การเป็นทาสทางเพศในอเมริกา Jane the Killer (Story Found) สาวเจนจากแคลิฟอร์เนีย 3 ปี

19 มกราคม 2011, 17:26น

ในใจกลางฮอลลีวูด บนถนน Sunset Boulevard อันโด่งดัง วังสีชมพูถูกฝังอยู่ในความเขียวขจี ครั้งหนึ่งในวัย 50 ปีที่ห่างไกล มันเป็นของผมบลอนด์แพลตตินั่มแพรวพราวที่ชนะใจผู้ชายนับล้านที่ใช้ชีวิตอย่างสดใส เปิดเผย งดงาม และสิ้นชีวิตในวัยเจริญพันธุ์ ชื่อของเธอคือ เจน แมนส์ฟีลด์ Vera Jane Palmer เกิดเมื่อวันที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2476 ในเมือง Bryn Mawr รัฐเพนซิลเวเนียกับ Herbert และ Vera Palmer เฮอร์เบิร์ต พาลเมอร์ เสียชีวิตในปี พ.ศ. 2479 ในปี 1940 แม่ของเจนแต่งงานใหม่ และครอบครัวย้ายไปดัลลัส ในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2492 เจนได้พบกับนักศึกษาพอล แมนส์ฟิลด์ และในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2493 พวกเขาก็แต่งงานกัน เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2493 เจน มารี ลูกสาวของพวกเขาเกิด ในปีพ.ศ. 2495 เจนได้รับตำแหน่ง "มิสโฟโต้แฟลช" ในปี พ.ศ. 2497 ครอบครัวหนุ่มสาว ย้ายไปลอสแองเจลิส เจนเริ่มเรียนการแสดงและเล่นพจน์ ในไม่ช้า สามีของเธอก็เดินทางกลับดัลลาส ในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2498 เจนกลายเป็นนิตยสาร "Girl of the Month" "PLAYBOY" เธอเข้าร่วมในการออดิชั่นภาพยนตร์หลายเรื่องรวมถึง "Rebel without a cause" ("Rebel without a cause") กับ James Dean ในบทบาทนำ เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2498 เจนได้เปิดตัวบรอดเวย์ในละครเรื่อง "Will Success Spoil Rock Hunter?" เธอเริ่มรับรายได้ 1,200 เหรียญต่อสัปดาห์ ในการแสดงของนักแสดงสาวแม่เวสต์ (แม่เวสต์) ในปีพ.ศ. 2499 ภาพยนตร์ที่โด่งดังที่สุดของเจนเรื่อง "The Girl Can't Help It" ได้เข้าฉายในจอภาพยนตร์ของอเมริกาและหลังจากนั้นเธอก็โด่งดังขึ้นมา จากนั้น Jane ก็แสดงในภาพยนตร์ที่ประสบความสำเร็จหลายเรื่อง ได้แก่ "Kiss Them For Me" (ร่วมกับ Cary Grant) "Sherif of Fractured Jaw" การผลิตบรอดเวย์เรื่อง "Will Success..." ถูกนำมาสู่หน้าจอขนาดใหญ่ที่นำแสดงโดยเจน ในปีพ.ศ. 2500 เจนและมิกกี้ซื้อคฤหาสน์มูลค่า 75,500 เหรียญสหรัฐบนถนนซันเซ็ทบูเลอวาร์ดในฮอลลีวูด บ้านพักมี 40 ห้อง มิกกี้ เจอดีไซเนอร์แล้วทิ้งเจนให้ทำทุกอย่างที่เธอต้องการกับบ้าน ส่งผลให้ผนังด้านนอกทาสีใหม่ด้วยสีโปรดของเจน สีชมพู และตกแต่งด้วยชิปควอตซ์ที่ส่องประกายระยิบระยับท่ามกลางแสงแดด ห้องส่วนใหญ่ในบ้านก็เช่นกัน ทาสีชมพู: ผนัง, เพดาน พรมสีชมพูอ่อน ความรักเป็นธีมการตกแต่งหลักที่แสดงในรูปหัวใจและกามเทพซ้ำ ๆ ด้วย ถูกใช้เป็นแบบอย่างให้กับตุ๊กตาบาร์บี้ที่มีชื่อเสียง ในเดือนมกราคม พ.ศ. 2501 เจนได้รับการหย่าร้างจากสามีคนแรกของเธอ และเมื่อวันที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2501 เจนและมิกกี้ได้แต่งงานกันในเมืองโปรตุเกสเบนด์ รัฐแคลิฟอร์เนีย [b] เป็นเวลาหกปีที่แต่งงานกัน Jane และ Mickey มีลูกสามคน: Mickey Jr. (Miklos), Zoltan, Mariska พวกเขายังแสดงในภาพยนตร์หลายเรื่องด้วยกัน ได้แก่ "The Loves of Hercules" (1960), "Promises! Promises!" (1963), "Primitive Love" (1964) เจนและมิกกี้หย่าร้างกันในเดือนสิงหาคม 2507 การเสียชีวิตของมาริลีน มอนโร (5 สิงหาคม 2505) ยุติยุคผมบลอนด์แพลตตินั่ม ความนิยมของเจนเริ่มลดลง ในยุค 60 เจนแสดงในภาพยนตร์ราคาประหยัดรวมถึงนอกฮอลลีวูด หลังจากการหย่าร้างจากมิกกี้ เจนได้แต่งงานกับโปรดิวเซอร์ Matt Kimber ในเดือนตุลาคมปี 1965 ลูกชายของพวกเขาคือ Anthony แม้ว่าความนิยมจะลดลงนอกจากการถ่ายทำภาพยนตร์แล้ว Jane มักจะแสดงในไนท์คลับในรายการวาไรตี้ของลาสเวกัสมีส่วนร่วมในรายการต่าง ๆ ทางโทรทัศน์บันทึกในสตูดิโอบันทึกเสียง แต่นี่ไม่ใช่ความนิยมที่เธอมีอีกต่อไป ยุค 50 แอลกอฮอล์, ยาเสพติด, ความหลงใหลในซาตาน, การแสดงกึ่งเปลือยในไนท์คลับ - บทความเกี่ยวกับเจนปรากฏในหนังสือพิมพ์และนิตยสารมากมาย ในปีพ.ศ. 2509 เจนหย่ากับคิมเบอร์ ภาพยนตร์เรื่อง "Single Room Furnished" เรื่องสุดท้ายของพวกเขาสร้างเสร็จในปี 2511 หลังจากที่เจนเสียชีวิต 29 มิถุนายน พ.ศ. 2510 เมื่ออายุได้ 34 ปี Jayne Mansfield ผู้ซึ่งใฝ่ฝันอยากจะเป็นนักแสดงที่จริงจัง แต่ภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่เคยเกินระดับของ "B-movies" และไม่ได้กลายเป็นผลงานชิ้นเอกของผู้หญิงที่มีสติปัญญา (IQ) ของ 163 แต่ผู้ที่ทำหน้าที่มาตลอดชีวิต " Stupid Blondes ซึ่งมีลักษณะเหมือนสาวผมบลอนด์อีกคนหนึ่ง (มาริลีน มอนโร) จึงได้รับฉายาว่า "มาริลีน มอนโรชายผู้น่าสงสาร" เสียชีวิตในอุบัติเหตุทางรถยนต์ใกล้เมืองนิวออร์ลีนส์ วันก่อน 28 มิถุนายน เจนมีการแสดง 2 ครั้งในไนท์คลับแห่งหนึ่งในบิล็อกซี (มิสซิสซิปปี้) หลังจากการแสดงของเจน ทนายความและคนรักของเธอ แซม โบรดี้ ลูกสามคนของเธอ (มิกกี้ จูเนียร์ โซลตัน มาริสกา) กลายเป็นรถบูอิคสีเทา Electra 66 ปี (1966 Buick Electra 225) และขับรถไปนิวออร์ลีนส์ซึ่ง Jane ควรจะถ่ายทำทางทีวีในวันรุ่งขึ้น Buick ถูก Ronnie Harrison อายุ 20 ปีขับรถไป เราขับรถไปในทะเลทรายแคบ ๆ ที่มีหมอกหนา ถนน US90 เนื่องจากหมอกลง คนขับ Buick จึงไม่สามารถมองเห็นรถบรรทุกที่เคลื่อนที่ช้าซึ่งมีรถพ่วงอยู่ข้างหน้าซึ่งพ่นยาฆ่าแมลงอยู่ข้างหลังเขาจึงทำให้เกิดหมอกขึ้น บูอิคพุ่งชนท้ายรถพ่วงด้วยความเร็วเต็มที่ แรงกระแทกรุนแรงจนยอดบูอิคถูกทับเหมือนกระป๋อง เจน ทนายของบูอิค และคนขับบูอิค เสียชีวิตทันที เด็กๆ ที่นอนอยู่ด้านหลัง ที่นั่งรอดอย่างปาฏิหาริย์ นอกจากนี้ ยังมีสุนัขชิวาวา 1 ใน 4 ตัวของเจน ที่เสียชีวิตในอุบัติเหตุ คนขับรถบรรทุกไม่ได้รับบาดเจ็บ ระหว่างการปะทะกัน วิกหลุดออกจากศีรษะของเจน ซึ่งนักข่าวที่มาถึงที่เกิดเหตุเข้าใจผิดว่าเป็นหัวหน้านักแสดง การตายของเจนเกี่ยวข้องกับผู้ก่อตั้งโบสถ์แห่งซาตาน Anton LaVey มีข่าวลือว่า LaVey สาปแช่งคนรักของนักแสดงสาว Sam Brody และ Jane โดยอุบัติเหตุร้ายแรงถึงชีวิตก็จบลงในรถในขณะที่เกิดอุบัติเหตุ Mariska ลูกสาวคนเล็กของ Jane กลายเป็นนักแสดง เธอเป็นดาราในซีรีส์ "Law & Order" ("Law & Order") ในปีพ.ศ. 2523 ภาพยนตร์เรื่อง "Jayne Mansfield Story" ("Jayne Mansfield Story") ถูกถ่ายทำโดยนักแสดงสาวโลนี แอนเดอร์สันรับบทเป็นเจน และอาร์โนลด์ ชวาร์เซเน็กเกอร์ผู้เริ่มเล่นเป็นมิกกี้ ฮาร์กิไต

คุณจะลืมโดโรธีสีน้ำตาลสดใสจาก "สุภาพบุรุษชอบผมบลอนด์" ได้อย่างไรซึ่งแม้จะอยู่ท่ามกลางฉากหลังของมาริลีนมอนโรก็ไม่หลงทาง!

ชื่อจริงของเธอคือเออร์เนสทีน เจน เจอรัลดีน รัสเซลล์ เธอเกิดเมื่อวันที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2464 ในเมืองเบมิดจิรัฐมินนิโซตา เธอเติบโตขึ้นมาในแคลิฟอร์เนียในครอบครัวที่นับถือศาสนาคริสต์ พ่อของเธอเป็นร้อยตรีในกองทัพสหรัฐฯ และแม่ของเธอได้รับการฝึกฝนด้านละครและต่อมาก็เป็นนักแสดงในคณะทัวร์ หลังจากที่พ่อของเขาถูกระดมกำลัง ครอบครัวชาวแคนาดาย้ายไปแคลิฟอร์เนียเมื่อเขาพบว่ามีงานทำที่นั่น
ครอบครัวไม่ได้อยู่อย่างยากจน และ (เจนเป็นผู้หญิงคนเดียวในพี่น้องสี่คน) แม่ของเธอทำให้แน่ใจว่าเธอเรียนเปียโน นอกจากดนตรีแล้ว เจนยังสนใจในละครพอๆ กับแม่ของเธอและมีส่วนร่วมในการผลิตละครเวทีในโรงเรียนมัธยมปลาย เช่นเดียวกับวัยรุ่นทุกคนสาว ๆ ใฝ่ฝันที่จะเป็นนักแสดง
หลังจากออกจากโรงเรียน เจนเริ่มทำงานเป็นเลขานุการของแพทย์ที่เชี่ยวชาญด้านโรคของระบบกล้ามเนื้อและกระดูก แม้ว่าเดิมทีเธอวางแผนจะเป็นนักออกแบบ แต่เธอก็ต้องไปทำงานเพื่อช่วยเหลือครอบครัว เนื่องจากตอนนี้พ่อของเธอกำลังจะเสียชีวิต เจนรับงานต่างๆ รวมแสงจันทร์เป็นนางแบบและเป็นที่ต้องการอย่างมากเพราะเธอมีรูปร่างที่ดี เธอสามารถประหยัดเงินได้มากพอที่จะไปโรงเรียนการละคร
เจน รัสเซลล์ อายุ 18 ปี เมื่อเธอซึ่งเป็นผู้ช่วยแพทย์เจียมเนื้อเจียมตัว รับแสงเดือนเป็นนางแบบ มีชื่อเสียงในชั่วข้ามคืน
ในคืนนั้นในปี 1939 เธอชนะการประกวด "America's Best Bust" ซึ่งจัดโดย Howard Hughes มหาเศรษฐีผู้แปลกประหลาด และมีบทบาทใน "ลัทธิ-อนาจาร" ของเขา (ในเชิงวิพากษ์) พวกนอกกฎหมาย (The, 1943)
ในปีพ.ศ. 2483 ฮิวจ์กำลังเตรียม Outlaw ซึ่งเป็นภาพยนตร์ในจิตวิญญาณของ Wild West ดาราสองคนได้รับเชิญให้ไปถ่ายทำแล้ว แต่นักแสดงสาวหายตัวไป ในเวลานั้น David Selznick ดึงดูดความสนใจของสาธารณชนต่อการเตรียมการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง Gone with the Wind ที่มีชื่อเสียง นักแสดงหญิงหลายคนคัดเลือกสำหรับบทบาทของ Scarlett O'Hara และฮิวจ์ตัดสินใจดูรูปถ่ายของเด็กสาว เห็นเจนอยู่ท่ามกลางพวกเขาและเขียนถึงเธอลงในรายการของเขา

การถ่ายทำเริ่มขึ้นในไม่ช้า และเจนกำลังโพสท่าให้ช่างภาพหลายคนที่ทำงานเน้นที่รูปร่างของเธอ และตัวนักแสดงเองก็บอกว่าเธอไม่ได้คาดหวังว่าจะได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นในเสน่ห์ของเธอ แต่ที่จริงแล้ว เธอเป็นคนดังคนแรกที่มีภาพเน้นที่หน้าอก ดาราฮอลลีวูดแห่งยุค 40 ชอบที่จะมีรูปร่างผอมบางร่างบางไม่มีอยู่เลย แต่แม้กระทั่งผู้ที่มีคุณธรรมทั้งหมดก็ยังต้องการที่จะดูถูกยับยั้งและเจียมเนื้อเจียมตัวในรูปถ่าย การแสดงภาพของเจนไม่ได้ถูกจำกัดหรือเจียมเนื้อเจียมตัว และมันก็ไม่ได้เป็นเช่นนั้น พวกเขาไม่เพียงแต่แสดงความเป็นผู้หญิงเท่านั้น แต่ยังเน้นย้ำถึงความเป็นผู้หญิงอีกด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งรูปถ่ายของนักแสดงในเสื้อที่ใหญ่กว่าเธอหลายขนาดและแขวนไว้ ในขณะเดียวกัน ใบหน้าของหญิงสาวก็เย้ายวนและเย้ายวน และภาพถ่ายในเฮย์ลอฟต์ก็แพร่กระจายไปทั่วสิ่งพิมพ์ของอเมริกา และได้รับความนิยมเป็นพิเศษจากบุคลากรทางทหารในสงครามโลกครั้งที่สอง เธอขึ้นไปบนท้องฟ้ายังไม่ได้แสดงในภาพยนตร์
ฮิวจ์สันนิษฐานว่ารัสเซลจะสามารถแข่งขันกับสัญลักษณ์ทางเพศที่เป็นที่ยอมรับในยุคนั้นอย่างจริงจัง - ริต้า เฮย์เวิร์ธและลาน่า เทิร์นเนอร์ เขาไม่ผิดในการคำนวณของเขา Outlaw (1943) ชาวตะวันตกคนแรกของรัสเซล ได้รับการอนุมัติให้ฉายบนจอกว้างพร้อมเสียงดังเอี๊ยด: กล้องพยายามจับภาพส่วนลึกของนักแสดงหญิงที่ทะเยอทะยานอย่างไร้มารยาทเกินไป มีข่าวลือว่าสำหรับการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องนี้ ฮิวจ์มอบเสื้อชั้นในให้กับรัสเซลซึ่งเป็นสิ่งประดิษฐ์ของเขาเอง ภาพยนตร์ตะวันตกถ่ายทำเป็นเวลานาน ในปี 1943 เจนกลายเป็น "หน้าอกที่ดีที่สุดในฮอลลีวูด" โดยอัตโนมัติ แต่ภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่ได้จบเพียงแค่นั้น การเซ็นเซอร์ไม่ปล่อยให้ภาพผ่านไป การพิจารณาคดีอันยาวนานได้เริ่มต้นขึ้น และผู้พิพากษาบัลติมอร์กล่าวว่า "ส่วนหน้าอกของเจน รัสเซลล์แขวนอยู่เหนือแผ่นฟิล์มเหมือนก้อนเมฆเหนือที่ราบ" พวกนอกกฎหมายไม่ได้รับการปล่อยตัวจนกระทั่งอีกหกปีต่อมา

พวกนอกกฎหมายก็ประสบปัญหาใหญ่เช่นกัน ไม่กี่สัปดาห์ต่อมา Howard Hawks และ Lucien Ballard ก็ถูกไล่ออก Howard Hughes เริ่มกำกับภาพยนตร์เรื่องนี้ แต่สำนักงาน Breen ปฏิเสธที่จะสนับสนุนภาพดังกล่าว หลังจากการปะทะกันอีกสองสาม "พวกนอกกฎหมาย" (หรือ "อาชญากร") ก็ได้รับอนุญาตให้เข้าสู่หน้าจอ แต่ฮิวจ์ตัดสินใจที่จะถือภาพยนตร์เรื่องนี้จนกระทั่งหลังสงคราม เขาห้ามเจนรัสเซลจากภาพยนตร์เรื่องอื่นจนกว่าจะถึงเวลานั้น เจนไม่ได้สร้างภาพยนตร์ใดๆ เลยจนกระทั่งปี 1946 เมื่อเธอรับบทเป็นโจน เคนวูดใน The Young Widow
อย่างไรก็ตาม ตลอดช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง เช่นเดียวกับสงครามเกาหลี ทหารอเมริกันอาศัยอยู่กับโปสการ์ดของเจน รัสเซลล์ใต้หมอน ในเวลาเดียวกัน ตัวเธอเองมักจะ "ต่อต้านตลาด" เจนเป็นชาวคาทอลิกที่เคร่งครัดและเป็นพรรครีพับลิกันหัวโบราณ เธอแบกรับความเป็นอิสระตลอดชีวิต โดยหาข้อแก้ตัวจากการถูกทำร้ายร่างกายในวัยเยาว์ว่า “สตรีคริสเตียนก็มีสิทธิ์ที่จะมีหน้าอกใหญ่เช่นกัน”
แต่ในปี 1946 เมื่อสงครามสิ้นสุดลง Hughes และ Birdwell ได้เริ่มรณรงค์เรื่องความหยาบคายในอเมริกา เธอด่าเจน รัสเซลล์ และเริ่มร่วมงานกับดาราหน้าใหม่ แมรี่ แมคโดนัลด์ ผู้ซึ่งเรียกตัวเองว่าไม่มีอะไรมากไปกว่า "เดอะ บอดี้" มีหน้าอกมากขึ้นบนหน้าจอทีวีบนท้องถนนในปฏิทินและสิ่งพิมพ์
น่าเสียดายที่เจนถูกว่าจ้างให้ฮิวจ์ซึ่งโรงหนังเป็นเพียงงานอดิเรก อาชีพนักแสดงลากไปเป็นเวลาสองปี แต่เธอใช้ช่วงเวลานี้เพื่อเริ่มร้องเพลง เจนแสดงในไนท์คลับและเพลงที่บันทึกไว้ พยายามให้ได้มาตรฐานสากล
ในปีพ. ศ. 2491 บริษัท Paramount ได้เปิดโอกาสให้เด็กหญิงได้แสดงในภาพยนตร์ต่อไป เธอได้รับบทเป็นเจน คาลามิตี ตัวละครนี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อถ่วงน้ำหนักให้กับตัวละครพอตเตอร์ของบ๊อบ โฮป พอตเตอร์เป็นสำเนาที่ถูกต้องของนักแสดงของเขา บ็อบเป็นคนใจดีแต่ขี้ขลาด ("ชายผู้กล้าหาญได้เสื่อมโทรมในครอบครัวเรา" บ็อบชอบพูด) Jane Calamity ที่ต้องดึงคนรักของเธอออกจากปัญหาชีวิตมากมาย ภาพยนตร์เรื่องนี้มีฉากตลกและตลกมากมาย ผู้สร้างอ้างว่าเรื่องนี้อาจเกิดขึ้นได้ในชีวิตจริง
ภาพยนตร์เช่น The Woman of His Dreams (1951) และ A Las Vegas Story (1952) ไม่ได้แสดงศักยภาพที่แท้จริงของเธอในฐานะนักแสดง

แต่ Howard Hughes ยังคงเก็บ Jane ไว้ เขาซื้อ RKO Studios และอาชีพนักแสดงก็ดีขึ้น เธอแสดงในภาพยนตร์ Double Dynamite กับ Frank Sinatra ฮิวจ์เลือกเธอสำหรับ His Idea of ​​​​a Woman ซึ่งเป็นละครแนวเมโลดราม่าที่มีความโรแมนติกมากมาย หลังจากเกิดปัญหาเล็กน้อยระหว่างการถ่ายทำ เวอร์ชันใหม่ของภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ปรากฏขึ้น ซึ่งเต็มไปด้วยฉากตลกขบขันและอารมณ์ขัน
ภาพยนตร์ที่โด่งดังที่สุดของเธอน่าจะเป็นสุภาพบุรุษชอบผมบลอนด์ซึ่งเธอฉายแววกับมาริลีนมอนโร แต่ในขณะเดียวกันก็แข่งขันกับเธอ ในที่สุด เจนได้ร่วมงานกับ Howard Hawks อีกครั้งและเป็นครั้งแรกกับ 20th Century Fox Howard Hughes พูดถึงเธอว่า “คุณรัสเซลล์มีเหตุผลดีๆ สองประการว่าทำไมผู้ชายถึงไปพบเธอ พอแล้ว." ในอลาสก้า แม้แต่ภูเขาก็ถูกตั้งชื่อตามเหตุผลสองข้อนี้ - "เจน รัสเซลล์ พีคส์"
ในภาพยนตร์เรื่องต่อๆ มา เช่น ละครเพลงเรื่อง "French Line" (1954) ฮิวจ์พยายามเน้นย้ำถึงความโค้งเว้าของร่างกายของเทพธิดาฮอลลีวูดที่เพิ่งสร้างเสร็จใหม่ๆ อย่างไม่ลดละ แต่อาชีพนักแสดงของเจนจบลงอย่างรวดเร็วพอๆ กับที่เริ่มต้น ในปีพ.ศ. 2498 เธอเซ็นสัญญากับฮาวเวิร์ด ฮิวจ์สเป็นเวลาเจ็ดปี ซึ่งเจนสามารถสร้างรายได้ 6 ล้านดอลลาร์จากภาพยนตร์และในขณะเดียวกันก็ยุ่งกับโครงการอื่นๆ แต่ฮิวจ์เลิกสนใจภาพยนตร์ และทุกๆ ปีเจนได้รับเงิน 1 ล้านโดยไม่ต้องทำอะไรเลย เป็นเวลาสองปีที่นักแสดงหญิงได้แสดงในภาพยนตร์หลายเรื่องแม้กระทั่งออกภาพยนตร์ของตัวเองและหลังจากปีพ. ศ. 2500 เธอก็หยุดแสดงในภาพยนตร์ทั้งหมด เธอไม่ได้ให้คำอธิบายสำหรับเหตุการณ์เหล่านี้ในอัตชีวประวัติของเธอ เจนเริ่มทำงานในคาบาเร่ต์และไนท์คลับ ทำงานการกุศล
ในขณะเดียวกัน ตัวเธอเอง - ตามที่เธอบอกในอัตชีวประวัติปี 1985 ของเธอ - ฝันถึงบทบาทที่ซับซ้อนมากขึ้น ผลงานที่น่าจดจำที่สุดชิ้นหนึ่งของเธอคือภาพยนตร์ตลกเรื่อง Gentlemen Prefer Blondes (1953) ซึ่งเธอต้องเผชิญกับสัญลักษณ์ทางเพศรุ่นต่อไป มาริลีน มอนโร แฟน ๆ ของ Marilyn Monroe เชื่อว่าก่อนความงามของ M.M. การต่อสู้ของ Jane Russell หายไป ดี…
หลังจาก The Fuzzy Pink Nightgown ในปีพ. ศ. 2500 เจนได้เข้าสู่โหมดกล่อมญาติในการถ่ายทำและทำงานทางโทรทัศน์และกลับมาที่หน้าจอขนาดใหญ่ในปี 2507 ใน Fate is the Hunter น่าเสียดายที่ในอนาคต เจนจะแสดงในภาพยนตร์เพียงสี่เรื่องในช่วงสิบปีของอายุหกสิบเศษ ภาพยนตร์เรื่องสุดท้ายของเธอในปี 1960 คือ Born Losers (1967)
หลังจากเงียบไปสามปี เธอกลับมาที่หน้าจอใหญ่เพื่อสร้างภาพยนตร์เรื่องล่าสุดของเธอ Darker the Amber (1970)
Jane Russell แต่งงานสามครั้ง ครั้งแรกตั้งแต่เดือนเมษายน พ.ศ. 2486 ถึง บ็อบ วอเตอร์ฟิลด์ นักฟุตบอลชาวอเมริกัน (หย่าในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2511) ครั้งที่สองกับนักแสดงโรเจอร์ บาร์เร็ตต์ ตั้งแต่เดือนสิงหาคม พ.ศ. 2511 จนถึงวันที่เขาเสียชีวิตในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2511 และครั้งที่สามให้กับตัวแทนอสังหาริมทรัพย์และนายหน้าจอห์น คาลวิน ตั้งแต่เดือนมกราคม พ.ศ. 2517 จนถึง วันมรณภาพ 9 เมษายน 2542 (ไม่อยากพูดถึงเรื่องบังเอิญ)
ตลอดชีวิตของเธอ เธอและครอบครัวอาศัยอยู่บางส่วนในเซดอนา แอริโซนา และต่อมาในมอนเตซิโต แคลิฟอร์เนีย
ในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2495 เธอกับบ็อบรับเลี้ยงทารกเพศหญิงชื่อเทรซี่ ในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2495 พวกเขารับอุปการะเด็กชายอายุสิบห้าเดือนชื่อโธมัส และในปี พ.ศ. 2499 พวกเขารับเลี้ยงเด็กชายโรเบิร์ต จอห์นอายุเก้าเดือน รัสเซลล์เองไม่สามารถมีบุตรได้ และในปี พ.ศ. 2498 เธอได้ก่อตั้งกองทุน Worldwide Adaptation International Fund (คนไร้บ้าน) ซึ่งเป็นองค์กรที่มองหาเด็กในต่างประเทศเพื่อรับเลี้ยงบุตรบุญธรรมโดยครอบครัวชาวอเมริกัน
ในอัตชีวประวัติของเธอ (พ.ศ. 2528) เจนยอมรับว่าเมื่ออายุได้ 19 ปี เธอตั้งครรภ์และทำแท้งตั้งแต่ยังเด็ก แต่ไม่ประสบความสำเร็จจนเกือบเสียชีวิตในที่สุด ขณะเข้ารับการตรวจในห้องฉุกเฉิน แพทย์ของเธออุทานว่า “คนขายเนื้อคนไหนทำแบบนี้กับคุณ” หลังจากนั้นรัสเซลล์ไม่สามารถตั้งครรภ์ได้ ตั้งแต่นั้นมา เจนได้ดำเนินชีวิตอย่างเข้มแข็งในเรื่องการทำแท้ง
แม้จะถูกวางตำแหน่งให้เป็นเทพธิดาแห่งเซ็กส์บนหน้าจอ แต่ชีวิตส่วนตัวของเธอก็ยังขาดความรู้สึกและเรื่องอื้อฉาวที่รบกวนนักแสดงคนอื่นๆ ในสมัยนั้น เช่น ลาน่า เทิร์นเนอร์ แม้ว่าในอัตชีวประวัติของเธอ เจนยอมรับว่าเธอถูกข่มขืนสองครั้งและการแต่งงานครั้งแรกของเธอถูกบดบังด้วยการล่วงประเวณี (ทั้งสองฝ่าย) และความรุนแรงเช่นกัน และเธอมักใช้แอลกอฮอล์ในทางที่ผิดในวัยรุ่น เธอยังบอกด้วยว่านั่นเป็นเพราะว่าเธอเป็นคริสเตียนที่ช่วยให้เธอจัดการกับปัญหาการติดสุราได้ เมื่อถึงจุดสูงสุดของอาชีพการงาน รัสเซลล์เริ่มก่อตั้ง "กลุ่มคริสเตียนแห่งฮอลลีวูด" ซึ่งเป็นการอ่านพระคัมภีร์ประจำสัปดาห์ในบ้านของเธอสำหรับคริสเตียนที่ทำงานในวงการภาพยนตร์ ซึ่งมีบุคคลสำคัญหลายคนเข้าร่วม เธอยังเป็นสมาชิกของ Praise the Lord ซึ่งเป็นสถานีโทรทัศน์คริสเตียนที่ตั้งอยู่ในเมืองคอสตาเมซา รัฐแคลิฟอร์เนีย
เธอเป็นสาวกของ GOP และเข้าร่วมพิธีเปิดงานของ Eisenhower ในกลุ่มศิลปินรับเชิญร่วมกับ Lou Costello, Dick Powell, Jane Ellison, Anita Lewis, Louella Parsons และอีกหลายคน

“เด็กและวัยรุ่นอายุต่ำกว่า 18 ปี 1.6 ล้านคน ทั้งนำเข้าจากต่างประเทศและเกิดในสหรัฐฯ มีส่วนเกี่ยวข้องกับการค้าประเวณี”

ในประเทศของเรา มีกฎหมายที่ค่อนข้างเข้มงวดในการต่อต้านการค้ามนุษย์เพื่อจุดประสงค์ในการแสวงหาประโยชน์ทางเพศ - พระราชบัญญัติคุ้มครองเหยื่อการค้ามนุษย์ปี 2000

อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ การใช้เด็กและวัยรุ่น (ส่วนใหญ่เป็นเด็กผู้หญิงและเด็กผู้หญิง) เป็นทาสทางเพศนั้นแพร่หลายในประเทศของเรา และแม้ว่าเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายกำลังใช้มาตรการทุกประเภทเพื่อระงับปรากฏการณ์นี้ ขนาดของสิ่งที่เรียกว่า การค้ามนุษย์ทางเพศยังคงขยายตัว เด็กและวัยรุ่นที่ใช้ในอุตสาหกรรมบริการทางเพศเป็นชาวต่างชาติหรือเด็กหญิงจากครอบครัวที่ไม่สมบูรณ์ซึ่งตกไปอยู่ในมือของแมงดา

เรื่องทั่วไปคือเรื่องราวของหญิงสาวคนหนึ่งชื่อเจน ซึ่งแสดงอยู่ในเดอะวอชิงตันไทมส์ การล่วงละเมิดทางเพศคืออะไร เกิดในแคลิฟอร์เนีย เจน เรียน...ตอนอายุ 4 ขวบ ชีวิตของลูกไม่ได้ถูกกำหนดไว้ตั้งแต่แรกเกิด “ฉันอาศัยอยู่กับพ่อซึ่งมีอารมณ์ขึ้นอยู่กับว่าเขาจะลุกขึ้นยืนอย่างไร พ่อ "ติด" กัญชา แม่เป็นตัวแทนของก้นฉันแทบจะไม่ได้สื่อสารกับเธอเลย วัยเด็ก? ฉันแทบไม่มีเลย”

แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกับเด็กและวัยรุ่นเจน กลับถูกล่วงละเมิดทางเพศซ้ำแล้วซ้ำเล่า ซึ่งเธออายที่จะเล่าให้พ่อฟัง เธอเปิดใจให้ป้าของเธอ และพ่อของเธอได้รู้ถึงความทุกข์ทรมานของลูกสาวของเขา

พ่อปกติจะพยายามช่วยลูกของเขา แต่พ่อของเจนก็ไล่เธอออกไปที่ถนนทันที มีคน "อ่อนไหว" เด็กสาววัยรุ่นได้รับการปกป้องโดยเพื่อนในครอบครัวไม่ใช่เพื่ออะไรแน่นอน เจนทำหลังคาคลุมศีรษะของเธอด้วยการค้าประเวณีและการค้ายาเสพติด
เมื่อเจนอายุ 14 ปี เธอได้พบกับชายหนุ่มที่ "น่ารัก" - เจมส์ แจ็คสัน “ไปกับฉันที่โอเรกอน” เขาเสนอ "ฉันจะดูแลคุณ." เมื่อพวกเขามาถึงสถานที่ ชายคนนั้นบอกเจนว่าตอนนี้เธอจะต้อง "ขายร่างของเธอ" หญิงสาวประท้วงและถูกทุบตีอย่างไร้ความปราณี ฉันต้องตกลงไปที่แผง ...

เป็นเวลาหลายปีที่เจน "ทำงาน" ให้กับแมงดา โดยเธอถูกจับกุม 20 ครั้งในข้อหาค้าประเวณี เมื่อเธอไปถึงศูนย์พิเศษสำหรับวัยรุ่นอย่างเธอด้วยชะตากรรมที่ยากลำบาก นักสังคมสงเคราะห์ถามว่า: “ทำไมคุณถึงไม่หนีจากสัตว์ประหลาดตัวนี้?”
“ฉันไม่มีที่ไป ไม่มีใครรอฉันอยู่ และแมงดาก็ขู่อยู่เสมอ: ถ้าคุณกล้าหนีฉันจะฆ่าคุณ ไม่ใช่แค่คุณเท่านั้น แต่รวมถึงญาติของคุณด้วย

ในระหว่างการพิจารณาคดี บุคลิกที่ค่อนข้างน่าขนลุกของเจมส์ แจ็คสัน ซึ่งขณะนี้ต้องเผชิญกับโทษจำคุกสูงสุด 15 ปี โผล่ออกมาจากเอกสารที่นำเสนอต่อเอฟบีไอ สำหรับเจน เด็กหญิงคนนั้นสามารถกลับสู่ชีวิตปกติได้ เธอจบการศึกษาจากโรงเรียนมัธยมศึกษาตอนปลายและไปเรียนที่วิทยาลัย น่าเสียดายที่ไม่ใช่ว่าทาสทางเพศทุกคนจะจบลงอย่างมีความสุขในความขัดแย้งในชีวิต

“การใช้เด็กและวัยรุ่นเป็นทาสทางเพศกำลังเป็นที่แพร่หลายมาก - Nathan Wilson ผู้ก่อตั้ง Project Meridian Foundation (เวอร์จิเนีย) กล่าวในการให้สัมภาษณ์กับ The Washington Times “ตามข้อมูลของฉัน เด็ก 1.6 ล้านคน และวัยรุ่นอายุต่ำกว่า 18 ปี ทั้งที่เป็นชาวต่างชาติที่นำเข้าและเกิดในสหรัฐอเมริกา ล้วนเกี่ยวข้องกับการค้าประเวณี” มูลนิธิวิลสันให้ความช่วยเหลือผู้บังคับใช้กฎหมายในการระบุตัวนักค้ามนุษย์และเหยื่อของพวกเขา

ตัวเลขที่วิลสันอ้างนั้นน่าทึ่งในตัวเอง อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญตั้งข้อสังเกตว่าเป็นค่าโดยประมาณด้วย “เนื่องจากข้อควรระวังของแมงดา แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะระบุได้อย่างชัดเจนว่าอาชญากรใช้แรงงานเด็กจำนวนกี่คน”

“ต้องยอมรับว่าปัญหานี้ร้ายแรงมาก: ในมือของอาชญากรที่ทำเงินจากการค้ามนุษย์ทางเพศ มีเด็กและวัยรุ่นจำนวนมาก” แอนนี่ มิลแกรม อดีตอัยการสหพันธรัฐซึ่งเกี่ยวข้องโดยตรงกับการสอบสวนที่มีชื่อเสียงโด่งดังกล่าว . “อย่างไรก็ตาม มีคนหนุ่มสาวกี่คนที่ถูกใช้เป็นทาสทางเพศ เราไม่มีความคิดที่ชัดเจน”

Rachelle Lloyd ผู้ก่อตั้งองค์กรพิเศษในนิวยอร์กเพื่อช่วยเหลือเด็กหญิงและผู้หญิงอายุ 12 ถึง 24 ปีที่ตกเป็นเหยื่อของการค้ามนุษย์ทางเพศกลับสู่ชีวิตปกติ - Girls Educational and Mentoring Services (GEMS)

“มีคนจำนวนมากที่ต้องการความช่วยเหลือจากเราเสมอ” ลอยด์กล่าว “ฉันทำงานกับผู้หญิงและหญิงสาว 300 คนตลอดเวลา ส่วนใหญ่เติบโตมาในครอบครัวที่มีปัญหาและเรียนรู้ตั้งแต่วัยเด็กว่าการเฆี่ยนตีและการล่วงละเมิดทางเพศคืออะไร แมงดาใส่ใจกับสิ่งที่อาจเกิดขึ้นและทำความสะอาด”

การค้ามนุษย์ที่ใช้เป็นทาสทางเพศหรือแรงงานฟรีดึงดูดกลุ่มอาชญากรทั่วโลก ธุรกิจอาชญากรประเภทนี้ทำรายได้ให้พวกเขาปีละ 32,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเทียบเท่ากับการค้าอาวุธที่ผิดกฎหมาย และเป็นอันดับสองรองจากการค้ายาเท่านั้น จากข้อมูลของหน่วยงานตรวจคนเข้าเมือง ในแต่ละปีมีผู้คนประมาณ 800,000 คนตกเป็นเหยื่อของอาชญากร

ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่ามีเด็กที่เกิดในสหรัฐอเมริกาอย่างน้อย 300,000 คนที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมทางเพศหรือผู้ที่ถูกคุกคามโดยโอกาสที่จะอยู่ในนั้น The Washington Times อ้างถึงตัวแทนสองคนของการบังคับใช้กฎหมายของรัฐแมรี่แลนด์ หน่วยงาน: พนักงานของคณะทำงานเฉพาะกิจการค้ามนุษย์แห่งรัฐแมรี่แลนด์ อัยการสอบสวน Amanda Volke-Rodriguez และ Rodney Hill ในบทความของพวกเขาใน FBI Bulletin พวกเขาเรียกการค้ามนุษย์ทางเพศอย่างตรงไปตรงมาว่า "ปัญหาที่สันนิษฐานว่าสัดส่วนของโรคระบาดระดับชาติ"
หากอาชญากรรมที่ค้าขายในมนุษย์ขยายการดำเนินงานในพื้นที่นี้ หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายมีมาตรการต่อต้านอย่างไร? อัยการ ตำรวจ และเอฟบีไอสามารถจัดการกับความชั่วร้ายหรืออย่างน้อยก็จำกัดอย่างจริงจัง?

ระหว่างปี 2543 ถึง 2552 กระทรวงยุติธรรมได้เปิดคดี 243 คดีต่อบุคคลและสมาคมอาชญากรที่เกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ ตามข้อมูลของแอนนี่ มิลแกรม ซึ่งได้เกษียณจากสำนักงานอัยการและสอนหลักสูตรพิเศษเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ทางเพศที่มหาวิทยาลัยนิวยอร์ก “เป็นการเริ่มต้นที่ดี แต่ยังไม่เพียงพอ” เธอกล่าว - มีการเรียกร้องไปยังสำนักงานอัยการและตำรวจ ตัวอย่างเช่น องค์กรสิทธิมนุษยชนในนิวยอร์กได้ระบุเหยื่อการค้ามนุษย์ทางเพศหลายร้อยราย แต่คุณสามารถนับจำนวนอาชญากรที่ถูกจับได้เพียงปลายนิ้วสัมผัส”

คริส สมิธ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแห่งมลรัฐนิวเจอร์ซีย์ ผู้เขียนกฎหมายปี 2000 เชื่อว่าธุรกิจส่วนตัว (ตัวแทนท่องเที่ยว โรงแรม บริษัทขนส่งทางอากาศ) รวมถึงองค์กรการกุศล สามารถให้ความช่วยเหลืออย่างจริงจังแก่หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายในการต่อสู้กับการแสวงประโยชน์ทางเพศจาก คนในประเทศสหรัฐอเมริกา เช่น Airline Ambassadors International (AAI) งานในทิศทางนี้กำลังดำเนินอยู่และเกิดผล โดยเฉพาะอย่างยิ่ง AAI ได้รับการฝึกอบรมสมาชิกขององค์กรมาหลายปีแล้วซึ่งแสดงความปรารถนาที่จะช่วยเหลือหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายในการต่อสู้กับผู้ค้าทาสสมัยใหม่

หนังสือพิมพ์ Christian Science Monitor ให้ความสนใจกับการมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในการต่อต้านการค้ามนุษย์ทางเพศโดยบริษัทท่องเที่ยว Carlson ซึ่งมีสาขามากกว่า 1,000 แห่งใน 150 ประเทศทั่วโลก “เราได้พัฒนาโปรแกรมพิเศษสำหรับพนักงานของเรา ซึ่งจะสอนพวกเขาถึงวิธีการตอบสนองต่อสถานการณ์ที่น่าสงสัย” Deborah Kandi รองประธานบริษัทกล่าว - ความพยายามของเราได้สร้างกองทัพเสมือนจริงของ "หูและตา" คาร์ลสันเป็นบริษัทแรกในอเมริกาเหนือที่ลงนามใน “จรรยาบรรณ” ของ ECPAT (ยุติการค้าประเวณีเด็กและการค้ามนุษย์) ในปี 1998 "จรรยาบรรณ" นี้กำหนดให้ผู้เข้าร่วมโครงการต้องฝึกอบรมพนักงานของตนให้รู้จักผู้กระทำความผิดจากการค้ามนุษย์
เมื่อเร็วๆ นี้ “จรรยาบรรณ” ได้ลงนามโดยตัวแทนของ Delta Airlines และ Hilton Hotels “เราหวังว่าการช่วยให้หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายปราบปรามการค้ามนุษย์ทางเพศจะกลายเป็นแนวทางปฏิบัติทางธุรกิจตามปกติในสหรัฐอเมริกา” แคนดี้กล่าว

การจับกุมกลุ่มนักค้าเด็กนานาชาติอาชญากรกลุ่มหนึ่งที่เมืองบอสตันเมื่อเร็วๆ นี้ อาจเป็นเครื่องยืนยันถึงประสิทธิผลของความร่วมมือระหว่างธุรกิจกับตำรวจ ประการแรก สมาชิก AAI ระบุผู้ใหญ่ต้องสงสัยที่มากับเด็กที่สนามบิน ตามพวกเขาและแจ้งให้ทางการทราบ ระหว่างปฏิบัติการ อาชญากรถูกควบคุมตัว เด็ก 82 คนได้รับการช่วยเหลือ
กระชับการต่อสู้กับการค้าประเวณีและหน่วยงานของรัฐ กฎหมายใหม่ในการต่อสู้กับความชั่วร้ายนี้เพิ่งผ่านการอนุมัติในรัฐโอเรกอน เท็กซัส แมริแลนด์ และจอร์เจีย มีการเสนอกฎหมายที่คล้ายกันเพื่อพิจารณาในสภานิติบัญญัติของรัฐนิวยอร์ก มินนิโซตา เนวาดา มิสซูรี เทนเนสซี และมิชิแกน
โปรดทราบว่าทางการไม่มองข้ามปัญหาของชาวต่างชาติ - เหยื่อการค้ามนุษย์ทางเพศ หากกระทรวงสาธารณสุขยืนยันสถานะเหยื่อการค้ามนุษย์ ชาวต่างชาติจะได้รับสวัสดิการเช่นเดียวกับผู้ลี้ภัย

เหยื่อการค้ามนุษย์ทางเพศจากประเทศอื่นๆ ที่พบว่าตนเองอยู่ในสหรัฐอเมริกาอาจยื่นขอใบอนุญาตมีถิ่นที่อยู่ ในเว็บไซต์อินเทอร์เน็ตแห่งใดแห่งหนึ่ง ได้รับสถิติดังต่อไปนี้ ในปีงบประมาณ 2549 กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิได้ออกวีซ่า "T" 192 ใบให้กับเหยื่อการค้ามนุษย์ชาวต่างชาติที่พบในสหรัฐอเมริกาและวีซ่า 10 ตัว "T" ให้กับครอบครัวของพวกเขา หมวดหมู่ "T" เป็นประเภทวีซ่าพิเศษที่นำมาใช้ภายใต้พระราชบัญญัติเหยื่อการค้ามนุษย์ในการคุ้มครองบุคคล

โปรดอย่าเขียนการลอกเลียนแบบในความคิดเห็น ฉันเพิ่งพบเรื่องจริงเกี่ยวกับ Jane the Killer!

เจน นักฆ่า.

การจัดหมวดหมู่: ฆาตกรต่อเนื่อง
อาวุธ: มาเชเต้
สถานที่โปรด: ใจกลางเมืองตอนกลางคืน
เรื่องย่อ: ฆาตกรต่อเนื่องอมตะ(!) ที่สร้างขึ้นโดยรัฐบาลสหรัฐฯ รัฐบาล
ชื่อ:เจน ริชาร์ดสัน
ส่วนสูง: 5 ฟุต 9 นิ้ว
น้ำหนัก: 132 ปอนด์
วันเกิด: 19.09.1985.
ที่เกิด ออเรนจ์เคาน์ตี้ แคลิฟอร์เนีย
อายุปัจจุบัน: 27 ปี
พ่อ: บรูซ ทอดด์ ริชาร์ดสัน
แม่: Paula Richardson
พี่น้อง: เจสซี ริชาร์ดสัน (น้องสาวคนเล็ก)
เห็นครั้งสุดท้าย: Van Nuys, Los Angeles
จำนวนผู้ประสบภัย: มากกว่า 211 คน

เรื่องราว:
เจนเกิดในย่านชานเมืองเล็กๆ อันเงียบสงบของออเรนจ์เคาน์ตี้ รัฐแคลิฟอร์เนีย เธอเป็นเด็กที่น่ารักมาก ลูกสาวที่รัก พี่สาวที่ห่วงใย เจนให้สัญญากับครอบครัวของเธอว่าถ้าเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขา เธอสาบานว่าจะล้างแค้นพวกเขา ในปี 1997 เมื่อเจนอายุ 12 ปี เธอถูกเยาะเย้ยที่โรงเรียนอย่างต่อเนื่องเนื่องจากรสนิยมทางเพศของเธอ เธอถูกพบเห็นระหว่างการพักผ่อนกับเด็กผู้หญิงน่ารักคนหนึ่ง เด็กหญิงเจนหลงใหลเมื่อสังเกตเห็นพวกอันธพาลสองคนติดตามพวกเขา พวกเขาเป็นเด็กผู้หญิงสองสามคน แก่กว่าเจนเล็กน้อย เด็กหญิงตะโกนอย่างโกรธเคืองให้พวกเขาปล่อยเจนไว้ตามลำพัง แต่พวกเขาไม่ฟังเธอ พวกเขายังเยาะเย้ยเจนผู้น่าสงสารต่อไปในทุกวิถีทางที่ทำได้ ริชาร์ดสันเบื่อหน่ายกับทุกสิ่งและได้ต่อสู้กับผู้ทรมานของเธอ ระหว่างการต่อสู้ เจนได้รับบาดแผลที่ริมฝีปากของเธอ ริชาร์ดสันจ้องไปที่พวกอันธพาลด้วยท่าทางชั่วร้าย ปาดเลือดออกจากริมฝีปากของเธอโดยเลียมันออก การต่อสู้ดำเนินไปจนกระทั่งครูจากชั้นเรียนถัดไปวิ่งออกไปและแยกเด็กผู้หญิงออกจากกัน เมื่อครอบครัวของเจนมาถึงโรงเรียนและครูใหญ่บอกว่าเกิดอะไรขึ้น ริชาร์ดสันอารมณ์เสีย แต่ไม่ใช่เพราะทะเลาะกัน แต่เพราะเธอข่มขู่ทุกคน เพราะเธอเป็นเลสเบี้ยน เพื่อไม่ให้ใครกล้าล้อเธอ เจนถูกย้ายไปโรงเรียนอื่น เพื่อนร่วมชั้นคนใหม่ยอมรับ Jane พวกเขาไม่สนใจรสนิยมทางเพศของเธอ
ตอนอายุ 25 เจนได้งานในโรงเรียนอนุบาล เธอไปถึงที่นั่นด้วยเหตุผลสองประการ หนึ่ง - เงินเดือน $9.22 ต่อชั่วโมง สอง - เจนรักเด็ก ๆ และเด็ก ๆ รักเธอ
ประมาณปี 2010 น้องสาวของเจนพร้อมที่จะจบการศึกษาจากโรงเรียนมัธยม แต่เธอถูกกลุ่ม "เด็กเลว" ที่โรงเรียนทุบตีอย่างรุนแรง เจสซีถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล และเธอก็ล้มลงในอาการโคม่าในอีกหนึ่งสัปดาห์ต่อมา เจน อกหักและเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับน้องสาวของเธอ อยู่กับพี่สาวของเธอจนเธอฟื้น

จากรายงานของแพทย์

“ผู้ป่วยในการทดสอบ 25 รายเสียชีวิตจากภาวะหัวใจหยุดเต้นอันเป็นผลมาจากซีรัมกัมมันตภาพรังสีชนิดใหม่ที่สร้างขึ้นโดยรัฐบาลสหรัฐฯ รัฐบาล. อย่างไรก็ตาม เด็กหญิงคนหนึ่งชื่อเจน ริชาร์ดสัน รอดชีวิตมาได้
กล้องวงจรปิดบันทึกเหตุการณ์อันโหดร้ายของการเสียชีวิตของน้ำผึ้งครึ่งหนึ่ง บุคลากร; นางสาวเจน ริชาร์ดสันยังเดินช้าๆ ไปทางทางออกห้องปฏิบัติการ เจนทำงานเร็วกว่านักกีฬาที่ใช้สเตียรอยด์ แสดงการซ้อมรบทางอากาศเหมือนนักพาร์กัวร์มืออาชีพ เธอรวดเร็วและว่องไวมาก พนักงานคนหนึ่งสามารถกินยาได้ขนาด 6" 4" 320lb แล้วฉีดเข้าไปที่หญิงสาว แต่เขาไม่ได้ให้ผลใดๆ เด็กผู้หญิงคนนั้นยกพนักงานขึ้นเหนือพื้นแล้วโยนเขาออกจากอาคารแล้วขว้างเขาเหมือน ตุ๊กตาเศษผ้า. สิ่งที่ฉันสังเกตเห็นคือ เธอสามารถแปลงร่างเป็นมนุษย์ได้ ไม่ว่าจะเป็นผู้ชาย ผู้หญิง หรือเด็ก เพื่อสร้างความสับสนให้ผู้คนและเอาจริงเอาจังกับศัตรูของเธอ ดังนั้นเธอจึงทำตัวเหมือนกิ้งก่า

คืนนี้เมื่อเธอกลับมา เธอบอกฉันว่าเธอสูบบุหรี่ไป 2 ซองแล้ว และรู้สึกว่าไม่มีผลเสียใดๆ เลย การหายใจของเธอยังคงเท่าเดิม เจนชอบเวอร์จิเนีย สลิม ซึ่งเป็นบุหรี่ที่เธอชอบมาโดยตลอด แต่เธอมักบ่นว่าไอและมีเสมหะ... แต่หลังจากใช้เซรั่มนี้ เธอรู้สึกว่าไม่มีผลกระทบต่อการสูบบุหรี่ จากการดื่มแอลกอฮอล์หรือยาเสพติด ปอด หัวใจ ตับ และอวัยวะสำคัญอื่นๆ ของเธอไม่เคยมีสุขภาพที่ดีเท่านี้มาก่อน ในสัปดาห์ที่ผ่านมา เจนต่อสู้กับนักข่มขืนเฒ่าหัวงูผู้โหดเหี้ยม ซึ่งตัด 2 นิ้วบนมือของเธอในการต่อสู้และทำร้ายร่างกายอย่างมาก แต่น่าแปลกที่นิ้วก็งอกกลับมา บาดแผลก็หายไป ราวกับว่าไม่เคยเป็นมาก่อน หญิงสาวคนนี้มีความสามารถในการงอกใหม่ สร้างบาดแผล และแขนขาที่ถูกตัดขาด
กรมตำรวจลอสแองเจลิสและ CIA ใช้เซรั่มสร้างฆาตกรที่อันตรายที่สุดเท่าที่มนุษย์เคยรู้จักมา...

ข้อเท็จจริงบางประการเกี่ยวกับ Jane Richardson/Jane the Killer:
1. มีพื้นเพมาจากออเรนจ์เคาน์ตี้ แคลิฟอร์เนีย ปัจจุบันเขาอาศัยอยู่ที่ Van Nuys, Los Angeles กับ Mary แฟนสาวของเขาและ Jessie น้องสาวของเขา
2. ดีมากในภาษาสเปน เยอรมัน ฝรั่งเศส รัสเซีย ญี่ปุ่น เวียดนาม นอร์เวย์ และกรีก
3. ชื่อเต็มของเธอคือ Jane Tod Richardson ท็อด แปลว่า "ความตาย" ในภาษาอังกฤษ
4. มีพรสวรรค์มากในด้านวิทยาศาสตร์และเคมี เธออยากเป็นนักวิทยาศาสตร์และในที่สุดก็เป็นครูสอนวิทยาศาสตร์ แต่ครูสอนดนตรีของเธอบอกว่าเธอมีพรสวรรค์เกินกว่าจะเสียความสามารถทางดนตรีของเธอไป
5. เธอไม่สามารถทำสีแทนได้เพราะเธอไม่มีสีผิวที่เกิดจากเซรั่ม
6. เจนได้รับเงินทุกครั้งที่เธอฆ่าใครซักคน
7. ผู้คนอ้างว่าเจนขายวิญญาณให้กับปีศาจ จริงๆ แล้วเธอเป็นคริสเตียนและเป็นสมาชิกที่แข็งขันของคริสตจักรของ Father Malone
8. นอนเปลือยกายอยู่เสมอ
9. คิดว่า Jane Arkensaw (Jane Eternal) เป็นนักต้มตุ๋น Jane Arkensoe เป็นอันดับสองในรายการศัตรูของ Richardson รองจาก Geoffrey Woods