ลักษณะนามธรรมทั่วไปของการนำเสนอ สไตล์วิทยาศาสตร์: คุณสมบัติ
ภาษาอังกฤษแบบวิทยาศาสตร์
รูปแบบทางวิทยาศาสตร์เป็นหนึ่งในรูปแบบการทำงานที่เกี่ยวข้องกับขอบเขตทางวิทยาศาสตร์ของกิจกรรมการสื่อสารและการพูดที่มุ่งเป้าไปที่การตระหนักรู้ของวิทยาศาสตร์ในรูปแบบของจิตสำนึกทางสังคม หน้าที่หลักของประเภทคำพูดในรูปแบบวิทยาศาสตร์คือการให้ข้อมูล (ข้อความ) เนื้อหาทั่วไปของฟังก์ชันรูปแบบทางวิทยาศาสตร์สามารถกำหนดเป็นคำอธิบายได้ ซึ่งรวมถึงการรวมกระบวนการของความรู้ความเข้าใจและการจัดเก็บความรู้ (ฟังก์ชัน epistemic) การได้มาซึ่งความรู้ใหม่ (ฟังก์ชันทางปัญญา) การถ่ายโอนข้อมูลพิเศษ (การสื่อสาร) การทำงาน).
ภายในกรอบของรูปแบบทางวิทยาศาสตร์ รูปแบบย่อยทางวิชาการและวิทยาศาสตร์ที่เป็นที่นิยมมีความโดดเด่น อันแรกถูกออกแบบมาสำหรับผู้อ่านที่เตรียมไว้ ส่วนอันที่สอง - สำหรับผู้ที่ไม่ใช่มืออาชีพหรือสำหรับผู้รับที่ได้รับการฝึกอบรมทางวิทยาศาสตร์ไม่เพียงพอ
ในโครงสร้างของรูปแบบทางวิทยาศาสตร์ รูปแบบย่อยยังถูกจำแนกตามพื้นที่ของความรู้ทางวิทยาศาสตร์: วรรณกรรมทางวิทยาศาสตร์และธรรมชาติ วิทยาศาสตร์และมนุษยธรรม และวรรณกรรมทางวิทยาศาสตร์และทางเทคนิค
คุณสมบัติหลักของรูปแบบวิทยาศาสตร์เน้นที่ตรรกะ, ความถูกต้องของความหมาย (การแสดงออกของความคิดที่ชัดเจน), ความสมบูรณ์ของข้อมูล, ความเที่ยงธรรมของการนำเสนอ, อารมณ์ที่ซ่อนอยู่, ลักษณะนามธรรมทั่วไปของการนำเสนอ, การใช้คำศัพท์ที่เป็นนามธรรม นามธรรมและลักษณะทั่วไปของระดับคำศัพท์นำไปสู่คุณลักษณะที่คล้ายคลึงกันของระดับสัณฐานวิทยา
พื้นฐานของการออกแบบภาษาศาสตร์ของตำราทางวิทยาศาสตร์คือการสร้างมาตรฐาน กล่าวคือ การเลือกรูปแบบภาษาที่คิดโบราณซึ่งกำหนดไว้สำหรับเงื่อนไขการสื่อสารที่กำหนด
ตามที่ระบุไว้ในตำราเรียนโดย N. I. Kolesnikova ตามเนื้อผ้า รูปแบบย่อยหกรูปแบบมีความโดดเด่นในรูปแบบวิทยาศาสตร์: วิทยาศาสตร์ที่เหมาะสม วิทยาศาสตร์ยอดนิยม การศึกษาและวิทยาศาสตร์ และวิทยาศาสตร์และธุรกิจ รูปแบบย่อยแต่ละแบบเหล่านี้ประกอบเป็นเอกสารทางวิทยาศาสตร์ประเภทต่างๆ:
1) กับ รูปแบบย่อยทางวิทยาศาสตร์อย่างเคร่งครัด- บทความในวารสาร, เอกสารทางวิทยาศาสตร์, วิทยานิพนธ์, เอกสาร, รายงาน;
2) ย่อยวิทยาศาสตร์ยอดนิยม- เรียงความ หนังสือ การบรรยาย บทความ;
3) รูปแบบย่อยทางการศึกษาและวิทยาศาสตร์- ตำรา คู่มือการศึกษาและระเบียบวิธี โปรแกรม การรวบรวมงานและแบบฝึกหัด การบรรยาย บทคัดย่อ สื่อการสอน
4) สไตล์วิทยาศาสตร์และธุรกิจ- เอกสารทางเทคนิค (สัญญาและคำแนะนำสำหรับองค์กร รายงานการทดสอบและการวิเคราะห์ ฯลฯ )
5) รูปแบบย่อยข้อมูลทางวิทยาศาสตร์- บทคัดย่อ คำอธิบายประกอบ คำอธิบายสิทธิบัตร
6) ข้อมูลอ้างอิงทางวิทยาศาสตร์- สารานุกรม พจนานุกรม หนังสืออ้างอิงที่ออกแบบมาสำหรับนักวิทยาศาสตร์และผู้เชี่ยวชาญ
ประเภทวิทยาศาสตร์ตนเองสัมพันธ์กับประเภทคำพูดของเอกสาร บทความทางวิทยาศาสตร์ รายงานทางวิทยาศาสตร์
เอกสารเป็นภาพรวมของข้อมูลที่ต่างกันซึ่งได้มาจากงานวิจัยหลายฉบับที่อุทิศให้กับหัวข้อเดียวและมีปัจจัยเชิงอัตวิสัยมากกว่าบทความ มันถูกสร้างขึ้นหลังจากการรวบรวมข้อมูลข้อเท็จจริงและข้อมูลทั่วไปจำนวนหนึ่งเท่านั้น
บทความในวารสารทางวิทยาศาสตร์ประกอบด้วยองค์ประกอบของความเข้าใจเชิงตรรกะของผลการศึกษาทางวิทยาศาสตร์โดยเฉพาะ บทความทางวิทยาศาสตร์รวมถึง:
ข้อความสั้นๆ ที่มีบทสรุปของผลงานวิจัยหรือขั้นตอนของงานวิจัย
บทความต้นฉบับซึ่งเป็นบทสรุปของผลลัพธ์หลักและข้อสรุปที่ได้จากการวิจัยและพัฒนา
บทความทบทวนที่สรุปความสำเร็จในด้านใดด้านหนึ่ง แก้ไขสถานะปัจจุบัน หรือสรุปแนวโน้มสำหรับการพัฒนาในอนาคต
บทความอภิปรายที่มีบทบัญญัติทางวิทยาศาสตร์ที่เป็นข้อโต้แย้งเพื่อวัตถุประสงค์ในการอภิปรายในการพิมพ์
ตามลักษณะของงานที่ได้รับการแก้ไขในบทความทางวิทยาศาสตร์สามารถแบ่งออกเป็นทางวิทยาศาสตร์ - ทฤษฎี, วิทยาศาสตร์ - ระเบียบวิธีและวิทยาศาสตร์ - ปฏิบัติ ในบทความทางวิทยาศาสตร์และทฤษฎี มีการกล่าวถึงความสม่ำเสมอของวัตถุที่อยู่ระหว่างการศึกษา
บทความที่มีลักษณะประยุกต์ (ระเบียบวิธีและการปฏิบัติ) อธิบายด้านการปฏิบัติของกฎของวัตถุที่กำลังศึกษา เทคนิคของการประยุกต์ใช้ในทางปฏิบัติ
นอกจากนี้ยังมีบทความเกี่ยวกับธรรมชาติวิทยาเกี่ยวกับประชากรที่เกี่ยวกับปัญหาสังคม เช่น การปกป้องสิ่งแวดล้อม การต่อสู้กับโรคเอดส์ ยาใหม่ในการรักษาโรคต่างๆ ตามกฎแล้วบทความดังกล่าวเผยแพร่โดยสื่อมวลชนและไปไกลกว่ารูปแบบทางวิทยาศาสตร์อย่างหมดจดโดยได้รับคุณลักษณะบางอย่างของรูปแบบวารสารศาสตร์
สื่อยังทำหน้าที่เผยแพร่ข้อมูล รายงานการค้นพบทางวิทยาศาสตร์ใหม่ ความสำเร็จด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ดังนั้นการอุทธรณ์ไปยังวิธีการพูดทางวิทยาศาสตร์ซึ่งปรากฏไม่เพียง แต่ในบทความที่เผยแพร่ความรู้ทางวิทยาศาสตร์เท่านั้น แต่ยังรวมถึงเนื้อหาที่นำเสนอการวิเคราะห์และการวางนัยทั่วไปของปัญหาทางการเมือง สังคมเศรษฐกิจและปัญหาอื่น ๆ การวางแนวตามทฤษฎีของเนื้อหาและด้วยเหตุนี้การผสมผสานของการวิเคราะห์และการวางนัยทั่วไปตลอดจนสิ่งที่เป็นนามธรรมในการนำเสนอข้อเท็จจริงและเหตุการณ์ค้นหาการแสดงออกในภาษาที่หลากหลายในการใช้คุณสมบัติทางศัพท์และวากยสัมพันธ์ของวิทยาศาสตร์ คำพูด. ตามลักษณะเฉพาะนี้ ภายในรูปแบบวารสารศาสตร์ (หนังสือพิมพ์-วารสารศาสตร์) รูปแบบย่อยของวารสารศาสตร์ทางวิทยาศาสตร์มีความโดดเด่น
สำหรับข้อความทางวิทยาศาสตร์และวารสารศาสตร์ที่จัดสรรในรูปแบบย่อยของหนังสือพิมพ์และวารสารศาสตร์ การผสมผสานระหว่างรูปแบบทางวิทยาศาสตร์และการทำให้เป็นที่นิยมในเนื้อหาและภาษานั้นเป็นลักษณะเฉพาะ โดยมีบทบาทนำของรูปแบบทางวิทยาศาสตร์ที่แท้จริง อย่างหลังช่วยให้เราพิจารณาประเภททางวิทยาศาสตร์และวารสารศาสตร์ที่ผสมผสานกันภายในกรอบของวิทยาศาสตร์หรือในโครงสร้างของรูปแบบวารสารศาสตร์
ประเภทของคำพูดที่ประเภทย่อยนี้ถูกรับรู้คือ "บทความ" ทางวิทยาศาสตร์และประชาสัมพันธ์ "บันทึก" "พงศาวดาร" "ทบทวน" "สัมภาษณ์" "รายงาน" ประเภทของคำพูดที่หลากหลายนี้มีลักษณะเฉพาะโดย: คำศัพท์พิเศษ วิธีการแสดงออกเกี่ยวกับคำพูดที่เกี่ยวข้องกับงานเผยแพร่ การรวมการแสดงออกในรูปแบบอื่นๆ (เทคนิควารสารศาสตร์ วรรณกรรมและภาษาพูดที่คิดโบราณ) บทความทางวิทยาศาสตร์ยอดนิยม บทวิจารณ์ บทวิจารณ์ บทสัมภาษณ์ ฯลฯ) มุ่งไปสู่การนำเสนอเชิงวิเคราะห์ทั่วไปและธรรมชาติของคำพูดและรูปแบบที่ใกล้เคียงกับวิทยาศาสตร์ แต่แน่นอนว่าเป็นงานข่าวที่ส่งผลกระทบอย่างชัดแจ้งและประเมินผลอย่างสดใส
ข้อความทางวิทยาศาสตร์ประเภทข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ครอบคลุมเฉพาะเอกสารทางวิทยาศาสตร์รองเท่านั้น ข้อกำหนดหลักสำหรับเอกสารข้อมูล - ความเกี่ยวข้องและความน่าเชื่อถือของข้อมูลที่รายงาน ความสมบูรณ์ของการครอบคลุมแหล่งที่มา ความกะทัดรัดของการนำเสนอ และประสิทธิภาพของการตีพิมพ์ - เป็นเรื่องปกติของวัสดุที่มีการลดข้อมูลในทุกระดับ
วารสารบทคัดย่อเป็นสิ่งพิมพ์ข้อมูลทุติยภูมิที่สำคัญที่สุด มีการเผยแพร่คำอธิบายประกอบและบทคัดย่อ เทคนิคการออกแบบข้อความประเภทนี้มีลักษณะเฉพาะของชาติในวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน
คำอธิบายประกอบเป็นคำอธิบายที่บีบอัดอย่างยิ่งของแหล่งที่มาดั้งเดิม ซึ่งมีค่าข้อมูลล้วนๆ นามธรรมไม่สามารถแทนที่ตัววัสดุเองได้ ต่างจากนามธรรม ควรให้แนวคิดทั่วไปเกี่ยวกับเนื้อหาหลักของหนังสือหรือบทความเท่านั้น บทคัดย่อตอบคำถาม: สิ่งที่กล่าวในแหล่งที่มาดั้งเดิม
คำอธิบายประกอบมีสองประเภท: คำอธิบายและนามธรรม
คำอธิบายประกอบให้คำอธิบายของเนื้อหาเท่านั้นโดยไม่เปิดเผยเนื้อหา
คำอธิบายประกอบที่เป็นนามธรรมระบุว่ามีสิ่งใดอยู่ในเนื้อหาที่มีคำอธิบายประกอบ (บทความ งานทางวิทยาศาสตร์) กล่าวคือ เนื้อหาถูกนำเสนอในรูปแบบที่สอดคล้องกัน แม้ว่าจะมีรูปแบบที่รัดกุมและเป็นภาพรวมอย่างยิ่ง ตัวอย่างของบทคัดย่อที่เป็นนามธรรมคือบทคัดย่อที่วางอยู่บนหลังปกหนังสือ
ทั้งบทคัดย่อเชิงพรรณนาและนามธรรมสามารถมีโครงสร้างดังต่อไปนี้:
2) ข้อมูลทั่วไป (ลักษณะบีบอัด) ของวัสดุ
3) ข้อมูลเพิ่มเติม (เกี่ยวกับงานและผู้แต่ง)
นามธรรมซึ่งแตกต่างจากคำอธิบายประกอบ ตอบคำถาม: ข้อมูลใดบ้างที่อยู่ในแหล่งที่มาดั้งเดิม เขารายงานบทบัญญัติและข้อสรุปใหม่และสำคัญที่สุดของแหล่งอ้างอิง วัตถุประสงค์ของบทคัดย่อไม่ใช่เพียงเพื่อสื่อถึงเนื้อหาของต้นฉบับในรูปแบบที่กระชับที่สุดเท่านั้น แต่ยังเพื่อเน้นย้ำสิ่งที่สำคัญหรือใหม่เป็นพิเศษที่มีอยู่ในเนื้อหาที่เป็นนามธรรม หากจำเป็น ผู้แปลจะต้องทำการประเมินทั่วไป (เชิงบวกหรือเชิงวิพากษ์) ของบทบัญญัติในคำอธิบาย
โดยธรรมชาติของการนำเสนอเนื้อหา บทคัดย่อ-บทสรุป และบทคัดย่อ-บทสรุป มีความโดดเด่น
บทคัดย่อโดยย่อต้องมีระดับของการวางนัยทั่วไปในระดับที่สูงกว่า ซึ่งจะสรุปบทบัญญัติหลักของต้นฉบับ บทบัญญัติรองที่ไม่เกี่ยวข้องโดยตรงกับหัวข้อจะถูกยกเว้น
ในบทคัดย่อ-บทสรุป บทบัญญัติหลักทั้งหมดของต้นฉบับได้รับการสรุป รวมทั้งบทรองในบางครั้ง
ตามความครอบคลุมของแหล่งที่มา บทคัดย่อ บทคัดย่อ การทบทวน และการคัดเลือกมีความโดดเด่น
บทคัดย่อเชิงย่อถูกรวบรวมจากแหล่งเดียว บทคัดย่อโดยย่อถูกรวบรวมจากบทความ หนังสือ หรือเอกสารหลายฉบับ บทคัดย่อการทบทวนถูกรวบรวมในหัวข้อหรือในทิศทางใด ๆ ในรูปแบบของบทวิจารณ์สั้น ๆ และบทคัดย่อแบบคัดเลือกจะดำเนินการแยกกัน บท ส่วน หรือวัสดุ
เมื่อรวบรวมบทคัดย่อ คุณสามารถใช้โครงสร้างต่อไปนี้:
แนวคิดหลัก (แนวคิด) ของนามธรรม
การนำเสนอโดยทั่วไปของเนื้อหา (เนื้อหา) ของงานที่ตรวจสอบแล้ว
ความเห็นอ้างอิง ซึ่งอาจรวมถึง: ความคิดเห็นทั่วไปในหัวข้อ (งาน) ที่กำลังนำเสนอ ความคิดเห็นเกี่ยวกับประวัติของปัญหา (การเชื่อมต่อกับเหตุการณ์และปรากฏการณ์ในอดีตและปัจจุบัน); คำชี้แจงและคำอธิบายที่แท้จริงซึ่งต้องระบุโดยผู้อ้างอิง ข้อมูลเกี่ยวกับผู้เขียนและแหล่งที่มา การอ้างอิงถึงแหล่งข้อมูลและเนื้อหาอื่นๆ ในประเด็นนี้
ข้อความประเภทอ้างอิงทางวิทยาศาสตร์มีระดับสูงสุดของลักษณะทั่วไป มันถูกนำไปใช้ในหนังสืออ้างอิง พวกเขาถูกรวบรวมบนพื้นฐานของข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริง มีข้อมูลที่พิสูจน์แล้วและคำแนะนำสำหรับการใช้งานจริง
ข้อความประเภทการศึกษาวิทยาศาสตร์แสดงโดยตำราและอุปกรณ์ช่วยสอนหลักสูตรการบรรยาย พวกเขาโดดเด่นด้วยความสามารถในการนำเสนอที่ยอดเยี่ยมโดยคำนึงถึงจุดประสงค์ในการสอน
ความหลากหลายของภาษาวรรณกรรมที่ใช้ได้จริงและโวหารนี้ให้บริการสาขาวิทยาศาสตร์ที่หลากหลาย (แน่นอน ธรรมชาติ มนุษยธรรม ฯลฯ) สาขาเทคโนโลยีและการผลิต และนำไปใช้ในเอกสาร บทความทางวิทยาศาสตร์ วิทยานิพนธ์ บทคัดย่อ วิทยานิพนธ์ รายงานทางวิทยาศาสตร์ การบรรยาย , วรรณกรรมทางการศึกษาและวิทยาศาสตร์และเทคนิค, รายงานเกี่ยวกับหัวข้อทางวิทยาศาสตร์ ฯลฯ
ที่นี่จำเป็นต้องสังเกตหน้าที่สำคัญหลายประการที่วาทศิลป์นี้ดำเนินการ: 1) การสะท้อนความเป็นจริงและการจัดเก็บความรู้ (ฟังก์ชัน epistemic); 2) การได้รับความรู้ใหม่ (หน้าที่ทางปัญญา); 3) การถ่ายโอนข้อมูลพิเศษ (ฟังก์ชั่นการสื่อสาร)
รูปแบบหลักของการดำเนินการตามรูปแบบทางวิทยาศาสตร์คือคำพูดที่เขียนขึ้นแม้ว่าจะมีบทบาททางวิทยาศาสตร์เพิ่มขึ้นในสังคม การขยายตัวของการติดต่อทางวิทยาศาสตร์ การพัฒนาของสื่อมวลชน บทบาทของการสื่อสารด้วยวาจาเพิ่มขึ้น รูปแบบทางวิทยาศาสตร์เกิดขึ้นได้ในประเภทและรูปแบบต่างๆ ของการนำเสนอ โดยมีลักษณะเฉพาะด้วยคุณลักษณะพิเศษและเชิงภาษาทั่วไปจำนวนหนึ่งที่ทำให้เราสามารถพูดถึงรูปแบบการทำงานเดียวที่ขึ้นอยู่กับความแตกต่างของรูปแบบภายใน
งานสื่อสารหลักของการสื่อสารในสาขาวิทยาศาสตร์คือการแสดงออกของแนวคิดและข้อสรุปทางวิทยาศาสตร์ การคิดในด้านของกิจกรรมนี้เป็นลักษณะทั่วไปที่เป็นนามธรรม (ฟุ้งซ่านจากคุณลักษณะส่วนตัวและไม่จำเป็น) ลักษณะเชิงตรรกะ นี่คือเหตุผลสำหรับคุณลักษณะเฉพาะของรูปแบบทางวิทยาศาสตร์เช่นนามธรรม, ลักษณะทั่วไป, เน้นการนำเสนอเชิงตรรกะ
คุณลักษณะพิเศษทางภาษาเหล่านี้รวมเอาความหมายทางภาษาศาสตร์ทั้งหมดที่สร้างรูปแบบทางวิทยาศาสตร์เข้าไว้ในระบบและกำหนดคุณลักษณะรองโดยเฉพาะอย่างยิ่งมากขึ้นของรูปแบบ: ความถูกต้องของความหมาย (การแสดงออกทางความคิดที่ชัดเจน) ความสมบูรณ์ของข้อมูล ความเที่ยงธรรมของการนำเสนอ ความอัปลักษณ์ อารมณ์ที่ซ่อนอยู่
ปัจจัยหลักในการจัดระเบียบวิธีการทางภาษาศาสตร์และรูปแบบทางวิทยาศาสตร์คือลักษณะนามธรรมทั่วไปที่ระดับศัพท์และไวยากรณ์ของระบบภาษา ลักษณะทั่วไปและความเป็นนามธรรมทำให้สุนทรพจน์ทางวิทยาศาสตร์มีสีหน้าที่และโวหารเดียว
รูปแบบทางวิทยาศาสตร์มีลักษณะเฉพาะด้วยการใช้คำศัพท์ที่เป็นนามธรรมอย่างแพร่หลาย ซึ่งปรากฏอยู่เหนือรูปธรรมอย่างชัดเจน: การระเหย การเยือกแข็ง ความดัน การคิด การสะท้อน การแผ่รังสี ความไร้น้ำหนัก ความเป็นกรด ความสามารถในการเปลี่ยนแปลงได้ ฯลฯ ในความหมายนามธรรมและความหมายทั่วไป ไม่เพียงแต่ใช้คำที่มีความหมายเชิงนามธรรมเท่านั้น แต่ยังใช้คำที่แสดงถึงวัตถุเฉพาะที่อยู่นอกรูปแบบทางวิทยาศาสตร์ด้วย ดังนั้นในประโยค โอ๊ค, โก้เก๋, เบิร์ชเติบโตในพื้นที่ของเรา, คำว่าโอ๊ค, โก้เก๋, เบิร์ชไม่ได้หมายถึงวัตถุเดียว, วัตถุเฉพาะ (ต้นไม้เฉพาะ) แต่เป็นคลาสของวัตถุที่เป็นเนื้อเดียวกัน, ชนิดของต้นไม้เช่น ไม่แสดงความเฉพาะเจาะจง (รายบุคคล) แต่เป็นแนวคิดทั่วไป หรือในประโยค Microscope ¾ เป็นอุปกรณ์ที่ขยายคำว่า microscope ได้หลายร้อยถึงหลายพันเท่า อุปกรณ์ไม่ได้หมายถึงกล้องจุลทรรศน์หรืออุปกรณ์เฉพาะ แต่เป็น microscope อุปกรณ์โดยทั่วไป (ใดๆ ก็ได้ ทุกคน)
ในการนำเสนอทางวิทยาศาสตร์ คำที่แสดงแนวคิดเดียว ภาพเฉพาะแทบไม่เคยใช้เลย ลักษณะนามธรรมทั่วไปของการพูดยังถูกเน้นด้วยการใช้คำพิเศษ เช่น โดยปกติ ปกติ เสมอ ตลอดเวลา อย่างเป็นระบบ สม่ำเสมอ ใครๆ ก็ได้ ทุกคน
เนื่องจากสาขาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีต้องการคำจำกัดความที่ถูกต้องที่สุดของแนวคิดและปรากฏการณ์ของความเป็นจริง ซึ่งสะท้อนถึงความถูกต้องและความเที่ยงธรรมของความจริงทางวิทยาศาสตร์และการให้เหตุผล คุณลักษณะเฉพาะของคำศัพท์ของรูปแบบทางวิทยาศาสตร์คือการใช้คำศัพท์ ข้อกำหนดมีลักษณะตามความหมายที่กำหนดไว้อย่างเคร่งครัด “คำศัพท์ (จากภาษาละติน terminal ¾ border, limit) ¾ คำหรือวลีที่เป็นชื่อของแนวคิดพิเศษของการผลิต วิทยาศาสตร์ หรือศิลปะใดๆ คำนี้ไม่เพียงแต่แสดงถึงแนวคิดเฉพาะ แต่จำเป็นต้องยึดตามคำจำกัดความ (คำจำกัดความ) ของแนวคิดด้วย ตัวอย่างเช่น Lexicology ¾ ส่วนของภาษาศาสตร์ที่ศึกษาคำศัพท์ของภาษา (Linguistics)
วิทยาศาสตร์แต่ละสาขามีคำศัพท์เฉพาะของตนเอง ซึ่งรวมอยู่ในระบบคำศัพท์เดียว (คำศัพท์ทางการแพทย์ คณิตศาสตร์ กายภาพ ปรัชญา ภาษาศาสตร์ ฯลฯ) ความหมายของคำศัพท์สอดคล้องกับแนวคิดที่พัฒนาขึ้นในสาขาวิทยาศาสตร์ที่กำหนด คำศัพท์ที่เป็นส่วนหนึ่งของระบบคำศัพท์หลายระบบและข้อความเฉพาะถูกนำมาใช้ในความหมายเดียว ซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะของระบบคำศัพท์บางระบบ ตัวอย่างเช่น ปฏิกิริยา ¾ 1. ไบโอล ตอบสนองต่อการระคายเคืองภายนอกและภายใน 2. เคมี. ปฏิสัมพันธ์ระหว่างสารสองชนิดขึ้นไป (พจนานุกรมภาษารัสเซีย)
เปรียบเทียบด้วย: วิกฤต (polit., biol., electr.), เซลล์ (เชิงสร้างสรรค์, anat., biol., mat.), สิ่งเร้า (chem., biol., electr.), การปรับตัว (biol., ped.) , ความเย็น (ทางกายภาพ เคมี) ฯลฯ
ส่วนสำคัญของคำศัพท์ทางวิทยาศาสตร์ประกอบด้วยคำที่ใช้ทางวิทยาศาสตร์ทั่วไปที่ใช้ในความรู้สาขาต่างๆ: ขนาด, ฟังก์ชัน, ปริมาณ, คุณภาพ, คุณสมบัติ, ค่า, องค์ประกอบ, การทดลอง, กระบวนการ, เซต, ส่วนหนึ่ง, เวลา, ผลลัพธ์ , ผล, เงื่อนไข, สาเหตุ, ความสัมพันธ์, การวิเคราะห์, การสังเคราะห์, การพิสูจน์, ระบบ, พื้นฐาน, ดูดซับ, เร่ง, น้อยที่สุด, สากล ฯลฯ คำดังกล่าวถูกกำหนดให้กับแนวคิดที่กำหนดไว้อย่างเคร่งครัดและเป็นศัพท์เฉพาะทาง
คำทั่วไปในรูปแบบที่พิจารณาจะใช้ในความหมายเชิงเสนอชื่อ ซึ่งทำให้สามารถกำหนดสาระสำคัญของแนวคิดหรือปรากฏการณ์ได้อย่างเป็นกลาง อย่างไรก็ตาม ในข้อความทางวิทยาศาสตร์ที่เฉพาะเจาะจง พวกเขาสามารถเปลี่ยนแปลงความหมายได้ ตัวอย่างเช่น คำว่า สมมติ ในข้อความทางคณิตศาสตร์หมายถึง "สมมติ, สมมติ": สมมติว่าสามเหลี่ยมที่ให้มามีความสอดคล้องกัน
ความหมายพิเศษถูกกำหนดให้กับคำที่ใช้กันทั่วไปในข้อความทางวิทยาศาสตร์ ดังนั้น คำนามที่ลงท้ายซึ่งมีสองความหมาย (1. ความสมบูรณ์, การนำบางสิ่งมาสู่จุดสิ้นสุด. 2. ส่วนสุดท้ายของบางสิ่ง) จึงถูกใช้ในภาษาศาสตร์ว่ามีความชัดเจน: 'ส่วนการเปลี่ยนไวยากรณ์ของคำ; การงอ' กริยา พิจารณา ซึ่งสามารถใช้ในความหมายได้ดังนี้ 1. มอง มอง มองออก 2. มอง เพ่งมอง ทำความคุ้นเคยกับบางสิ่ง 3. แยกวิเคราะห์ ไตร่ตรอง อภิปราย (พจนานุกรมภาษารัสเซีย) ในรูปแบบวิทยาศาสตร์มักจะใช้ในความหมายที่สาม: พิจารณาสามเหลี่ยมนี้
การผสมผสานทางวลีของรูปแบบทางวิทยาศาสตร์นั้นมีลักษณะเฉพาะด้วย วรรณคดีทั่วไป, การเปลี่ยนรูปแบบคงที่ของ interstyle ถูกใช้ที่นี่, ทำหน้าที่ในประโยค: พยัญชนะหูหนวก, ระนาบเอียง, เกรนที่มีเหตุผล, เศษส่วนทศนิยม, ต่อมไทรอยด์, จุดโฟกัสของโรค, จุดเดือด, พายุแม่เหล็ก, การระเบิดของประชากร เริ่มแรก วลีอิสระ เนื่องจากความเสถียรของรูปแบบและการทำซ้ำ ให้เปลี่ยนเป็นหน่วยวลีที่มีลักษณะคำศัพท์ (เงื่อนไขแบบประสม) วลีคำศัพท์แตกต่างจากวลีประเภทอื่น ๆ วลีคำศัพท์สูญเสียการแสดงออกที่เป็นรูปเป็นร่างและเชิงเปรียบเทียบและไม่มีคำพ้องความหมาย ความคิดโบราณของคำพูดประเภทต่างๆ ยังสามารถนำมาประกอบกับการใช้ถ้อยคำของรูปแบบทางวิทยาศาสตร์: พวกเขาเป็นตัวแทน ประกอบด้วย ประกอบด้วย ... ใช้ใน (สำหรับ) ... ประกอบด้วย ... หมายถึง ... ฯลฯ .
คำและวลีที่มีการใช้สีที่สื่ออารมณ์และภาษาพูด ตลอดจนคำที่ใช้อย่างจำกัด (archaisms, jargonisms, dialectisms ฯลฯ) ไม่ใช่เรื่องธรรมดาในรูปแบบทางวิทยาศาสตร์
ความปรารถนาในการวางนัยทั่วไปสำหรับสิ่งที่เป็นนามธรรมในระดับสัณฐานวิทยานั้นแสดงออกทั้งในทางเลือกความถี่ของการใช้หมวดหมู่และรูปแบบทางสัณฐานวิทยาบางอย่างตลอดจนความหมายและในลักษณะของการทำงาน รูปแบบทางวิทยาศาสตร์มีลักษณะเด่นที่ชัดเจนของชื่อเหนือกริยา การใช้คำนามอย่างแพร่หลายใน -nie, -ie, -ost, -ka, -tion, -fication ฯลฯ ด้วยคุณค่าของคุณลักษณะของการกระทำ สถานะ การเปลี่ยนแปลง ให้เราวิเคราะห์ข้อความที่ตัดตอนมาจากคำนำถึงไวยากรณ์รัสเซีย (มอสโก, 1980, หน้า 3):
ความพยายามที่จะแก้ปัญหาทางทฤษฎีและการจัดระบบข้อเท็จจริงทางวิทยาศาสตร์ถูกรวมเข้ากับงานเชิงบรรทัดฐาน: หนังสือเล่มนี้มีข้อมูลเกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการสร้างคำ รูปแบบคำ ลักษณะเฉพาะของสำเนียง การสร้างวากยสัมพันธ์เป็นเพียงสิ่งที่ถูกต้องสำหรับสถานะปัจจุบันของภาษาวรรณกรรม และตัวแปร ¾ (อนุญาต) ตัวใดที่ใช้งานร่วมกับตัวแปรอื่นๆ ที่เทียบเท่าหรือใกล้เคียงกัน
มีเพียง 3 กริยาและ 18 คำนามในข้อนี้ ส่วนใหญ่เป็นนามธรรม (การตัดสินใจ การจัดระบบ ความเป็นไปได้ การก่อตัวของคำ สถานะ การใช้ ฯลฯ ) ความสัมพันธ์ทางศัพท์กับคำกริยา (ปฏิสัมพันธ์ ¾ โต้ตอบ การพึ่งพา ¾ ขึ้นอยู่กับ การพัฒนา ¾ พัฒนา จำแนก ¾ จำแนก ฯลฯ) เมื่อเทียบกับกริยาที่สัมพันธ์กัน คำนามมีความหมายที่เป็นนามธรรมมากกว่าและตามกฎแล้วเป็นคำศัพท์ในลักษณะธรรมชาติ สิ่งนี้อธิบายความเด่นเหนือกริยา
ความเป็นนามธรรมและลักษณะทั่วไปของรูปแบบทางวิทยาศาสตร์นั้นแสดงออกโดยใช้คำนามเป็นกลางอย่างกว้างขวาง: การแผ่รังสี, คำจำกัดความ, มุมมอง, ความคิด, การแจกจ่ายซ้ำ, ความตึงเครียด, การเกิดขึ้น, การเกิดออกซิเดชัน ฯลฯ ในบรรดาคำนามเพศชายและเพศหญิง มีคำจำนวนมากที่มีความหมายนามธรรม: ปัจจัย, แรงกระตุ้น, สิ่งเร้า, การประสานกัน, ช่วงเวลา, วิธีการ, วิธีการ, กระบวนการ, ผลลัพธ์, ความเป็นไปได้, พลัง, ความต้องการ, รูปแบบ, มวล, ขนาด, ความเข้มข้น ฯลฯ
รูปแบบของจำนวนและกรณีของคำนามถูกนำเสนอในลักษณะที่แปลกประหลาดในการพูดทางวิทยาศาสตร์ คำนามส่วนใหญ่ใช้เฉพาะในรูปเอกพจน์เท่านั้น ซึ่งเกี่ยวข้องกับการใช้คำนามด้วยวาจาอย่างแพร่หลาย เช่นเดียวกับคำนามที่แสดงถึงชื่อองค์ประกอบทางเคมี สาร ฯลฯ รูปแบบทางวิทยาศาสตร์มีลักษณะเฉพาะโดยการใช้เอกพจน์ในความหมายของพหูพจน์: Loupe ¾เป็นอุปกรณ์ขยายภาพที่ง่ายที่สุด เจ ¾ นก ธรรมดาในป่าของเรา; ทุกปี ผู้คนหลายพันคนไปที่ไทกาเพื่อล่าเซเบิล ในกรณีเหล่านี้ คำนามที่แสดงถึงวัตถุที่นับจำนวน (แว่นขยาย เจย์ เซเบิล) ตั้งชื่อวัตถุทั้งคลาสโดยระบุลักษณะเฉพาะของวัตถุหรือมีความหมายโดยรวมโดยรวม อย่างไรก็ตาม คำนามที่เป็นนามธรรมและจริงในรูปแบบวิทยาศาสตร์ถูกใช้ในรูปพหูพจน์ เพื่อให้ได้ความหมายเฉพาะ (เสียงหัวใจ พลัง ความสามารถ ฯลฯ) หรือความหมายของ 'เกรด', 'วาไรตี้' (น้ำมันหล่อลื่น, ออกซิเจนที่ใช้งาน, อุณหภูมิต่ำ ดินเหนียวสีขาวและสีแดง ฯลฯ) รูปพหูพจน์ของคำนามนามธรรมปรากฏภายใต้อิทธิพลของระบบคำศัพท์
ในบรรดารูปแบบคดี ที่แรกในแง่ของความถี่ของการใช้ถูกครอบครองโดยรูปแบบของกรณีสัมพันธการกซึ่งมักจะทำหน้าที่เป็นคำจำกัดความ: ปฏิกิริยาของการเชื่อมต่อ, ความพยายามในการแก้ปัญหา, จุดหลอมเหลว, บรรทัดฐานของภาษาวรรณกรรม, ภาษา ของการสื่อสารระหว่างชาติพันธุ์ ทฤษฎีบทพีทาโกรัส สัจพจน์ของการขนาน เครื่องหมายของความสอดคล้องของตัวเลข หลังจากกรณีสัมพันธการกตามความถี่ในการใช้งานมีรูปแบบของกรณีการเสนอชื่อและกรณีกล่าวหา เป็นส่วนหนึ่งของโครงสร้างแบบพาสซีฟ รูปแบบของกรณีเครื่องมือเป็นเรื่องธรรมดา: ค้นพบโดย Mendeleev ซึ่งก่อตั้งโดย Newton ซึ่งกำหนดโดย Pavlov ซึ่งสร้างขึ้นโดยผู้คน
ในการพูดทางวิทยาศาสตร์จะใช้รูปแบบการวิเคราะห์ที่โดดเด่นของระดับคำคุณศัพท์เปรียบเทียบและขั้นสูงสุด (ซับซ้อนกว่า กะทัดรัดกว่า เฉื่อยมากกว่า ง่ายที่สุด และสำคัญที่สุด) ยิ่งไปกว่านั้น ระดับขั้นสูงสุดมักจะเกิดขึ้นจากการรวมระดับบวกของคำคุณศัพท์และคำวิเศษณ์เข้าด้วยกันเป็นส่วนใหญ่ อย่างน้อย; บางครั้งคำวิเศษณ์จะใช้ very และ most แทบจะไม่เคยใช้เลย รูปแบบสังเคราะห์ของระดับขั้นสูงสุดที่มีส่วนต่อท้าย -eysh-, -aysh- เนื่องจากความหมายแฝงที่แสดงออกทางอารมณ์ ไม่ใช่เรื่องปกติสำหรับสุนทรพจน์ทางวิทยาศาสตร์ ยกเว้นการผสมผสานคำศัพท์ที่เสถียร: อนุภาคที่เล็กที่สุด สิ่งมีชีวิตที่ง่ายที่สุด จากรูปแบบที่เหมือนกันของระดับเปรียบเทียบที่สูงกว่า ¾ ตามกฎแล้วจะใช้รูปแบบที่สองสูงกว่าเล็กน้อย (เล็กน้อย)
คำคุณศัพท์สั้น ๆ ในรูปแบบวิทยาศาสตร์โดยดูถูกจากรูปแบบทั่วไปของภาษารัสเซียไม่ได้แสดงออกมาชั่วคราว แต่เป็นสัญญาณถาวรของวัตถุและปรากฏการณ์: เอทิลแอลกอฮอล์บริสุทธิ์ไม่มีสี ฟลูออรีน คลอรีน โบรมีนเป็นพิษ
คุณสมบัติของการใช้กริยานั้นสัมพันธ์กับรูปแบบที่เป็นรูปธรรม กริยาส่วนใหญ่ใช้ในกาลปัจจุบัน ส่วนใหญ่มักจะแสดงความหมายที่เป็นที่มาหรือคำแถลงข้อเท็จจริงและดำเนินการในความหมายทางโลกที่เป็นนามธรรม (ปัจจุบันไร้กาลเวลา): คาร์บอนเป็นส่วนหนึ่งของคาร์บอนไดออกไซด์ อะตอมกำลังเคลื่อนที่ เมื่อถูกความร้อน ร่างกายจะขยายตัว ปัจจุบันอมตะนั้นเป็นนามธรรม มีลักษณะทั่วไปมากที่สุด และสิ่งนี้อธิบายความเด่นของมันในรูปแบบทางวิทยาศาสตร์
เนื่องจากกริยาในรูปแบบกาลปัจจุบันแสดงถึงสัญญาณคงที่ คุณสมบัติ กระบวนการหรือรูปแบบของปรากฏการณ์ จึงเป็นไปได้ที่จะใช้ตัวกำหนดประเภทตามปกติ เสมอ เสมอ เสมอ เสมอ เสมอ และเป็นไปไม่ได้ ¾ ตลอดเวลา ณ เวลานี้ ณ ขณะ (ที่กำหนด) นี้ ตอนนี้ ฯลฯ ป.
ความเป็นนามธรรมของความหมายขยายไปถึงรูปแบบของกริยาแห่งอนาคตและอดีตกาล ได้มาซึ่งความหมายที่ไร้กาลเวลา: มากำหนดพื้นที่ของรูปสามเหลี่ยมกัน มาทำการทดลองกัน มาสร้างสมการกัน ใช้สูตรนี้แล้ว กำลังดำเนินการวิจัย
รูปแบบของกริยาที่เป็นรูปธรรมนั้น รูปแบบที่ไม่สมบูรณ์มักเป็นคำพูดทางวิทยาศาสตร์ที่ใช้บ่อยที่สุด เนื่องจากมีความเป็นนามธรรมมากกว่าและมีความหมายในภาพรวมมากกว่า ในทางวิทยาศาตร์คิดเป็น 80%
กริยาที่สมบูรณ์แบบมักใช้ในรูปแบบของกาลอนาคตซึ่งตรงกันกับกาลปัจจุบันความหมายเชิงลักษณะของกริยาดังกล่าวอ่อนลงอันเป็นผลมาจากรูปแบบที่สมบูรณ์แบบในกรณีส่วนใหญ่สามารถถูกแทนที่ด้วยความไม่สมบูรณ์: วาด (เส้น ) ¾ เสมอ เปรียบเทียบ (ผลลัพธ์) ¾ เปรียบเทียบ พิจารณา (อสมการ ) ¾ ได้รับการพิจารณา
ในรูปแบบวิทยาศาสตร์ กริยารูปเอกพจน์และพหูพจน์ของบุคคลที่ 3 มักใช้กันทั่วไปในฐานะที่เป็นนามธรรมและมีความหมายในวงกว้างที่สุด กริยารูปพหูพจน์บุรุษที่ 1 และคำสรรพนามที่เราใช้กับคำกริยาเหล่านี้มีลักษณะเฉพาะด้วยเฉดสีเพิ่มเติม พวกเขามักจะทำหน้าที่ไม่ได้กำหนดบุคคลเฉพาะเจาะจงใด ๆ แต่เพื่อแสดงความหมายทั่วไปที่เป็นนามธรรม ซึ่งรวมถึง "เราร่วมกัน" (เราอยู่กับคุณ) แสดงเฉดสีของการสมรู้ร่วมคิดกับผู้ฟังหรือผู้อ่านตลอดจนการใช้เราเพื่อแสดงถึงบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยทั่วไป: เราสามารถกำหนดพื้นที่ ... ; เรามาสรุปกัน...; ถ้าเราแสดงว่า ... ความหมายนี้มักจะแสดงโดยรูปแบบส่วนบุคคลของคำกริยาในกรณีที่ไม่มีคำสรรพนาม (เราสามารถกำหนด ...; ถ้าเราแสดงว่า ...) เป็นไปได้ที่จะแทนที่การก่อสร้างส่วนบุคคลด้วยสิ่งไม่มีตัวตนหรือไม่มีที่สิ้นสุด: คุณสามารถกำหนด ... คุณสามารถสรุปได้ ... ถ้าคุณกำหนด ...
รูปแบบของกริยาเอกพจน์บุรุษที่ 1 และสรรพนาม i แทบไม่เคยถูกนำมาใช้ในการพูดทางวิทยาศาสตร์เลย เนื่องจากความสนใจในที่นี้จะเน้นไปที่เนื้อหาและลำดับตรรกะของการนำเสนอเป็นหลัก ไม่ได้เน้นที่หัวข้อ แบบฟอร์มของบุคคลที่ 2 เอกพจน์และพหูพจน์นั้นแทบจะไม่ได้ใช้เป็นแบบเฉพาะเจาะจงที่สุด ซึ่งมักจะหมายถึงผู้แต่งคำพูดและผู้รับ ในการพูดทางวิทยาศาสตร์ ผู้พูดและผู้รับถูกระงับ สิ่งสำคัญในที่นี้ไม่ใช่ผู้พูด แต่สิ่งที่กำลังพูดคือ หัวข้อของข้อความ เนื้อหาของข้อความ คำพูดเชิงวิทยาศาสตร์มักจะไม่กล่าวถึงบุคคลใดบุคคลหนึ่ง แต่เป็นการพูดกับผู้คนในวงกว้างอย่างไม่มีกำหนด
ความปรารถนาที่จะนามธรรมสำหรับลักษณะทั่วไปกำหนดแนวโน้มของกริยาที่จะแยกส่วน มันแสดงให้เห็นในความจริงที่ว่าประการแรกคำกริยาความหมายกว้าง ๆ ที่เป็นนามธรรมเป็นลักษณะของรูปแบบทางวิทยาศาสตร์: มี, เปลี่ยนแปลง, สังเกต, ประจักษ์, สิ้นสุด, ค้นพบ, มีอยู่, เกิดขึ้น, เพื่อ รายการและอื่น ๆ .; ประการที่สอง กริยาจำนวนมากในรูปแบบวิทยาศาสตร์ทำหน้าที่เป็นตัวเชื่อม: เป็น, กลายเป็น, เป็น, รับใช้, ครอบครอง, ถูกเรียก, พิจารณา, ที่จะสรุป, แตกต่าง, เป็นที่รู้จัก, นำเสนอ , ฯลฯ . ; ประการที่สาม กริยาจำนวนหนึ่งทำหน้าที่ของส่วนประกอบของวลีวาจา - นาม (verbonominants) ซึ่งคำนามมีความหมายหลักและกริยาแสดงถึงการกระทำในความหมายที่กว้างที่สุดและแสดงความหมายทางไวยากรณ์: ค้นหาแอปพลิเคชัน ทำการคำนวณ ( การสังเกต การวัด การคำนวณ ) อิทธิพล (ผลกระทบ แรงกด ความช่วยเหลือ แนวรับ แนวต้าน) ปฏิกิริยา (โต้ตอบ) นำไปสู่การเปลี่ยนแปลง (เพื่อปรับปรุง เสริมความแข็งแกร่ง อ่อนตัว ขยาย) ฯลฯ วลีนามกริยาประเภทนี้ทำให้สามารถนำเสนอการกระทำในลักษณะทั่วไปและในขณะเดียวกันก็นำไปสู่ความถูกต้องของความหมายเนื่องจากการใช้วลีแทนกริยาที่มีนัยสำคัญอย่างสมบูรณ์ (เพื่อค้นหาแอปพลิเคชัน¾ที่จะใช้เพื่อต่อต้าน ¾เพื่อต่อต้าน) ช่วยให้คุณสามารถขยายองค์ประกอบเล็กน้อยของวลีด้วยคำคุณศัพท์ที่อธิบายคำอธิบายของการกระทำหรือกระบวนการ: ค้นหาแอปพลิเคชันกว้าง ๆ ( แพร่หลาย ฯลฯ ) เพื่อให้แข็งแกร่ง (สังเกตได้ คงที่ เป็นมิตร ฯลฯ ) ) ความต้านทาน.
ในรูปแบบทางวิทยาศาสตร์ คำสันธาน คำบุพบท และคำบุพบทรวมกันมีบทบาท ซึ่งอาจเป็นคำที่มีมูลค่าเต็ม โดยเฉพาะคำนาม: ด้วยความช่วยเหลือของ ด้วยความช่วยเหลือของ ตาม เป็นผล เนื่องจาก , บนพื้นฐานของ, สัมพันธ์กับ, ขึ้นอยู่กับ ..., เปรียบเทียบกับ ..., เกี่ยวข้องกับ ..., ในปริมาณที่พอเหมาะ, ฯลฯ คำบุพบทและคำสันธานดังกล่าวทำให้สามารถแสดงความหมายได้ชัดเจนและแม่นยำยิ่งขึ้น เมื่อเทียบกับสิ่งธรรมดา ๆ เนื่องจากวงกลมของความหมายนั้นแคบกว่า
ไม่ใช้อนุภาคและคำอุทานทางอารมณ์และอัตนัย-โมดอลในการพูดทางวิทยาศาสตร์
ความเป็นนามธรรมและลักษณะทั่วไปของคำพูดทางวิทยาศาสตร์ในระดับวากยสัมพันธ์นั้นแสดงออกมาเป็นหลักในการใช้โครงสร้างแบบพาสซีฟ (พาสซีฟ) อย่างแพร่หลายเนื่องจากพวกเขาเน้นที่การกระทำไม่ใช่ผู้ผลิตซึ่งเป็นผลมาจากความเที่ยงธรรมและลักษณะการนำเสนอที่ไม่มีตัวตน . ตัวอย่างเช่น จุดเชื่อมต่อกันด้วยเส้นตรง แรงที่กระทำในทิศทางที่ต่างกันถูกนำไปใช้กับจุดสองจุด "ไวยากรณ์ภาษารัสเซีย" สะท้อนและอธิบายปรากฏการณ์ต่างๆ ของภาษาพูดและสุนทรพจน์พิเศษ
ความต้องการความอิ่มตัวของข้อมูลเป็นตัวกำหนดการเลือกโครงสร้างวากยสัมพันธ์ที่มีความจุและกะทัดรัดที่สุด รูปแบบทางวิทยาศาสตร์ถูกครอบงำด้วยประโยคทั่วไปและประโยคที่ซับซ้อนอย่างง่าย ในบรรดาอดีตที่พบบ่อยที่สุดคือส่วนบุคคลอย่างไม่มีกำหนดโดยมีวัตถุตรงที่จุดเริ่มต้นของประโยคตรงกันกับโครงสร้างแบบพาสซีฟ (การปฏิสนธิระหว่างการเจริญเติบโตของพืชเรียกว่าการตกแต่งด้านบนพืชจะได้รับปุ๋ยแร่ธาตุที่พวกเขาต้องการในช่วงชีวิตนี้ ). ประโยคทั่วไป - ส่วนบุคคลเป็นเรื่องธรรมดาโดยสมาชิกหลักแสดงโดยกริยาในรูปพหูพจน์บุรุษที่ 1 ของกาลปัจจุบันหรืออนาคตในความหมายอมตะ (มาวาดเส้นตรงกันเถอะ ลองใส่องค์ประกอบในขวด หันไป การพิจารณา ... ค่อยๆ อุ่นสารละลาย) เช่นเดียวกับประโยคที่ไม่มีตัวตนในประเภทต่าง ๆ (ยกเว้นที่แสดงสถานะของมนุษย์และธรรมชาติ): จำเป็นต้องพิสูจน์ทฤษฎีบท จำเป็นต้องกำหนดปริมาตรของร่างกาย คุณสามารถใช้สูตร เป็นสิ่งสำคัญที่ต้องเน้นว่า...
การใช้ประโยคประโยคในตำราวิทยาศาสตร์ค่อนข้างจำกัด มักใช้ในหัวข้อ ถ้อยคำของรายการแผน: การเปิดตัวยานอวกาศ การกำหนดประสิทธิภาพของระบบการจัดทำดัชนี ความสัมพันธ์และอัตราส่วนของส่วนใต้ดินและเหนือพื้นดินของพืช
ในประโยคสองส่วน ประโยคที่พบบ่อยที่สุดคือประโยคที่มีภาคแสดงผสม ซึ่งเกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับลักษณะทางสัณฐานวิทยาของรูปแบบทางวิทยาศาสตร์ที่กล่าวไว้ข้างต้นและเกิดจากงานของข้อความทางวิทยาศาสตร์ (เพื่อกำหนดสัญญาณ คุณภาพ คุณสมบัติ ของปรากฏการณ์ที่กำลังศึกษาอยู่) นอกจากนี้ ในกริยาในกาลปัจจุบัน การใช้ copula เป็นลักษณะเฉพาะ: ภาษาเป็นวิธีที่สำคัญที่สุดในการสื่อสารของมนุษย์
ลักษณะเฉพาะของคำพูดทางวิทยาศาสตร์ดังกล่าวตามตรรกะที่เน้นย้ำกำหนดความถี่ของการใช้ประโยคที่ซับซ้อนบางประเภท ในบรรดาประโยคที่ซับซ้อนในการพูดทางวิทยาศาสตร์ ประโยคผสมและประโยคที่ซับซ้อนที่มีการเชื่อมโยงวากยสัมพันธ์ที่กำหนดไว้อย่างชัดเจนระหว่างแต่ละส่วนมีอิทธิพลเหนือ
ความเด่นของประโยคที่เป็นพันธมิตรมากกว่าประโยคที่ไม่ใช่สหภาพนั้นอธิบายโดยข้อเท็จจริงที่ว่าการเชื่อมต่อระหว่างส่วนต่าง ๆ ของประโยคที่ซับซ้อนด้วยความช่วยเหลือของสหภาพแรงงานนั้นแสดงออกได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้นอย่างแจ่มแจ้ง เปรียบเทียบ:
ประโยคที่เกี่ยวข้องกัน ประโยคที่ใช้บ่อยที่สุดคือประโยคที่ซับซ้อน เนื่องจากเมื่ออยู่ภายใต้ความสัมพันธ์ระหว่างบทบัญญัติแต่ละข้อ ประโยคเหล่านี้จะแสดงความแตกต่างและชัดเจนยิ่งขึ้น เปรียบเทียบ:
ในบรรดาความซับซ้อน ประโยคที่พบบ่อยที่สุดคือประโยคที่มีอนุประโยคย่อยและอธิบายซึ่งข้อมูลหลักอยู่ในส่วนย่อยในขณะที่ข้อมูลหลักไม่ได้ทำหน้าที่สำคัญ แต่ทำหน้าที่เพียงเพื่อย้ายจากความคิดหนึ่งไปยังอีกความคิดหนึ่ง : น่าจะบอกว่า ...; ต้องเน้นว่า...; เป็นที่น่าสนใจที่จะทราบว่า...; มาสังเกตกันให้ดีว่า...; สังเกตพบว่า...; หมายเหตุ (เน้นพิสูจน์) ว่า...
การเชื่อมต่อประโยคแบบทั่วไปและแบบทั่วไปสำหรับการพูดทางวิทยาศาสตร์คือการทำซ้ำคำนาม ซึ่งมักใช้ร่วมกับคำสรรพนามที่ชี้ให้เห็นถึงสิ่งนี้ เช่น วิทยาศาสตร์ไวยกรณ์สมัยใหม่ใช้หลากหลายวิธีในการอธิบายโครงสร้างทางไวยากรณ์ของภาษา คำอธิบายเหล่านี้ใช้แนวคิดที่แตกต่างกันและแตกต่างกันมาก...
ความต้องการโครงสร้างเชิงตรรกะที่ชัดเจนของสุนทรพจน์ทางวิทยาศาสตร์เป็นตัวกำหนดการใช้กริยาวิเศษณ์ นิพจน์คำวิเศษณ์ อย่างกว้างขวาง เช่นเดียวกับส่วนอื่น ๆ ของคำพูดและการรวมคำในฟังก์ชันการเชื่อมต่อ ดังนั้น ก่อนอื่น สรุป ดังนั้น ดังนั้น ดังนั้นในที่สุด ยิ่งกว่านั้น ฯลฯ ตามกฎแล้วพวกเขายืนอยู่ที่จุดเริ่มต้นของประโยคและทำหน้าที่รวมส่วนของข้อความ (โดยเฉพาะย่อหน้า) ที่เกี่ยวข้องกันอย่างมีเหตุผล: พวกเขา ดังนั้น การพูดภาษาพูดมักถูกกำหนดเป็นไม่มีการเข้ารหัส สมมติว่าเส้นที่ให้มาตัดกันหรือขนานกัน จากนั้นทั้งคู่ก็นอนอยู่ในระนาบ
ในตำราวิทยาศาสตร์ซึ่งเป็นเหตุผลหรือการนำเสนอของข้อสรุป ข้อสรุปทั่วไป บทสรุป คำหรือวลีเกริ่นนำที่แสดงความสัมพันธ์ระหว่างส่วนต่างๆ ของข้อความนั้นมักเกิดขึ้น: DS ^ MK ดังนั้น MK เส้นตรงคือแกนสมมาตรของจัตุรมุข ดังนั้นจัตุรมุขนี้มีสามแกนสมมาตรของขอบตรงข้าม
ประโยคมักจะซับซ้อนโดยวลีแบบมีส่วนร่วมและแบบมีส่วนร่วม การสร้างปลั๊กอิน คำชี้แจง วลีแยก: คำพูด ภาษาพื้นถิ่น
ความต้องการความถูกต้องของความหมายและความอิ่มตัวของข้อมูลเกิดจากการใช้โครงสร้างในการพูดทางวิทยาศาสตร์ที่มีการแทรกและคำอธิบายหลายอย่างที่ชี้แจงเนื้อหาของคำสั่ง จำกัด ปริมาณระบุแหล่งที่มาของข้อมูล ฯลฯ , สองวิโอลา, เชลโล, น้อยกว่า ¾ ไวโอลิน 2 ตัว วิโอลา 1 ตัว และเชลโล 2 ตัว) และผสม (เช่น เครื่องสายกับคลาริเน็ตหรือเปียโน)
ดังนั้น ในระดับวากยสัมพันธ์ ประการแรก หนึ่งในคุณสมบัติเฉพาะหลักของรูปแบบทางวิทยาศาสตร์พบการแสดงออก - ตรรกะที่เน้นย้ำ ซึ่งยังปรากฏอยู่ในคุณสมบัติขององค์ประกอบด้วย สำหรับข้อความทางวิทยาศาสตร์ การสร้างสามส่วน (บทนำ ส่วนหลัก บทสรุป) เกือบจะเป็นสากล เนื่องจากเป็นวิธีที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในการจัดระเบียบเนื้อหาที่ส่งผ่านอย่างมีตรรกะ
บรรณานุกรม:
1. Azarova, E.V. ภาษารัสเซีย: Proc. เบี้ยเลี้ยง / EV Azarova, M.N. นิโคนอฟ. - Omsk: สำนักพิมพ์ OmGTU, 2005. - 80 p.
2. Golub, I.B. ภาษาและวัฒนธรรมการพูดของรัสเซีย: Proc. เบี้ยเลี้ยง / I.B. โกลับ. - ม. : โลโก้, 2545. - 432 น.
3. วัฒนธรรมการพูดภาษารัสเซีย: หนังสือเรียนสำหรับมหาวิทยาลัย / ed. ศ. ตกลง. Graudina และศาสตราจารย์ อี.เอ็น. ชิรยาฟ - ม.: NORMA-INFRA, 2005. - 549p.
4. Nikonova, M.N. ภาษาและวัฒนธรรมการพูดของรัสเซีย: ตำราสำหรับนักเรียนที่ไม่ใช่นักปรัชญา / M.N. นิโคนอฟ. - Omsk: Publishing House of OmGTU, 2003. - 80 p.
5. ภาษารัสเซียและวัฒนธรรมการพูด: Proc. / เรียบเรียงโดย ศ. ในและ. มักซิมอฟ - อ. : Gardariki, 2008. - 408s.
6. ภาษาและวัฒนธรรมการพูดของรัสเซีย: หนังสือเรียนสำหรับมหาวิทยาลัยเทคนิค / ed. ในและ. มักซิโมว่า, A.V. โกลูเบฟ - ม. : อุดมศึกษา, 2551. - 356 น.
คุณสมบัติหลักของรูปแบบการพูดทางวิทยาศาสตร์
ที่พบมากที่สุด ลักษณะเฉพาะของรูปแบบการพูดนี้คือการนำเสนอเชิงตรรกะ .
ข้อความที่เกี่ยวข้องกันควรมีคุณภาพนี้ แต่ข้อความทางวิทยาศาสตร์มีความโดดเด่นด้วยตรรกะที่เน้นย้ำและเข้มงวด ทุกส่วนในนั้นเชื่อมต่อกันอย่างแน่นหนาในความหมายและจัดเรียงตามลำดับอย่างเคร่งครัด ข้อสรุปเป็นไปตามข้อเท็จจริงที่นำเสนอในข้อความ ทำได้โดยใช้วิธีการทั่วไปของสุนทรพจน์ทางวิทยาศาสตร์: การเชื่อมโยงประโยคกับคำนามซ้ำ มักใช้ร่วมกับคำสรรพนามสาธิต
คำวิเศษณ์ยังระบุลำดับของการพัฒนาความคิด: ก่อน, ก่อน, จากนั้น, ต่อไป; เช่นเดียวกับคำนำ: ประการแรก ประการที่สอง ประการที่สาม ในที่สุด ดังนั้น ในทางกลับกัน; สหภาพแรงงาน: เพราะ, เพราะ, เพื่อ, ดังนั้น. ความเด่นของการสื่อสารแบบพันธมิตรเน้นความเชื่อมโยงระหว่างประโยคที่มากขึ้น
ลักษณะทั่วไปอีกประการหนึ่งของรูปแบบการพูดทางวิทยาศาสตร์คือความถูกต้อง .
ความถูกต้องของความหมาย (ความไม่ชัดเจน) เกิดขึ้นได้จากการเลือกคำอย่างระมัดระวัง การใช้คำในความหมายโดยตรง การใช้คำศัพท์ในวงกว้างและคำศัพท์พิเศษ ตามรูปแบบทางวิทยาศาสตร์ การซ้ำคำสำคัญถือเป็นบรรทัดฐาน
สิ่งที่เป็นนามธรรม และ ลักษณะทั่วไป แน่นอนแทรกซึมทุกข้อความทางวิทยาศาสตร์
ดังนั้นแนวคิดนามธรรมที่ยากต่อการจินตนาการ มองเห็น และรู้สึกจึงถูกนำมาใช้อย่างกว้างขวางในที่นี้ ในตำราดังกล่าว มักพบคำที่มีความหมายเชิงนามธรรม เช่น ความว่างเปล่า ความเร็ว เวลา แรง ปริมาณ คุณภาพ กฎหมาย จำนวน จำกัด; มักใช้สูตร สัญลักษณ์ สัญลักษณ์ กราฟ ตาราง ไดอะแกรม ไดอะแกรม ภาพวาด
เป็นลักษณะเฉพาะที่ แม้แต่คำศัพท์เฉพาะที่นี่ก็หมายถึงแนวคิดทั่วไป .
ตัวอย่างเช่น: นักภาษาศาสตร์ต้องระมัดระวัง, เช่น, นักภาษาศาสตร์โดยทั่วไป; เบิร์ชทนความเย็นได้ดีกล่าวคือ ไม่ใช่วัตถุชิ้นเดียว แต่ชนิดของต้นไม้เป็นแนวคิดทั่วไป สิ่งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนเมื่อเปรียบเทียบคุณสมบัติของการใช้คำเดียวกันในการพูดทางวิทยาศาสตร์และศิลปะ ในการพูดเชิงศิลปะ คำนี้ไม่ใช่คำศัพท์ ไม่เพียงแต่ประกอบด้วยแนวคิดเท่านั้น แต่ยังรวมถึงภาพทางศิลปะด้วยวาจาด้วย (การเปรียบเทียบ การแสดงตัวตน เป็นต้น)
คำว่าวิทยาศาสตร์มีความชัดเจนและเป็นศัพท์เฉพาะ
เปรียบเทียบ:
ไม้เรียว 1) ไม้ต้นผลัดใบ เปลือกสีขาว (ไม่ค่อยเข้ม) และใบรูปหัวใจ (พจนานุกรมอธิบายภาษารัสเซีย) สกุลของต้นไม้และพุ่มไม้ของตระกูลเบิร์ช ประมาณ 120 ชนิดในเขตอบอุ่นและเย็นของภาคเหนือ ซีกโลกและในภูเขากึ่งเขตร้อน พันธุ์ไม้ป่าและพันธุ์ไม้ประดับ ฟาร์มที่ใหญ่ที่สุด B. warty และ B. fluffy มีความสำคัญ |
เบิร์ชสีขาว ใต้หน้าต่างของฉัน (ส. เยสนิน.) |
รูปแบบการพูดทางวิทยาศาสตร์มีลักษณะเป็นพหูพจน์ของคำนามที่เป็นนามธรรมและจริง: ความยาว ขนาด ความถี่; การใช้คำที่เป็นกลางบ่อยครั้ง: การศึกษา ทรัพย์สิน คุณค่า
ไม่เพียงแต่คำนามเท่านั้น แต่กริยายังมักใช้ในบริบทของคำพูดทางวิทยาศาสตร์ ไม่ใช่ในความหมายพื้นฐานและเฉพาะเจาะจง แต่ในความหมายนามธรรมทั่วไป
คำ: ไป, ตาม, เป็นผู้นำ, เรียบเรียง, ระบุ b และอื่น ๆ ไม่ได้แสดงถึงการเคลื่อนไหวที่เหมาะสม ฯลฯ แต่มีอย่างอื่นที่เป็นนามธรรม:
ในวรรณคดีทางวิทยาศาสตร์ โดยเฉพาะวรรณกรรมทางคณิตศาสตร์ รูปแบบของกาลอนาคตมักจะปราศจากความหมายทางไวยากรณ์ แทนที่จะใช้คำว่า จะถูกนำมาใช้ คือ, คือ.
กริยากาลปัจจุบันมักไม่ได้รับความหมายของรูปธรรมเสมอไป: ใช้เป็นประจำ บ่งชี้เสมอ. มีการใช้รูปแบบที่ไม่สมบูรณ์อย่างกว้างขวาง
สุนทรพจน์ทางวิทยาศาสตร์มีลักษณะดังนี้: ความเด่นของสรรพนามบุรุษที่ 1 และ 3 ในขณะที่ความหมายของบุคคลนั้นอ่อนลง การใช้คำคุณศัพท์สั้นบ่อยครั้ง
อย่างไรก็ตาม ลักษณะทั่วไปและความเป็นนามธรรมของข้อความเกี่ยวกับรูปแบบการพูดทางวิทยาศาสตร์ไม่ได้หมายความว่าไม่มีอารมณ์และการแสดงออกในกรณีนี้ พวกเขาคงไม่บรรลุเป้าหมาย
ความชัดเจนของสุนทรพจน์ทางวิทยาศาสตร์แตกต่างจากความชัดเจนของสุนทรพจน์ทางศิลปะโดยสัมพันธ์กับความถูกต้องของการใช้คำ ตรรกะของการนำเสนอ และการโน้มน้าวใจเป็นหลัก วิธีเปรียบเทียบที่ใช้บ่อยที่สุดในวรรณคดีวิทยาศาสตร์ที่เป็นที่นิยม
อย่าผสมคำที่จัดตั้งขึ้นในวิทยาศาสตร์ซึ่งเกิดขึ้นตามประเภทของคำอุปมา (ในทางชีววิทยา - ลิ้น เกสรตัวเมีย ร่ม; ในเทคโนโลยี - คลัตช์ อุ้งเท้า ไหล่ ลำตัว; ในภูมิศาสตร์ - แต่เพียงผู้เดียว (ภูเขา), สันเขา) ใช้คำศัพท์เพื่อจุดประสงค์ที่เป็นรูปเป็นร่างและแสดงออกในรูปแบบการพูดในเชิงหนังสือพิมพ์หรือเชิงศิลปะ เมื่อคำเหล่านี้เลิกเป็นคำ ( ชีพจรของชีวิต บารอมิเตอร์ทางการเมือง แผงเจรจาเป็นต้น)
เพื่อเพิ่มการแสดงออกในรูปแบบการพูดทางวิทยาศาสตร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวรรณคดีวิทยาศาสตร์ที่เป็นที่นิยม ในงานที่มีการโต้เถียง ในบทความอภิปราย ถูกนำมาใช้ :
1) ขยายอนุภาค สรรพนาม กริยาวิเศษณ์: เท่านั้น อย่างแน่นอน เท่านั้น;
2) คำคุณศัพท์เช่น: มหึมา, ได้เปรียบที่สุด, หนึ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุด, ยากที่สุด;
3) คำถาม "ปัญหา": ในความเป็นจริง ... เซลล์พบร่างกายประเภทใดในสิ่งแวดล้อม สาเหตุของสิ่งนี้คืออะไร
วัตถุประสงค์- สัญญาณอื่นของรูปแบบการพูดทางวิทยาศาสตร์ ทฤษฎีและกฎหมายทางวิทยาศาสตร์ ข้อเท็จจริงทางวิทยาศาสตร์ ปรากฏการณ์ การทดลอง และผลลัพธ์ ทั้งหมดนี้นำเสนอในข้อความที่เกี่ยวข้องกับรูปแบบการพูดทางวิทยาศาสตร์
และทั้งหมดนี้ต้องการลักษณะเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ วัตถุประสงค์ เชื่อถือได้ ดังนั้น ประโยคอัศเจรีย์จึงใช้น้อยมาก ในข้อความทางวิทยาศาสตร์ ความเห็นส่วนตัวที่เป็นอัตนัยเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ ไม่ใช่เรื่องปกติที่จะใช้สรรพนาม I และกริยาในเอกพจน์บุรุษที่หนึ่ง ที่นี่ประโยคส่วนตัวถูกใช้บ่อยขึ้นเรื่อย ๆ ( คิดว่า.. ), ไม่มีตัวตน ( เป็นที่รู้กันว่า...) ส่วนตัวแน่นอน ( มาดูปัญหา...).
ในรูปแบบการพูดทางวิทยาศาสตร์ สามารถแยกแยะลักษณะย่อยหรือความหลากหลายได้หลายแบบ:
ก) เป็นวิทยาศาสตร์จริงๆ (วิชาการ) - เข้มงวดและแม่นยำที่สุด พวกเขาเขียนวิทยานิพนธ์, เอกสาร, บทความวารสารวิทยาศาสตร์, คำแนะนำ, GOST, สารานุกรม;
b) วิทยาศาสตร์ยอดนิยม (วารสารศาสตร์วิทยาศาสตร์) เขาเขียนบทความทางวิทยาศาสตร์ในหนังสือพิมพ์นิตยสารวิทยาศาสตร์ยอดนิยมหนังสือวิทยาศาสตร์ยอดนิยม ซึ่งรวมถึงการกล่าวสุนทรพจน์ในที่สาธารณะทางวิทยุ โทรทัศน์ในหัวข้อทางวิทยาศาสตร์ การกล่าวสุนทรพจน์โดยนักวิทยาศาสตร์และผู้เชี่ยวชาญต่อหน้าผู้ชมจำนวนมาก
ค) วิทยาศาสตร์และการศึกษา (วรรณกรรมการศึกษาเรื่องต่าง ๆ สำหรับสถาบันการศึกษาประเภทต่างๆ หนังสืออ้างอิง คู่มือ)
| เป้าหมายปลายทาง | เชิงวิชาการ |
|
|
| การเลือกข้อเท็จจริงเงื่อนไข | เชิงวิชาการ | วิทยาศาสตร์และการศึกษา มีคำอธิบายเงื่อนไขทั้งหมด | วิทยาศาสตร์ยอดนิยม คำศัพท์ขั้นต่ำ |
| ประเภทของการพูดนำ ชื่อเรื่อง | เชิงวิชาการ การให้เหตุผล | วิทยาศาสตร์และการศึกษา สะท้อนถึงประเภทของสื่อการเรียนรู้ | วิทยาศาสตร์ยอดนิยม บรรยาย น่าสนใจ น่าสนใจ |
คุณสมบัติคำศัพท์ของรูปแบบการพูดทางวิทยาศาสตร์
วัตถุประสงค์หลักของข้อความทางวิทยาศาสตร์ คำศัพท์ของมันคือการกำหนดปรากฏการณ์ วัตถุ ตั้งชื่อและอธิบาย และสำหรับสิ่งนี้ อย่างแรกเลย จำเป็นต้องมีคำนาม
ลักษณะทั่วไปของคำศัพท์รูปแบบวิทยาศาสตร์คือ:
ก) การใช้คำในความหมายโดยตรง
b) ขาดความหมายที่เป็นรูปเป็นร่าง: ฉายา, อุปมา, การเปรียบเทียบทางศิลปะ, สัญลักษณ์บทกวี, อติพจน์;
c) การใช้คำศัพท์และคำศัพท์ที่เป็นนามธรรมอย่างกว้างขวาง
ในสุนทรพจน์ทางวิทยาศาสตร์ มีคำสามชั้น:
คำต่างๆ มีความเป็นกลางทางโวหาร กล่าวคือ ทั่วไป ใช้ในรูปแบบต่างๆ
ตัวอย่างเช่น: เขา ห้า สิบ; ใน บน สำหรับ; ดำ, ขาว, ใหญ่; กำลังเกิดขึ้นฯลฯ ;
คำวิทยาศาสตร์ทั่วไป เช่น พบในภาษาของวิทยาศาสตร์ที่แตกต่างกันและไม่ใช่ของวิทยาศาสตร์ใด ๆ
ตัวอย่างเช่น: ศูนย์กลาง, แรง, องศา, ขนาด, ความเร็ว, รายละเอียด, พลังงาน, ความคล้ายคลึงฯลฯ
สิ่งนี้สามารถยืนยันได้ด้วยตัวอย่างวลีที่นำมาจากตำราวิทยาศาสตร์ต่างๆ: ศูนย์กลางการบริหาร, ศูนย์กลางของส่วนยุโรปของรัสเซีย, ใจกลางเมือง; จุดศูนย์ถ่วงศูนย์กลางของการเคลื่อนไหว ศูนย์กลางของวงกลม
เงื่อนไขของวิทยาศาสตร์ใด ๆ เช่น คำศัพท์เฉพาะทาง คุณรู้อยู่แล้วว่าสิ่งสำคัญในคำนี้คือความถูกต้องและความชัดเจน
ลักษณะทางสัณฐานวิทยาของรูปแบบการพูดทางวิทยาศาสตร์
ในข้อความทางวิทยาศาสตร์ กริยาในเอกพจน์บุรุษที่ 1 และ 2 จะไม่ถูกนำมาใช้จริง มักใช้ในวรรณกรรม
กริยาในกาลปัจจุบันที่มีความหมาย "อมตะ" อยู่ใกล้กับคำนามวาจา: กระเด็นลง - กระเด็นลง, กรอกลับ - กรอกลับ; และในทางกลับกัน: เติม - เติม.
คำนามทางวาจาสื่อถึงกระบวนการและปรากฏการณ์ที่เป็นรูปธรรมได้ดี ดังนั้นจึงมักใช้ในข้อความทางวิทยาศาสตร์
มีคำคุณศัพท์ไม่กี่คำในข้อความทางวิทยาศาสตร์ และหลายคำใช้เป็นส่วนหนึ่งของคำศัพท์ มีความหมายเฉพาะเจาะจงและแม่นยำสูง ในข้อความวรรณกรรมมีคำคุณศัพท์มากกว่าในแง่ของเปอร์เซ็นต์และคำคุณศัพท์และคำจำกัดความทางศิลปะมีอิทธิพลเหนือที่นี่
ในรูปแบบวิทยาศาสตร์ ส่วนของคำพูดและรูปแบบไวยากรณ์มีการใช้แตกต่างจากรูปแบบอื่น
เพื่อระบุคุณลักษณะเหล่านี้ มาทำวิจัยกันเล็กน้อย
คุณสมบัติวากยสัมพันธ์ของรูปแบบการพูดทางวิทยาศาสตร์
โดยทั่วไปสำหรับการพูดทางวิทยาศาสตร์คือ:
ก) รอบพิเศษประเภท: ตาม Mendeleev ตามประสบการณ์;
ค) การใช้คำ: ให้ รู้จัก เหมาะเป็นช่องทางสื่อสาร;
d) ใช้สายสัมพันธ์ของกรณีสัมพันธการก: การสร้างการพึ่งพาความยาวคลื่นของรังสีเอกซ์ของอะตอม(กฐิสา.)
ในการพูดเชิงวิทยาศาสตร์ มีการใช้ประโยคที่ซับซ้อนมากกว่ารูปแบบอื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งประโยคที่ซับซ้อน
ซับซ้อนกับอนุประโยคอธิบายแสดงลักษณะทั่วไป เปิดเผยปรากฏการณ์ทั่วไป รูปแบบเฉพาะ
คำ อย่างที่ทราบ นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าเข้าใจได้ฯลฯ ระบุเมื่ออ้างถึงแหล่งที่มาข้อเท็จจริงบทบัญญัติใด ๆ
ประโยคที่ซับซ้อนซึ่งมีสาเหตุรองถูกนำมาใช้กันอย่างแพร่หลายในการพูดทางวิทยาศาสตร์ เนื่องจากวิทยาศาสตร์เผยให้เห็นถึงความสัมพันธ์เชิงสาเหตุของปรากฏการณ์แห่งความเป็นจริง ในประโยคเหล่านี้ ใช้เป็นคำสันธานทั่วไป ( เพราะ, ตั้งแต่, ตั้งแต่, ตั้งแต่) และหนังสือ ( เนื่องจากความจริงที่ว่า, เนื่องจากความจริงที่ว่า, เนื่องจากความจริงที่ว่า, เนื่องจากความจริงที่ว่า, สำหรับ).
ในการพูดเชิงวิทยาศาสตร์ การเปรียบเทียบช่วยให้เปิดเผยแก่นแท้ของปรากฏการณ์ได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น เพื่อค้นพบความเชื่อมโยงกับปรากฏการณ์อื่นๆ ในขณะที่ในงานศิลปะ จุดประสงค์หลักของพวกเขาคือการเปิดเผยภาพอย่างเต็มตาและมีอารมณ์ ซึ่งเป็นภาพที่ศิลปินของ คำ.
มักใช้วลีที่มีส่วนร่วมและกริยาวิเศษณ์
การใช้วิธีการแสดงออก
ลักษณะทั่วไปและความเป็นนามธรรมของคำพูดทางวิทยาศาสตร์ไม่ได้ยกเว้นการแสดงออก นักวิทยาศาสตร์ใช้ภาษาเปรียบเทียบเพื่อเน้นช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดเพื่อโน้มน้าวผู้ฟัง
การเปรียบเทียบ เป็นรูปแบบหนึ่งของการคิดเชิงตรรกะ
น่าเกลียด (ไม่มีภาพ) ตัวอย่างเช่น: โบโรฟลูออไรด์คล้ายกับคลอไรด์
การเปรียบเทียบเพิ่มเติม
... ในประวัติศาสตร์ของรัสเซียใหม่ เราพบกับ "ส่วนเกิน" ของเนื้อหาที่เป็นข้อเท็จจริง เป็นไปไม่ได้ที่จะรวมไว้ในระบบการวิจัยทั้งหมดเพราะคุณจะได้รับสิ่งที่เรียกว่า "เสียง" ในไซเบอร์เนติกส์ ลองนึกภาพต่อไปนี้: หลายคนกำลังนั่งอยู่ในห้องหนึ่ง และทันใดนั้นทุกคนก็เริ่มพูดถึงเรื่องครอบครัวพร้อมกัน สุดท้ายเราจะไม่รู้อะไรเลย ข้อเท็จจริงมากมายต้องอาศัยการคัดเลือก และในขณะที่นักอะคูสติกเลือกเสียงที่พวกเขาสนใจ เราต้องเลือกข้อเท็จจริงที่จำเป็นเพื่อให้ครอบคลุมหัวข้อที่เลือก - ประวัติชาติพันธุ์ของประเทศเรา (L.N. Gumilyov จากรัสเซียถึงรัสเซีย)
การเปรียบเทียบเชิงเปรียบเทียบ
สังคมมนุษย์เป็นเหมือนทะเลที่พลุ่งพล่าน ซึ่งแต่ละบุคคลเช่นคลื่นที่รายล้อมด้วยเผ่าพันธุ์ของตนเอง ชนกันอย่างต่อเนื่อง เกิดขึ้น เติบโตและหายไป และสังคมทะเล - เดือดดาล กระวนกระวายใจ และไม่หยุดนิ่งตลอดไป . ..
ปัญหาที่เป็นปัญหา
คำถามแรกที่เราเผชิญคือ ศาสตร์แห่งสังคมวิทยาคืออะไร? วิชาของการศึกษาคืออะไร? สุดท้ายนี้ แผนกหลักของวินัยนี้คืออะไร?
(ป. โซโรคิน. สังคมวิทยาทั่วไป)
ข้อจำกัดของการใช้วิธีการทางภาษาศาสตร์ในรูปแบบวิทยาศาสตร์
- ความไม่สามารถยอมรับได้ของคำศัพท์ที่ไม่ใช่วรรณกรรม
- กริยาและสรรพนามบุรุษที่ 2 นั้นแทบไม่มีรูปแบบใดเลย คุณคือคุณ
- ใช้ประโยคที่ไม่สมบูรณ์ในขอบเขตที่จำกัด
- การใช้คำศัพท์และการใช้ถ้อยคำแสดงอารมณ์มีจำกัด
ทั้งหมดข้างต้นสามารถนำเสนอในตาราง
คุณสมบัติของรูปแบบการพูดทางวิทยาศาสตร์
| ในคำศัพท์ | ก) เงื่อนไข; b) ความชัดเจนของคำ; c) การทำซ้ำคำหลักบ่อยครั้ง d) ขาดวิธีการเปรียบเทียบ; |
| เป็นส่วนหนึ่งของคำ
| ก) รากสากล คำนำหน้า คำต่อท้าย; b) คำต่อท้ายที่ให้ความหมายเชิงนามธรรม |
| ในทางสัณฐานวิทยา
| ก) ความเด่นของคำนาม; b) การใช้คำนามที่เป็นนามธรรมบ่อยครั้ง c) คำสรรพนามที่ไม่ได้ใช้ I, คุณ และกริยาของบุคคลที่ 1 และ 2 เอกพจน์; d) ความแปลกประหลาดของคำอุทานและคำอุทาน; |
| ในไวยากรณ์ | ก) ลำดับคำโดยตรง (ที่ต้องการ); b) การใช้วลีอย่างแพร่หลาย คำนาม + น. ในสกุล ป.; c) ความเด่นของประโยคส่วนตัวและไม่มีกำหนด d) การใช้ประโยคที่ไม่สมบูรณ์ จ) ประโยคที่ซับซ้อนมากมาย ฉ) การใช้วลีที่มีส่วนร่วมและกริยาวิเศษณ์บ่อยครั้ง |
| ประเภทของคำพูดพื้นฐาน
| การให้เหตุผลและคำอธิบาย |
รูปแบบสไตล์วิทยาศาสตร์
พ.ศ. 2461 ปฏิรูปการสะกด นำการเขียนให้ใกล้เคียงกับคำพูดที่มีชีวิตมากขึ้น (เช่น ยกเลิกคำดั้งเดิมจำนวนมาก แทนที่จะใช้การสะกดสัทศาสตร์) การสะกดคำใกล้เคียงกับคำพูดที่มีชีวิตมักทำให้เกิดการเคลื่อนไหวในอีกทางหนึ่ง: ความปรารถนาที่จะนำการออกเสียงให้ใกล้เคียงกับการสะกดคำ ...
อย่างไรก็ตาม อิทธิพลของการเขียนถูกควบคุมโดยการพัฒนาแนวโน้มการออกเสียงภายใน เฉพาะลักษณะการสะกดคำเท่านั้นที่มีอิทธิพลอย่างมากต่อการออกเสียงวรรณกรรม ซึ่งช่วยพัฒนาระบบการออกเสียงของรัสเซียตามกฎหมายของ I.A. Baudouin de Courtenay หรือมีส่วนในการกำจัดหน่วยวลีในระบบนี้ ...
ในขณะเดียวกันก็ต้องเน้นว่าประการแรกคุณลักษณะเหล่านี้เป็นที่รู้จักเมื่อปลายศตวรรษที่ 19 และประการที่สองแม้ตอนนี้พวกเขาไม่สามารถถือว่าได้รับชัยชนะอย่างสมบูรณ์ในการออกเสียงวรรณกรรมรัสเซียสมัยใหม่ บรรทัดฐานวรรณกรรมเก่าแข่งขันกับพวกเขา
รูปแบบวิทยาศาสตร์เป็นลักษณะการทำงานและโวหารที่หลากหลายของภาษาวรรณกรรมที่ให้บริการสาขาวิทยาศาสตร์ต่างๆ (วิทยาศาสตร์ที่แน่นอน วิทยาศาสตร์ธรรมชาติ มนุษยศาสตร์ ฯลฯ) สาขาเทคโนโลยีและการผลิตและนำไปใช้ในประเภท เอกสาร บทความทางวิทยาศาสตร์ วิทยานิพนธ์ บทคัดย่อ รายงานทางวิทยาศาสตร์ การบรรยาย รายงานหัวข้อทางวิทยาศาสตร์ บทวิจารณ์, เช่นเดียวกับใน วรรณกรรมทางการศึกษาและวิทยาศาสตร์และเทคนิคเป็นต้น งานที่สำคัญที่สุดของรูปแบบการพูดทางวิทยาศาสตร์คือการอธิบายสาเหตุของปรากฏการณ์, แจ้ง, อธิบายลักษณะสำคัญ, คุณสมบัติของหัวเรื่องของความรู้ทางวิทยาศาสตร์
รูปแบบทางวิทยาศาสตร์เป็นหนึ่งในรูปแบบหนังสือของภาษาวรรณกรรมรัสเซียซึ่งมีเงื่อนไขทั่วไปสำหรับการทำงานและลักษณะทางภาษาที่คล้ายคลึงกัน ได้แก่ การพิจารณาเบื้องต้นของข้อความลักษณะการพูดคนเดียวการเลือกภาษาที่เข้มงวดความปรารถนา การทำให้เป็นมาตรฐานของคำพูด รูปแบบหลักของการดำเนินการตามรูปแบบทางวิทยาศาสตร์คือคำพูดที่เขียนแม้ว่าบทบาทของวิทยาศาสตร์ที่เพิ่มขึ้นในด้านต่าง ๆ ของกิจกรรมการขยายตัวของการติดต่อทางวิทยาศาสตร์การพัฒนาของสื่อมวลชนบทบาทของการสื่อสารด้วยวาจาโดยใช้รูปแบบทางวิทยาศาสตร์ก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน
งานสื่อสารหลักของการสื่อสารในสาขาวิทยาศาสตร์คือการแสดงออกของแนวคิดและข้อสรุปทางวิทยาศาสตร์ การคิดในด้านของกิจกรรมนี้เป็นลักษณะทั่วไปที่เป็นนามธรรมและเป็นเหตุเป็นผล นี่คือเหตุผลสำหรับคุณลักษณะเฉพาะของรูปแบบทางวิทยาศาสตร์ เช่น ความเป็นนามธรรม การวางนัยทั่วไป การนำเสนอเชิงตรรกะที่เน้นย้ำ และคุณลักษณะรองที่เฉพาะเจาะจงมากขึ้นของรูปแบบ: ความหมายที่ถูกต้อง(เอกลักษณ์ของการแสดงความคิด) ความร่ำรวยของข้อมูล, ความเที่ยงธรรมของการนำเสนอ, ขาดภาพและอารมณ์. ลักษณะทั่วไปและความเป็นนามธรรมของภาษาของร้อยแก้วทางวิทยาศาสตร์ถูกกำหนดโดยลักษณะเฉพาะของการคิดทางวิทยาศาสตร์ วิทยาศาสตร์ตีความแนวคิด แสดงความคิดที่เป็นนามธรรม ดังนั้นภาษาของวิทยาศาสตร์จึงปราศจากความเป็นรูปธรรม ในแง่นี้มันตรงกันข้ามกับภาษาของนิยาย
หมายถึงคำศัพท์ของรูปแบบทางวิทยาศาสตร์
คุณสมบัติหลักของการจัดเครื่องมือภาษาและรูปแบบทางวิทยาศาสตร์คือ ตัวอักษรนามธรรมทั่วไปที่ระดับคำศัพท์และไวยากรณ์ของระบบภาษา ซึ่งทำให้การพูดเชิงวิทยาศาสตร์มีสีหน้าที่และโวหารเดียว คำศัพท์ของคำพูดทางวิทยาศาสตร์ประกอบด้วยสามชั้นหลัก: คำทั่วไป คำและศัพท์วิทยาศาสตร์ทั่วไป.
ถึง คำศัพท์ทั่วไปรวมถึงคำในภาษาทั่วไปที่มักพบในตำราทางวิทยาศาสตร์ ตัวอย่างเช่น: อุปกรณ์ทำงานได้ทั้งที่อุณหภูมิสูงและต่ำ. แม้จะไม่มีคำพิเศษใด ๆ ในประโยค แต่ก็เห็นได้ชัดว่าในข้อความทางวิทยาศาสตร์คำที่ใช้กันทั่วไปนั้นเป็นพื้นฐานของการนำเสนอ ส่วนแบ่งของการเปลี่ยนแปลงคำศัพท์ที่ใช้กันทั่วไปขึ้นอยู่กับองค์ประกอบของผู้อ่าน: ลดลงในงานที่มีไว้สำหรับผู้เชี่ยวชาญและเพิ่มประเภทที่ส่งถึงผู้ชมจำนวนมาก คำทั่วไปในรูปแบบวิทยาศาสตร์ใช้ในความหมายเชิงประโยค ซึ่งทำให้สามารถกำหนดสาระสำคัญของแนวคิดหรือปรากฏการณ์ได้อย่างเป็นกลาง อย่างไรก็ตาม ในข้อความทางวิทยาศาสตร์ที่เฉพาะเจาะจง พวกเขาสามารถเปลี่ยนแปลงความหมายได้ ตัวอย่างเช่น คำว่า สมมติ ในข้อความทางคณิตศาสตร์หมายถึง "สมมติ สมมติ": สมมุติว่าสามเหลี่ยมที่ให้มาเท่ากัน. ความหมายพิเศษถูกกำหนดให้กับคำที่ใช้กันทั่วไปในข้อความทางวิทยาศาสตร์ ดังนั้น คำนามที่ลงท้ายซึ่งมีสองความหมาย (1. ความสมบูรณ์, การนำบางสิ่งไปสู่จุดสิ้นสุด. 2. ส่วนสุดท้ายของบางสิ่ง) ในภาษาศาสตร์จึงถูกใช้เป็นความชัดเจน: " การเปลี่ยนแปลงส่วนหนึ่งของคำตามหลักไวยากรณ์ งอ".
คำศัพท์วิทยาศาสตร์ทั่วไป- ชั้นที่สองที่สำคัญของการพูดทางวิทยาศาสตร์ นี่เป็นส่วนหนึ่งของภาษาวิทยาศาสตร์อยู่แล้ว นั่นคือ ภาษาของคำอธิบายวัตถุและปรากฏการณ์ทางวิทยาศาสตร์ ด้วยความช่วยเหลือของคำศัพท์ทางวิทยาศาสตร์ทั่วไปปรากฏการณ์และกระบวนการในสาขาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีต่าง ๆ ได้อธิบายไว้ คำเหล่านี้ถูกกำหนดให้กับแนวคิดบางอย่าง แต่ไม่ใช่คำศัพท์ แม้ว่าจะมีลักษณะเป็นศัพท์เฉพาะก็ตาม ตัวอย่างเช่น: การดำเนินการ, งาน, ปรากฏการณ์, กระบวนการ, ดูดซับ, นามธรรม, ความเร่ง, ขนาด, ฟังก์ชัน, ค่า, ธาตุ, ผลลัพธ์, ผลที่ตามมา, การวิเคราะห์, การสังเคราะห์, ระบบ, เป็นพื้นฐาน, สากลและอื่น ๆ.
ลักษณะทางวิทยาศาสตร์มีลักษณะการใช้อย่างแพร่หลาย คำศัพท์ที่เป็นนามธรรมเหนือกว่าเฉพาะ: การระเหย, แช่แข็ง, ความดัน, ความคิด, การสะท้อน, การแผ่รังสี, ความไร้น้ำหนัก, ความเป็นกรด, การเปลี่ยนแปลงได้ฯลฯ ในความหมายนามธรรมและความหมายทั่วไป ไม่เพียงแต่ใช้คำที่มีความหมายเชิงนามธรรมเท่านั้น แต่ยังใช้คำที่แสดงถึงวัตถุเฉพาะที่อยู่นอกรูปแบบทางวิทยาศาสตร์ด้วย ใช่ในข้อเสนอ โอ๊ค, โก้เก๋, เบิร์ชเติบโตในพื้นที่ของเราคำว่าโอ๊ค, โก้เก๋, เบิร์ชไม่ได้หมายถึงวัตถุเดียว, เฉพาะ (ต้นไม้เฉพาะ) แต่คลาสของวัตถุที่เป็นเนื้อเดียวกัน, ชนิดของต้นไม้, นั่นคือ, พวกเขาแสดงแนวคิดทั่วไป ลักษณะการพูดที่เป็นนามธรรมโดยทั่วไปยังเน้นด้วยการใช้คำพิเศษเช่น โดยปกติ, โดยปกติ, เสมอ, อย่างต่อเนื่อง, อย่างเป็นระบบ, เป็นประจำ, ใดๆ, ใดๆ, ทุก ๆ.
เนื่องจากสาขาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีต้องการคำจำกัดความที่ถูกต้องที่สุดของแนวคิดและปรากฏการณ์ของความเป็นจริง ซึ่งสะท้อนถึงความถูกต้องและความเที่ยงธรรมของความจริงและการตัดสินทางวิทยาศาสตร์ คุณลักษณะเฉพาะของคำศัพท์รูปแบบวิทยาศาสตร์คือการใช้คำศัพท์
Term (จากภาษาละติน terminus "border, limit") - คำหรือวลีที่เป็นชื่อของแนวคิดพิเศษของการผลิต, วิทยาศาสตร์หรือศิลปะใดๆ วิทยาศาสตร์แต่ละสาขามีคำศัพท์เฉพาะของตนเอง ซึ่งรวมอยู่ในระบบคำศัพท์เดียว (คำศัพท์ทางการแพทย์ คณิตศาสตร์ กายภาพ ปรัชญา ภาษาศาสตร์ วรรณกรรม ฯลฯ) ภายในระบบนี้ คำว่าพยายามเพื่อความชัดเจน ไม่แสดงออก และเป็นกลางตามรูปแบบ ตัวอย่างเงื่อนไข: ฝ่อ, วิธีคิดเลขของพีชคณิต, พิสัย, จุดสุดยอด, เลเซอร์, ปริซึม, เรดาร์, อาการ, ทรงกลม, เฟส, อุณหภูมิต่ำ, เซอร์เมท. ความหมายของคำศัพท์สอดคล้องกับแนวคิดที่พัฒนาขึ้นในสาขาวิทยาศาสตร์ที่กำหนด คำศัพท์ที่เป็นส่วนหนึ่งของระบบคำศัพท์หลายระบบและข้อความเฉพาะถูกนำมาใช้ในความหมายเดียว ซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะของระบบคำศัพท์บางระบบ
ตัวอย่างเช่น: ปฏิกิริยา [ภาษาฝรั่งเศส. ปฏิกิริยา, เยอรมัน ปฏิกิริยา< лат. re
против + ctio
действие]
1. ไบโอล. คำตอบ (ของสิ่งมีชีวิต ส่วนต่างๆ ของสิ่งมีชีวิต) ต่อบางคน การระคายเคืองภายนอก
2. สรีรวิทยา และคิม. ปฏิกิริยาทางกายภาพและเคมีระหว่างสาร
กำลังโหลด...