วโลก ดิเอโกยังมีส่วนร่วมในการตีพิมพ์หนังสือพิมพ์ Machete ซึ่งเป็นกลุ่มหัวรุนแรงที่เต็มไปด้วยการ์ตูนและบทกวีโฆษณาชวนเชื่อ ซึ่งไม่ใช่ทุกคนที่เห็นด้วย เขามักถูกข่มขู่ด้วยความรุนแรง แต่เขากลับหัวเราะเท่านั้น อย่างไรก็ตาม เมื่อนักเรียนเริ่มทุบภาพวาดของเขา ริเวร่าปฏิเสธหนังสือพิมพ์ซุบซิบเกี่ยวกับตัวเองและออกจากองค์กร

ชีวิตส่วนตัวของเขาก็วุ่นวายไม่แพ้กัน ในปีพ.ศ. 2465 โชคชะตานำพาดิเอโกมาที่กัวดาลูป มาริน ซึ่งทำให้เขาลืมผู้หญิงคนอื่นๆ ไปชั่วขณะหนึ่ง แต่อารมณ์ที่รุนแรงของทั้งสองฉากของความหึงหวงและเรื่องอื้อฉาวนำไปสู่การหย่าร้างซึ่งคู่สมรสไม่ได้ถูกเก็บไว้โดยลูกสาวสองคนที่เกิดในการแต่งงานครั้งนี้ เขาเป็นอิสระอีกครั้ง เต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์และความหวัง ในเวลานี้เองที่ริเวร่าประทับใจกับความงามอันน่าพิศวงของฟรีดา คาห์โล

เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2472 ฟรีดาวัย 22 ปีและดิเอโกวัย 43 ปีแต่งงานกัน ตัวใหญ่ อ้วน ตาโปนเหมือนคางคก เขาบุกเข้ามาในชีวิตของ Kal o "ราวกับลมหมุนหลากสีที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจ" ในทางกลับกัน ริเวร่าถูกปราบโดยหญิงสาวผู้งดงามและสง่างามมาก เธอเป็นส่วนผสมที่มีชีวิตชีวาของวัฒนธรรมตะวันตกและอารมณ์แบบเม็กซิกัน คนที่เรียกสหภาพของพวกเขาว่าลึกลับ เมื่อพิจารณาว่าเป็นการเล่นตลกอีกครั้ง เข้าใจผิดอย่างมหันต์ หลายปีต่อมา Kahlo จะพูดเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้ว่า “ในชีวิตของฉันมีอุบัติเหตุสองครั้ง ครั้งหนึ่งคือตอนที่รถบัสชนกับรถราง อีกเรื่องคือดิเอโก และเมื่อพูดถึงการรวมตัวของเรากับดิเอโกบางทีอาจยิ่งใหญ่ แต่ก็ยังศักดิ์สิทธิ์ฉันจะพูดว่า: มันคือความรัก

อย่างไรก็ตาม ริเวร่าไม่เคยเป็นสามีที่ซื่อสัตย์ และฟรีด้าก็ให้อภัยเขามากมาย แต่ตัวเขาเองก็อิจฉาริษยาอย่างมาก

อยู่มาวันหนึ่ง เมื่อพบภรรยาของเขาในการประชุมเชิงปฏิบัติการเพียงลำพังกับประติมากร Isaama Noguchi เขาเกือบจะยิงเพื่อนผู้น่าสงสารคนนั้น ด้วยจิตวิญญาณและร่างกายทั้งหมดของเธอ คาห์โลจึงผูกพันกับชายที่ดื้อรั้นของเธอ แม้จะเจ็บปวดแสนสาหัส แต่เธอก็พาเขาไปนิวยอร์กและดีทรอยต์ซึ่งเขาแสดงภาพวาด และเธอทำงานมากเท่าที่สุขภาพของเธออนุญาต ฟรีด้าฝันถึงเด็กด้วย แต่อาการบาดเจ็บจำนวนมากไม่ได้ทำให้เธอมีความสุขในการเป็นแม่ - การตั้งครรภ์สองครั้งจบลงด้วยการแท้งบุตร

แต่ริเวร่าไม่ได้โศกเศร้ากับการสูญเสียลูกๆ กับภรรยาของเขา และไม่รู้สึกถึงความต้องการพวกเขา เขามีภรรยาสองคนและนายหญิงคนหนึ่ง เขามีลูกสาวสามคน ซึ่งเขาไม่เคยสนใจเลย สำหรับฟรีด้า นี่คือการล่มสลายของอีกความฝันหนึ่ง โศกนาฏกรรม เด็ก ๆ ปรากฏในภาพวาดของเธอ แต่ส่วนใหญ่มักจะตาย และแม้ว่าสิ่งมีชีวิตและภูมิประเทศส่วนใหญ่จะเต็มไปด้วยแสงแดดและแสง และผลงานชิ้นสุดท้ายเรียกว่า "ชีวิตยืนยาว!" ซึ่งเป็นภาพวาดของทศวรรษที่ 1930 เต็มไปด้วยความเจ็บปวด ความสิ้นหวัง และสัญลักษณ์แห่งความสิ้นหวังที่น่ากลัว แต่การเอาชนะความทุกข์ทรมานอันเจ็บปวด Frida ไม่เคยเกี่ยวข้องกับปัญหาอื่น ๆ ของเธอเลย เธออยู่ในบริษัทต่างๆ เต็มไปด้วยอารมณ์ขัน หัวเราะอย่างแพร่ระบาด เยาะเย้ยตัวเอง และในงานศิลปะ เธอเป็นคนตรงไปตรงมา ตรงไปตรงมา และจริงจังมาก เธอแสดงภาพ "ความเป็นจริงของเธอเอง" โดยปราศจากอุปสรรคทางศีลธรรมหรือความงาม และไม่ยิ้มให้กับภาพเหมือนตนเองใดๆ ของเธอ มีเพียงพวกเขาเท่านั้นที่สามารถกำหนดค่าใช้จ่ายในการดำรงชีวิต

2477 เป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากสำหรับครอบครัว: การตั้งครรภ์ยากครั้งที่สามของฟรีดาสิ้นสุดลงด้วยการแท้งบุตรอีกครั้ง แพทย์ได้ถอดไส้ติ่งของเธอออก และตัดนิ้วเท้าขวาของเธอ ดิเอโกบ่นว่าการรักษาของภรรยาของเขา "ทำให้เขาติดค้าง" ยิ่งไปกว่านั้น หลังจากมีเรื่องวุ่นวายกับประติมากรหลุยส์ เนเวลสัน เขาล่อลวงคริสตินา น้องสาวของคาห์โล เธอไม่สามารถให้อภัยสิ่งนี้ สถานะของ "สงครามเย็น" ยืดเยื้อมานานหลายปี และฟรีด้าก็เริ่มปล่อยให้ตัวเองมีเสรีภาพ ประติมากร Isaama Noguchi กวี Carlos Pelicer ช่างภาพ Nicholas Murray และนักสะสมงานศิลปะ Heinz Berggruen หลงใหลในความมหัศจรรย์ของผู้หญิงที่ไม่ถูกยับยั้ง ชีวิตครอบครัวกลายเป็นนรกและฟรีด้าไปที่อพาร์ตเมนต์อื่นก่อนแล้วจึงไปนิวยอร์ก เธอเตรียมตัวสำหรับการพักผ่อนที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่เธอไม่สามารถอยู่ห่างจากดิเอโกได้เป็นเวลานาน เขาเป็นความสุขที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเธอและความเศร้าโศกที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเธอ

ในปีพ.ศ. 2480 รัฐบาลเม็กซิโกตามคำร้องขอของริเวร่า ได้อนุญาตให้ลีออง ทรอตสกี้ ลี้ภัยการเมืองซึ่งถูกสตาลินขับออกจากสหภาพโซเวียต ดิเอโกอยู่ในโรงพยาบาล และ "ทริบูนแห่งการปฏิวัติรัสเซีย" กับนาตาเลียภรรยาของเขาได้พบกับฟรีด เธอวางไว้ใน "บ้านสีฟ้า" ที่ว่างเปล่าของเธอ และเกือบจะในทันทีที่หลงรักนักปฏิวัติเก่า ซึ่งตกหลุมรักเหมือนนักเรียนมัธยมปลาย

ชีวิตของเขาในฐานะผู้ถูกเนรเทศไม่อนุญาตให้มีความสนุกสนานหรือเรื่องไร้สาระที่ Kahlo เปล่งประกาย ความเจ้าชู้เบาปกคลุมไปด้วยความลึกลับ โน้ตที่หลงใหลถูกส่งไปในหนังสือพวกเขาสื่อสารเป็นภาษาอังกฤษซึ่งดิเอโกและนาตาเลียไม่รู้ รักด้วยตา - Frida กังวลทั้งหมดนี้ซึ่งเคยแสดงความรู้สึกของเธออย่างเปิดเผย จากนั้นก็มีการนัดพบส่วนตัวแบบลับๆ ที่ที่ดินชนบทของซาน มิเกล เรกลา อย่างไรก็ตาม ผู้ชายที่ฉลาดผิดปกติคนนี้ แม้ว่าเขาจะเป็นคนที่แข็งแกร่งและมีเสน่ห์ แต่ก็ไม่สามารถแทนที่ริเวร่าได้ เพื่อนคนหนึ่งของเธอได้ยินว่าฟรีด้าเบื่อเรื่องลับๆ แล้วอุทานว่า "ฉันเบื่อชายชราคนนี้แล้ว!" ดิเอโกซึ่งเหมาะสมกับสามีที่มั่นใจในตนเองเป็นคนสุดท้ายที่รู้เกี่ยวกับการทรยศ นักประวัติศาสตร์บางคนเชื่อว่าหากนักวาดภาพจิตรกรรมฝาผนังชื่อดังได้รับข้อมูลเกี่ยวกับการจีบของภรรยาของเขาในทันที สตาลินก็ไม่ต้องส่งนักฆ่าด้วยการเลือกน้ำแข็งไปที่ทรอตสกี้ในปี 2483 - ดิเอโกจะส่งเขาไปยังโลกหน้าเมื่อสามปีก่อน ...

ชีวิตครอบครัวดูเหมือนว่า Frida จะผ่านพ้นไปแล้ว เธอเบื่อความหึงหวงและนอกใจของสามี เธออุทิศตนอย่างเต็มที่ให้กับความคิดสร้างสรรค์และทำงานหนัก เตรียมนิทรรศการครั้งแรกซึ่งจัดขึ้นที่นิวยอร์กในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2481 มีการจัดแสดงภาพวาด 25 ภาพที่ Julien-Levy Gallery: “แม้ฉันจะไม่อารมณ์ดี แต่ฉันก็ถูกจับกุม ด้วยความรู้สึกอิสระที่หาได้ยากจากการที่จู่ๆ ฉันก็พบว่าตัวเองอยู่ไกลจากดิเอโก ฉันต้องการที่จะสลัดความกดดันทางอารมณ์ของเขา ลองใช้เสน่ห์ของฉันและยืนยันตัวเอง ฉันต้องดูเลอะเทอะกับทุกคน ไม่อายเลย เธอย้ายจากชายคนหนึ่งไปยังอีกคนหนึ่ง เย็นวันนั้น เมื่อนิทรรศการเปิด ฉันรู้สึกตื่นเต้นมาก เธอแต่งตัวตามเก้า และมันก็ทำให้กระเซ็น แกลเลอรี่เต็มไปด้วยผู้คน ผู้คนต่างพากันไปที่ภาพวาดของฉัน ซึ่งทำให้พวกเขาตกใจ มันเป็นความสำเร็จอย่างสมบูรณ์…” ขายงานของ Kahlo ครึ่งหนึ่ง

เมื่อตื่นขึ้นเธอไปฝรั่งเศสซึ่ง "บิดาแห่งสถิตยศาสตร์" Andre Breton จัดนิทรรศการ "All Mexico" เขานำเสนอไม่เพียง แต่งานของ Frida เท่านั้น แต่ยังรวมถึงวัตถุของลัทธิอินเดียและงานฝีมือพื้นบ้านด้วย นิทรรศการไม่ประสบความสำเร็จในเชิงพาณิชย์ (แต่พิพิธภัณฑ์ลูฟร์ซื้อภาพวาดหนึ่งภาพโดย Kahlo) แต่งานศิลปะของเธอและตัวเธอเองกลายเป็นความรู้สึกในปารีสที่เต็มไปด้วยศิลปะ เอกลักษณ์และความลึกลับของหญิงสาวชาวเม็กซิกันทิ้งร่องรอยลึกลงไปในความทรงจำของชาวโบฮีเมียน และปาโบลปีกัสโซที่ตกใจได้สารภาพกับริเวร่าในจดหมาย: "... ทั้งคุณดิเอโกที่รักและฉันก็วาดรูปหน้าเหมือน Frida Kahlo ไม่ได้"

ในเวลานั้นศิลปินตกลงที่จะหย่าร้างจากสามีของเธอ แต่ยังคงรักเขาอย่างเจ็บปวด:“ ไม่มีใครจะเข้าใจว่าฉันรักดิเอโกมากแค่ไหน ฉันต้องการสิ่งเดียวเท่านั้น: ไม่มีใครทำร้ายเขาและไม่รบกวนเขา ไม่กีดกันพลังงานที่เขาต้องการในการมีชีวิตอยู่ ใช้ชีวิตในแบบที่เขาชอบ ... ถ้าฉันมีสุขภาพดีฉันจะมอบให้ดิเอโก้ทั้งหมด ... "

เพื่อกลบความเจ็บปวดจากการพลัดพราก Frida ทำงานอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ฤดูหนาว ค.ศ. 1939–1940 เธอวาด "ภาพเหมือนตนเองกับลิง", "ภาพเหมือนตนเองด้วยการตัดผมสั้น", "ภาพเหมือนตนเองของหนามและนกฮัมมิงเบิร์ด" เธอรู้สึกเหงาแม้ว่าเธอไม่เคยได้รับความทุกข์ทรมานจากการขาดความสนใจจากผู้ชาย ผู้หญิงก็ไม่สนใจเธอเช่นกัน อย่างไรก็ตาม เธอปกปิดการผจญภัยของเธออย่างระมัดระวังจากดิเอโก โดยตระหนักดีถึงความหึงหวงของเขา

คู่สมรสไม่สามารถอยู่ด้วยกันได้เสมอ แต่ไม่เคยแยกจากกัน ในตอนท้ายของปี 2482 พวกเขาหย่าร้างและในเดือนธันวาคม 2484 พวกเขาก็แต่งงานกันอีกครั้งเพื่อไม่ให้พรากจากกัน เป็นครั้งแรกที่คาห์โลเสนอเงื่อนไขหลายประการ: ไม่อิจฉาริษยาและการทรยศ ความอดทน ความเป็นอิสระทางวัตถุ “ฉันมีความสุขมากที่ได้รับ Frida กลับมา และฉันก็ยอมทำทุกอย่าง” ริเวร่าเล่า พวกเขาอยู่ด้วยกันอีกครั้ง "และตลอดไปโดยไม่มีการทะเลาะวิวาทโดยไม่มีอะไรเลวร้าย - เพียงเพื่อจะรักกันมาก"

ชีวิตของผู้หญิงได้รับความมั่นคง การเสพติดความรักอันเจ็บปวดของดิเอโกได้เติบโตขึ้นเป็นความรู้สึกสงบ ฟรีด้ายังคงวาดรูปต่อไป และตั้งแต่ปี 1942 เธอร่วมกับสามีของเธอ เธอเริ่มสอนที่โรงเรียนศิลปะเอสเมรัลดา สุขภาพของเธอล้มเหลวบ่อยขึ้น เครื่องรัดตัว - ปูนปลาสเตอร์, หนัง, เหล็ก (บางตัวหนักถึง 20 กก.) - รองรับเฉพาะร่างกายที่ทนทุกข์ทรมานของเธอเท่านั้น แต่ความเจ็บปวดก็ไม่ลดลง ในปีพ.ศ. 2488 การผ่าตัดกระดูกสันหลังในนิวยอร์กในอีกหนึ่งปีต่อมา - ในเม็กซิโกซิตี้และความเจ็บปวดที่สูงเกินไปซึ่งบรรเทาได้ด้วยมอร์ฟีนในปริมาณมากเท่านั้นและถึงแม้จะทนไม่ได้ ผลงานของเธอในช่วงเวลานี้เต็มไปด้วยความทรมาน ความงาม และสัญลักษณ์: ในภาพวาด "เสาหัก" ฟรีด้าเปลือยกายกำลังร้องไห้ ร่างกายของเธอถูกรัดด้วยเครื่องรัดตัวโลหะถูกผ่า เผยให้เห็นเสาโบราณที่หักแทนที่จะเป็นกระดูกสันหลัง

คาห์โลกังวลเรื่องความตายมากขึ้นเรื่อยๆ กองกำลังทางกายภาพกำลังหมดลงและบางครั้งกองกำลังฝ่ายวิญญาณก็ไม่สามารถต้านทานได้ ตั้งแต่ 1950 ถึง 1951 เธอเข้ารับการผ่าตัดกระดูกสันหลังเจ็ดครั้ง (รวมเป็น 32 ครั้งในชีวิตของเธอ) พยายามฆ่าตัวตายหลายครั้ง และครั้งหนึ่ง ถูกผลักดันไปสู่ความสิ้นหวัง เกือบจะเผาตัวเองทั้งเป็น ในการเรียกพยาบาลครั้งแรก ดิเอโกออกจากงานและรีบไปที่ "บ้านสีฟ้า" ไปที่ห้องนอนเล็ก ๆ ที่ซึ่งผีเสื้อสีสดใสขนาดใหญ่โบยบินบนเพดานเพื่อความสงบ กอดรัด เติมพลังให้กับผู้หญิงที่เขารัก “ดิเอโกผู้มีปีกของฉัน ความรักนับพันปีของฉัน” ฟรีดากระซิบ ลืมตัวเองในยามหลับใหล

ในปีพ. ศ. 2496 โศกนาฏกรรมอีกเรื่องหนึ่งเกิดขึ้น: ขาขวาของ Kahlo ถูกตัดออกเนื่องจากการเริ่มมีอาการเนื้อตายเน่าและราวกับจะปลอบโยนศิลปินนิทรรศการย้อนหลังครั้งแรกของเธอเปิดขึ้นในเม็กซิโกซิตี้ ผู้ชมรู้สึกประหม่าและสงสัยว่า Frida จะสามารถหาจุดแข็งไปเยี่ยมชมนิทรรศการได้หรือไม่ เสียงไซเรนของรถพยาบาลและเสียงคำรามของรถจักรยานยนต์คุ้มกันประกาศการมาถึงของคาห์โล เธอถูกหามไปที่ห้องโถงและนอนบนเตียง ภาพวาดของเธออยู่รอบตัว ชาว Freeds หลายสิบคนมีใบหน้าที่เศร้าโศกและจริงจังโดยไม่มีรอยยิ้ม มองไปที่ผู้สร้างของพวกเขา เธอแต่งตัวอย่างสวยงามด้วยทรงผมของเธอเอนหลังและพยายามหัวเราะเพื่อชื่นชมยินดีต่อคนรอบข้าง ใบหน้าของเธอสั่นด้วยความเจ็บปวด แต่ฟรีด้ามีความสุข: ถัดจากรูปภาพและดิเอโก - ตลอดชีวิตของเธอ เธอไม่ต้องการสิ่งอื่นใด เธอดื่มความสุข ความรัก ความสุขและความเจ็บปวดที่วัดจากโชคชะตาของเธอจนหมดสิ้น

เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2497 หลังจากป่วยด้วยโรคปอดบวม Frida Kahlo เสียชีวิต บ้านสีฟ้าที่โกศวางขี้เถ้าของเธอ ได้กลายเป็นพิพิธภัณฑ์ของศิลปินที่มีชื่อเสียง และภาพวาดของเธอคือความภาคภูมิใจและสมบัติของชาติของเม็กซิโก เป็นเรื่องที่ควรค่าแก่การเขียนหนังสือ การสร้างภาพยนตร์เกี่ยวกับชีวิต ความรัก และผลงานของหญิงสาวผู้กล้าหาญคนนี้ เพื่อที่จะได้สัมผัสถึงความเข้มแข็งที่ไม่ธรรมดา แต่พระเจ้าห้ามไม่ให้ใครก็ตามได้สัมผัสกับทุกสิ่งที่เธออดทน

ดิเอโกมีอายุยืนกว่า "นกพิราบ" ของเขาชั่วครู่ ผู้ไม่เชื่อในพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ผู้เป็นแชมป์แห่งความสุขและความสุขสากล ได้เสียชีวิตลงในปี 2500 เมื่ออายุได้ 70 ปี ผู้คนหลายพันมาบอกลาเขาที่วังวิจิตรศิลป์แห่งชาติ เพื่อแสดงความรักและความเคารพในความสามารถของเขา

ข้อความนี้เป็นบทความเบื้องต้นจากหนังสือของดิเอโกและฟรีดา ผู้เขียน เลเคิลซิโอ ฌอง-มารี กุสตาฟ

ฟรีด้าเป็น "ปีศาจตัวจริง" เมื่อดิเอโกพบกับฟรีด้าเป็นครั้งแรก - ยกเว้นการแสดงตลกแบบเด็ก ๆ ของเธอในอัฒจันทร์ของโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา - เขารู้สึกแตกต่างระหว่างความเปราะบางของร่างกายกับความงามที่น่ารำคาญของใบหน้าและ ด้วยรูปลักษณ์ที่เฉียบแหลมและอยากรู้อยากเห็นนี้เช่นกัน

จากหนังสือ 100 นักเตะยอดเยี่ยม ผู้เขียน มาลอฟ วลาดีมีร์ อิโกเรวิช

จากหนังสือโดย ดิเอโก ริเวรา ผู้เขียน Ospowat Lev Samoilovich

ดิเอโก ริเวร่า

จากหนังสือ The Most Famous Lovers ผู้เขียน Solovyov Alexander

Frida Kahlo และ Diego Rivera: ตลกกับความตาย ในวันที่อากาศอบอุ่นในฤดูใบไม้ร่วงปี 1925 ระเบียบในเม็กซิโกซิตี้มีงานต้องทำมากขึ้นเนื่องจากอุบัติเหตุจราจร ด้วยความเร็วเต็มที่ รถบัสซึ่งเต็มไปด้วยผู้โดยสาร ชนเข้ากับรถราง เด็กหญิงชื่อ Frida Kahlo ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลด้วย

จากหนังสือ 50 นายหญิงชื่อดัง ผู้เขียน Ziolkovskaya Alina Vitalievna

Kahlo Frida ชื่อเต็ม - Magdalena Carmen Frida Kahlo y Calderon (b. 1907 - d. 1954) ศิลปินชาวเม็กซิกันที่มีความสามารถพิเศษ ภรรยาของ Diego Rivera และคนรักของ Leon Trotsky “ ชีวิตของฉันเป็นเรื่องที่จริงจัง งานของฉันก็เหมือนตัวนำความเจ็บปวด” ดังนั้น

จากหนังสือ 50 คู่ดาราดัง ผู้เขียน Shcherbak Maria

FRIDA KALO และ DIEGO RIVERA ศิลปินชื่อดังชาวเม็กซิกันถูกมองว่าเป็นคู่รักที่ไม่ธรรมดา เธอเป็นผู้หญิงตัวเล็ก สวย และเรียบร้อยอายุ 22 ปี; เขาเป็นคนอ้วนมากที่ได้แลกสิบห้าของเขา งานวิวาห์ของ “นกพิราบ” กับ “ช้าง” ที่เพื่อนเรียกกันลับหลัง สุดซึ้ง

จากหนังสือ 100 ทรราชที่มีชื่อเสียง ผู้เขียน Vagman Ilya Yakovlevich

PRIMO DE RIVERA MIGUEL (เกิดในปี พ.ศ. 2413 - เสียชีวิตในปี 2473) นายพลหัวหน้ารัฐบาลและเผด็จการโดยพฤตินัยของสเปนซึ่งเข้ามามีอำนาจเนื่องจากการรัฐประหารผู้สร้างระบอบเผด็จการในโลกที่หนึ่ง สงครามสเปนยังคงเป็นกลางซึ่งทำให้เธอ

จากหนังสือ Agent Zigzag เรื่องราวสงครามที่แท้จริงของเอ็ดดี้ แชปแมน คู่รัก ผู้ทรยศ ฮีโร่ และสายลับ โดย Ben McIntyre

จากหนังสือ The Big Game ดาราบอลโลก ผู้เขียน คูเปอร์ ไซมอน

ดิเอโก มาราโดน่า กันยายน 2008 ดีเอโก้ มาราโดน่า ไม่มีกำหนดรับหน้าที่ผู้จัดการทีมทีมชาติอาร์เจนตินา และเขาจะไม่อยู่ในโพสต์นี้นาน เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน นักฟุตบอลผู้ยิ่งใหญ่ไม่สามารถแม้แต่จะลุกจากเตียงได้เลย นับประสาไปปรากฏตัวในกลาสโกว์เพื่อนัดการแข่งขันระหว่างสกอตแลนด์กับ

จากหนังสือเรื่องราวความรักอันยิ่งใหญ่ 100 เรื่องราวความรู้สึกดีๆ ผู้เขียน Mudrova Irina Anatolyevna

Rivera และ Kahlo Frida Kahlo เป็นศิลปินชาวเม็กซิกันที่รู้จักกันเป็นอย่างดีจากการถ่ายภาพตนเอง เธอเกิดที่ชานเมืองเม็กซิโกซิตี้ในปี 2450 เพื่อเป็นชาวยิวชาวเยอรมันและคุณแม่ชาวอเมริกันเชื้อสายสเปน เมื่ออายุได้ 6 ขวบ เธอป่วยด้วยโรคโปลิโอ หลังจากป่วยอยู่ตลอดชีวิต

จากหนังสือ เรื่องราวสุดฉุนเฉียวและเพ้อฝันของดาราดัง ตอนที่ 2 โดย Amills Roser

จากหนังสือ Divine Women [Elena the Beautiful, Anna Pavlova, Faina Ranevskaya, Coco Chanel, Sophia Loren, Catherine Deneuve และคนอื่น ๆ ] ผู้เขียน Vulf Vitaly Yakovlevich

ฟรีด้า คาห์โล. Joy and Pain เมื่อวันที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2496 นิทรรศการที่ไม่ธรรมดาเปิดขึ้นที่ Lola Alvarez Gallery ในเม็กซิโกซิตี้ ทุกอย่างผิดปกติ: ภาพวาดบนผนังที่สดใสและชุ่มฉ่ำ ใบหน้าในภาพวาดที่ส่องสว่างด้วยความรู้บางอย่าง เตียงสี่เสาที่ยืนอยู่ท่ามกลางภาพวาด ประชาชนงงงวย

จากหนังสือ Strong Women [จาก Princess Olga ถึง Margaret Thatcher] ผู้เขียน Vulf Vitaly Yakovlevich

Frida Kahlo Joy และ Pain เมื่อวันที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2496 นิทรรศการที่ไม่ธรรมดาเปิดขึ้นที่ Lola Alvarez Gallery ในเม็กซิโกซิตี้ ทุกอย่างผิดปกติ: ภาพวาดบนผนังที่สดใสและชุ่มฉ่ำ ใบหน้าในภาพวาดที่ส่องสว่างด้วยความรู้บางอย่าง เตียงสี่เสาที่ยืนอยู่ท่ามกลางภาพวาด ประชาชนงงงวย

จากหนังสือ 50 Greatest Women [ฉบับนักสะสม] ผู้เขียน Vulf Vitaly Yakovlevich

Frida Kahlo JOY AND PAIN เมื่อวันที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2496 นิทรรศการที่ไม่ธรรมดาเปิดขึ้นที่ Lola Alvarez Gallery ในเม็กซิโกซิตี้ ทุกอย่างผิดปกติ: ภาพวาดบนผนังที่สดใสและชุ่มฉ่ำ ใบหน้าในภาพวาดที่ส่องสว่างด้วยความรู้บางอย่าง เตียงสี่เสาที่ยืนอยู่ท่ามกลางภาพวาด ประชาชนงงงวย

จากหนังสือบิ๊กอาย คดีปริศนาของมาร์กาเร็ต คีน ผู้เขียน Kuzina Svetlana Valerievna

Frida Kahlo ในปัจจุบัน ภาพวาดของศิลปินชาวเม็กซิกัน Frida Kahlo (1907-1954) ซึ่งเป็นที่รู้จักจากการถ่ายภาพตนเองที่ไม่ธรรมดาของเธอ ขายได้ราวกับเค้กร้อน แม้ว่าจะมีราคาหลายล้านก็ตาม ดังนั้นภาพวาด "Roots" (Raices) จึงประเมินโดยผู้เชี่ยวชาญของ Sotheby ที่ 7 ล้านดอลลาร์ ของเธออีกคน

จากหนังสือบีอิ้ง ลีโอนาร์โด ดิคาปริโอ โดย ไวท์ ดักลาส

บทที่ 6 เดินตามรอยเท้าของริเวอร์ เมื่อมีคนถามริเวอร์ ฟีนิกซ์ในการสัมภาษณ์ MTV ว่าเขาต้องการทำอะไรหลังจากได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลออสการ์เรื่อง Running in Place เขาหยิบหนังสือปกอ่อนเล่มหนึ่งจากกระเป๋าของเขา—นวนิยายเรื่อง The Basketball Diaries—และตอบว่า: "เล่น