เผ่าอะไรก่อตั้งเมืองโรม ประวัติโดยย่อของกรุงโรมโบราณ

ตามตำนานเล่าว่ากรุงโรมก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 21 เมษายน 753 ปีก่อนคริสตกาล สิ่งนี้เกิดขึ้นบนฝั่งของแม่น้ำไทเบอร์ - ตามที่นักประวัติศาสตร์เขียนว่าห่างจากปากแม่น้ำประมาณ 22 กม. ในสามเหลี่ยมปากแม่น้ำซึ่งต่อมากลายเป็นท่าเรือของออสเทีย Ostia ก่อตั้งโดย King Ancus Marcius เนื่องจากมีเหมืองเกลือมากมายที่นี่ และเพื่อป้องกันไม่ให้เรือของศัตรูเจาะกรุงโรมไปตามแม่น้ำ

ในเวลาเดียวกัน นักประวัติศาสตร์คนเดียวกันเชื่อว่าควรตั้งคำถามเกี่ยวกับประเพณีของวันที่ 21 เมษายน “ไม่มีช่วงเริ่มต้นเช่นนั้นเมื่อหมู่บ้านเหล็กกระจัดกระจายและ ยุคสำริดพวกเขาจะตัดสินใจรวมตัวกันและเรียกตัวเองว่าเมืองบนเนินเขา” Robert Hughes นักประวัติศาสตร์ศิลปะและนักวิจารณ์ศิลปะเขียน - ยังไง เมืองเก่ายิ่งสงสัยที่มาของมันมากเท่าไหร่ และโรมก็แก่แล้ว อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้ไม่ได้หยุดชาวโรมันตั้งแต่ศตวรรษที่ 2 ก่อนคริสตกาล และเพิ่มเติมเพื่อระบุวันที่ที่แน่นอนอย่างไม่น่าเชื่อของการเกิด: โรมตามที่ระบุไว้ก่อนหน้านี้ไม่ได้เกิดขึ้นในศตวรรษที่ 8 ก่อนคริสต์ศักราช กล่าวคือใน 753 ปีก่อนคริสตกาลและผู้ก่อตั้งคือโรมูลัสพี่ชายฝาแฝดของรีมัส ด้วยเหตุนี้ จึงเริ่มต้นประเพณีที่สับสนซึ่งมีอยู่ในหลายเวอร์ชันและมักจะหมุนรอบแรงจูงใจเดียวกัน นั่นคือ ความทะเยอทะยาน การรักชาติ สมาคมพี่น้อง การทรยศ และความทะเยอทะยานที่สิ้นเปลืองอีกครั้ง โดยเฉพาะอันสุดท้าย ไม่เคยมีเมืองใดที่มีความทะเยอทะยานมากไปกว่ากรุงโรม และคงจะไม่มีอีกแล้ว แม้ว่านิวยอร์กจะโต้แย้งเรื่องนี้ได้ก็ตาม และไม่มีเมืองอื่นใดที่เต็มไปด้วยความโหดร้ายตั้งแต่เริ่มแรกอย่างกรุงโรม ซึ่งนำเรากลับไปสู่ประเพณีในวัยเด็กที่เป็นตำนาน

ตามตำนานกล่าวว่า ครั้งหนึ่ง Rhea Silvia ที่สวยงามซึ่งสาบานตนเป็นโสด ได้พบกับเทพเจ้าแห่งสงคราม Mars และให้กำเนิดฝาแฝดจากเขา - Romulus และ Remus คิง Amulius ลุงของ Rhea โกรธจัดและออกคำสั่งให้ประหารหลานสาวที่เย่อหยิ่ง และจัดเด็กแรกเกิดในตะกร้าแล้วโยนลงแม่น้ำไทเบอร์

ตามคำบอกเล่าของนักประวัติศาสตร์ ติตัส ลิวิอุส ตะกร้าที่มีทารกถูกซัดขึ้นฝั่ง และที่นั่นหมาป่าตัวเมียก็พบฝาแฝดที่สกปรกและเปียก ซึ่งให้นมกับพวกมัน ตามบางรุ่น นกหัวขวานและปีกนก (นกตัวเล็ก ๆ ของตระกูลหัวโต) ก็ดูแลโรมูลัสและรีมัสด้วยเช่นกัน ที่น่าสนใจ ต่อมาชาวโรมันเริ่มพิจารณาว่านกตัวดังกล่าวเป็นลางร้าย ใน "Satyricon" ที่มีชื่อเสียงโดย Petronius the Arbiter มีคำพูดว่า "Malam parram pilavit" ("ฉันถอน cygalitsa ที่ไม่ดี (pigalitsa)") ซึ่งหมายถึง - ไม่มีโชคได้เข้าสู่สถานการณ์ที่ไม่พึงประสงค์

เมื่อเด็กๆ โตขึ้นและแข็งแรงขึ้น พวกเขาถูกเลี้ยงโดย Faustul ผู้เลี้ยงแกะ เด็กชายเหล่านี้เติบโตอย่างก้าวกระโดด และในไม่ช้าพวกเขาก็ล้มล้าง Amulius ญาติผู้ทรยศของพวกเขา รีอา ซิลเวียตายไปแล้วเมื่อถึงเวลานั้น

จากนั้นฝาแฝดทั้งสองก็ตัดสินใจสร้างนิคมบนแม่น้ำไทเบอร์ แต่พี่น้องไม่สามารถเลือกตำแหน่งที่แน่นอนได้ รีมัสเลือกระหว่างเนินเขา Aventine และ Capitoline และ Romulus ยืนยันที่ Palatine Hill และที่นี่ก็มีตำนานรุ่นต่าง ๆ เกิดขึ้นอีกครั้ง: ตามครั้งแรกฝาแฝดนั่งลงโดยหันหลังให้กันและเริ่มรอสัญญาณจากเบื้องบน รีมัสเห็นว่าวหกตัวลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า และโรมูลุสเห็นสิบสองตัว ชัยชนะอยู่ที่ด้านข้างของโรมูลุส (อย่างไรก็ตาม ว่าวสิบสองอันจะเป็นสัญลักษณ์ของอำนาจสิบสองปีของโรมัน)

รุ่นที่สองกระหายเลือดมากขึ้น: ข้อพิพาทเกิดขึ้นระหว่างพี่น้องและ Romulus ฆ่า Remus แล้วก่อตั้งเมืองซึ่งเขาตั้งชื่อให้

“ดังนั้น ผู้ก่อตั้งเมืองบนดินคนแรกคือพวกพี่น้องที่ด้วยความอิจฉาริษยา ฆ่าพี่ชายของเขา พลเมืองของเมืองนิรันดร์ คนพเนจรบนโลกนี้ (ปฐก. 4) นักศาสนศาสตร์และปราชญ์ชาวคริสต์ ออเรลิอุส ออกุสตีน เขียน. “ไม่น่าแปลกใจที่หลังจากเวลาผ่านไปนาน ณ การก่อตั้งเมืองนั้นซึ่งจะเป็นประมุขของเมืองบนดินที่เราพูดกันและครองราชย์เหนือชนชาติจำนวนมากนั้น มีการเลียนแบบตัวอย่างแรกนี้ หรืออย่างที่ชาวกรีกว่าต้นแบบ สำหรับที่นี่เช่นกัน ดังที่กวีคนหนึ่งของพวกเขากล่าวถึงความชั่วร้ายนั้นเอง "อนิจจา กำแพงแรกนั้นถูกย้อมไปด้วยเลือดของพี่น้อง"

นี่คือที่มาของกรุงโรม โดยพิจารณาจากหลักฐานของประวัติศาสตร์โรมันเกี่ยวกับการสังหาร Remus น้องชายของเขาโดย Romulus ข้อแตกต่างเพียงอย่างเดียวคือพวกเขาทั้งคู่เป็นพลเมืองของเมืองทางโลก ทั้งคู่แสวงหาความรุ่งโรจน์ในการสร้างสาธารณรัฐโรมัน แต่ทั้งสองร่วมกันไม่สามารถมีรัศมีภาพอย่างที่แต่ละคนจะมีได้หากอยู่ตามลำพัง ใครอยากดังในการปกครอง ปกครองน้อยกว่าด้วย จำนวนมากผู้สมรู้ร่วมคิดแบ่งปันอำนาจของตน ดังนั้นเพื่อที่จะให้มีอำนาจทั้งหมดอยู่ในมือของเขาคนเดียว สหายคนหนึ่งถูกฆ่าตายและด้วยความชั่วร้ายนี้เพิ่มขึ้นใน แย่ที่สุดที่ซึ่งปราศจากมลทินจากอาชญากรรม ย่อมมีน้อยแต่ดีกว่า พี่น้องเหล่านั้น คือ คาอินและอาแบล ต่างก็ไม่มีความปรารถนาในสิ่งทางโลกเหมือนกัน และผู้ที่ฆ่าพี่ชายของเขาก็ไม่อิจฉาเขา เพราะอำนาจของเขาอาจจะน้อยลงถ้าทั้งสองคนครอง (เพราะอาเบลไม่ได้แสวงหาการครอบครองในเมืองนั้น ซึ่งก่อตั้งโดยพี่ชายของเขา); เขาอิจฉาริษยาปิศาจนั้นซึ่ง คนชั่วริษยาความดีเพียงเพราะว่าดี ขณะที่ตนชั่ว...

เมื่อก่อตั้งกรุงโรม พี่ชายฝาแฝดที่รอดตายได้ใช้วัวและโคเป็นตัวไถและไถร่อง ร่องนี้เรียกว่าปอมเมอเรียม และนางเป็นผู้กำหนดแนวกำแพงเมืองศักดิ์สิทธิ์

“ประวัติศาสตร์ไม่ได้บอกว่าโรมูลุสรู้สึกอย่างไรหลังจากฆ่าพี่ชายคนเดียวของเขา อย่างไรก็ตาม อาจไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่นักบวชซึ่งในปีต่อๆ มาวิ่งรอบปอมเมอเรียมเป็นระยะ เพื่อให้แน่ใจว่าฝูงสัตว์โรมันและผู้หญิงโรมันมีความอุดมสมบูรณ์ เรียกว่า Luperci นั่นคือ "ภราดรภาพของหมาป่า" Robert Hughes เขียน

ในตอนแรก โรมูลุสเป็นชาวเมืองเพียงคนเดียวในเมืองที่ก่อตั้งใหม่นี้ แต่ในไม่ช้าเขาก็ตัดสินใจเชิญขยะของสังคม ไม่ว่าจะเป็นฆาตกร ทาสที่หนีไม่พ้น ผู้ถูกเนรเทศ ต่อมาเนินที่ซึ่งเศษขยะเหล่านี้พบที่พักพิงจะเรียกว่าศาลากลาง วิหารแคปิตอลจะถูกสร้างขึ้นบนศาลากลางซึ่งจะมีการประชุมวุฒิสภาและการประชุมที่ได้รับความนิยม

นักประวัติศาสตร์กล่าวว่าตำนานเกี่ยวกับทาสและฆาตกรที่หนีไม่พ้นนี้แสดงให้เห็นว่ากรุงโรมไม่ได้ถูกสร้างขึ้นโดยชนเผ่าที่เป็นเนื้อเดียวกันทางชาติพันธุ์

ในช่วงปีแรก ๆ ในกรุงโรมมีตัวแทนทางเพศที่ยุติธรรมไม่เพียงพอจากนั้นโรมูลัสจึงตัดสินใจจัดวันหยุดเพื่อเป็นเกียรติแก่คอนส์ผู้ดูแลเทพเจ้าแห่งเมล็ดพืช Sabines (ชาวอิตาลีกลุ่ม) มาในวันหยุด ในช่วงเวลาที่แขกทุกคนหลงใหลในเกม Romulus ให้สัญญาณกับคนของเขาและโจมตีแขกและจับผู้หญิงของพวกเขา ในช่วงที่เกิดความวุ่นวาย Romulus เองก็ได้กำไร - เขาคว้า Sabine Hersilia ซึ่งในไม่ช้าเขาก็รับเป็นภรรยาของเขา เป็นเรื่องแปลกที่ภายหลังพวกเขาเริ่มเชื่อว่างานแต่งงานที่มีพิธีลักพาตัวเจ้าสาวกลายเป็นธรรมเนียมของชาวโรมันตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

ตามตำนานหลังจากการตายของ Romulus เฮอร์ซิเลียมาถึงหลุมศพของเขาและในเวลานั้นดาวดวงหนึ่งก็ตกลงมาจากท้องฟ้าและจุดผมของเธอซึ่งเป็นผลมาจากการที่หญิงม่ายเองก็กลายเป็นดาวและขึ้นสู่สวรรค์

นักบวชหญิงของเทพธิดาเวสตา เรอา ได้ให้กำเนิดเด็กชายฝาแฝดสองคน พ่อของพวกเขาไม่ใช่มนุษย์ แต่เป็นเทพเจ้าแห่งดาวอังคาร อมูลิอุสได้รับคำสั่งให้จมน้ำทารกในแม่น้ำไทเบอร์ ซึ่งเป็นตะกร้าพร้อมกับเด็ก ๆ ในแม่น้ำ อย่างไรก็ตาม พวกเขาไม่ตาย เธอหมาป่าพบเด็กชาย เธอลากเด็ก ๆ ไปที่ถ้ำบนเนินเขา Capitol Hill และเลี้ยงพวกเขาด้วยน้ำนมของเธอ Postuchus รับเลี้ยงพวกมันและตั้งชื่อพวกมันว่า Romulus และ Remus พี่น้องเติบโตขึ้นและเรียนรู้เคล็ดลับการเกิดของพวกเขา

บนยอดเขาพาลาไทน์ พี่น้องตัดสินใจไปพบ เมืองใหม่. Romulus ทำร่องลึกด้วยคันไถซึ่งทำเครื่องหมายเขตแดนของเมืองในอนาคต พรมแดนนี้ถือว่าศักดิ์สิทธิ์และเข้มแข็ง เรมกระโดดข้ามมันอย่างโง่เขลา Romulus อยู่ข้างตัวเองด้วยความโกรธฆ่าพี่ชายของเขาและตะโกนว่า: "มันจะเป็นอย่างนั้นกับทุกคนที่กล้าที่จะข้ามกำแพงเมืองของฉัน" โรมูลุสกลายเป็นกษัตริย์องค์แรกของเมืองที่เขาก่อตั้ง เมืองนี้ตั้งชื่อตามเขาว่า โรม (ในภาษาละติน - โรมา)

อารยธรรมโรมันเกิดขึ้นบนคาบสมุทร Apennine ทางตอนใต้ของคาบสมุทรมีชื่อเสียงในด้านทุ่งหญ้าที่สวยงามซึ่งมีฝูงวัวเล็มหญ้า ชาวกรีกเรียกดินแดนเหล่านี้ว่า "ประเทศลูกวัว" - อิตาลี ต่อมาได้ตั้งชื่อนี้ให้ทั่วทั้งคาบสมุทร ในบรรดาชนเผ่าอิตาลิกที่ตั้งรกรากอยู่ในตอนกลางของคาบสมุทร ชนเผ่าลาตินมีบทบาทสำคัญในประวัติศาสตร์อารยธรรมโรมัน พวกเขาอาศัยอยู่ที่ Latium ซึ่งเป็นพื้นที่ตอนล่างของแม่น้ำไทเบอร์ ในที่แห่งนี้ บนเนินเขาทั้งเจ็ดบนฝั่งซ้ายของแม่น้ำ มีเมืองที่ถูกกำหนดให้เป็น "เจ้าแห่งโลก"

โครงสร้างของรัฐโรมัน

ผู้ปกครองชาวโรมันเดิมเป็นกษัตริย์ พระราชาทรงออกกฎหมาย บริหารความยุติธรรม ทรงบัญชากองทัพ

จากนั้นชาวโรมันเลือกสาธารณรัฐเป็นโครงสร้างของรัฐ (แปลจากภาษาละติน - สาเหตุทั่วไป) อำนาจในสาธารณรัฐโรมันเป็นของรัฐสภา วุฒิสภา และเจ้าหน้าที่ที่มาจากการเลือกตั้ง วุฒิสภาประกาศรับสมัครทหาร รับเอกอัครราชทูตต่างประเทศ เสนอกฎหมายใหม่เพื่ออภิปรายโดยสภาประชาชน

กงสุลสั่งกองทัพ เป็นประธานในวุฒิสภา และตัดสินใจเกี่ยวกับกิจการของรัฐที่สำคัญที่สุด Praetors อยู่ในความดูแลของศาลในรัฐโรมัน ผีเสื้อมีหน้าที่ดูแลความเรียบร้อยในตลาด ถนน และอาคารสาธารณะ quaestors อยู่ในความดูแลของคลังเมือง เซ็นเซอร์รวบรวมรายชื่อสมาชิกวุฒิสภาตรวจสอบการปฏิบัติตามขนบธรรมเนียมและประเพณี

ประชากรของกรุงโรมแบ่งออกเป็นสองกลุ่มใหญ่ ชาวโรมันผู้สูงศักดิ์ซึ่งเป็นทายาทของวุฒิสมาชิกคนแรกถูกเรียกว่าผู้ดี คนธรรมดาที่มีต้นกำเนิดต่ำต้อยเรียกว่าคนธรรมดา

"กฎหมายศักดิ์สิทธิ์" ถูกนำมาใช้ในการเลือกตั้งผู้พิทักษ์สิทธิพิเศษ - ทริบูนของประชาชน ศาลประชาชนมีสิทธิที่จะหยุดการกระทำของเจ้าหน้าที่คนใดคนหนึ่งโดยใช้คำว่า "ยับยั้ง" ซึ่งแปลว่า "ห้าม"

จักรพรรดิแห่งโรม

จักรพรรดิที่มีชื่อเสียงที่สุดของโรมคือไกอัส จูเลียส ซีซาร์ โชคชะตาทำให้เขามีพรสวรรค์มากมาย: เขาเป็นนักการเมืองที่เก่งกาจและมองการณ์ไกล นักเขียนที่เก่งกาจ ผู้บัญชาการที่ยิ่งใหญ่ มีจุดมุ่งหมาย หลังจากที่ได้เป็นผู้ว่าการในจังหวัดแห่งหนึ่งของกรุงโรม ซีซาร์ได้เริ่มทำสงครามกับศัตรูเก่าของกรุงโรม - พวกกอล ซีซาร์ต้องใช้เวลาหลายปีกว่าจะพิชิตกอล กองทหารของซีซาร์ได้เหยียบย่ำดินของเยอรมนี บริเตน ซีซาร์กับทหารของเขาเข้าใกล้แม่น้ำ Rubicon ซึ่งแยกจังหวัด Gallic ออกจากอิตาลี ด้วยคำว่า "The die is cast!" เขาสั่งให้ทหารเริ่มข้าม ซีซาร์กลับมาอย่างมีชัยที่กรุงโรม ความเมตตากรุณาของซีซาร์ไม่สามารถซ่อนความปรารถนาอันยิ่งใหญ่ของเขาในอำนาจได้ เขากลายเป็นผู้ปกครองคนเดียวของรัฐโรมัน เผด็จการเพื่อชีวิต

หลังจากการตายของซีซาร์ Octavian กลายเป็นผู้ปกครองรัฐโรมันเพียงคนเดียวเขาสละอำนาจเผด็จการ วุฒิสภาให้ตำแหน่งออกัสตัสแก่เขา ก่อนสิ้นพระชนม์ ออกัสตัสโอนอำนาจให้ไทเบเรียสนายพลของเขา

จักรพรรดิองค์ต่อไป ไกอัส คาลิกูลา ประกาศตนเป็นพระเจ้า ใช้การประหารชีวิตจำนวนมาก เรียกร้องให้ม้าอันเป็นที่รักของเขาได้รับเลือกเป็นกงสุล

จักรพรรดิเนโรผู้เป็นเผด็จการอย่างแท้จริง เขาสั่งให้ฆ่าแม่ ภรรยา ที่ปรึกษาของเขาหลายคน เขาบังคับอาจารย์ เซเนกา ปราชญ์ของเขาให้ฆ่าตัวตาย Nero เกลียดชังโดยชาวโรมันว่าเมื่อกรุงโรมถูกทำลายด้วยไฟที่ร้ายแรง ข่าวลือระบุว่าความหายนะมาจากจักรพรรดิ

จักรพรรดิ Mark Ulpiy Troyan เป็นผู้บัญชาการที่มีความสามารถ

มาร์คัส ออเรลิอุส ห้าจักรพรรดิผู้ดีคนสุดท้าย ถูกบังคับให้ขับไล่กลุ่มคนป่าเถื่อน

ประวัติของกรุงโรมนั้นซับซ้อนและสับสน แต่เราจะหันไปหาต้นกำเนิด รากฐานของกรุงโรม และตำนานที่น่าสนใจที่สุด

กรุงโรมก่อตั้งขึ้นใน 753 ปีก่อนคริสตกาล อีแต่ก่อนหน้านั้น ชนเผ่าอื่นๆ ก็อาศัยอยู่ที่นี่ การขุดค้นทางโบราณคดีได้เปิดเผยแก่เราถึงซากของการตั้งถิ่นฐานตั้งแต่ศตวรรษที่ 12 ก่อนคริสตกาล แต่ตำนานเล่าขานถึงสมัยโบราณมากขึ้น ตามตำนานกล่าวว่าเทพเจ้าอาศัยอยู่ที่นี่ หนึ่งในนั้นคือเจนัส ได้มอบการต้อนรับดาวเสาร์ด้วยตัวเขาเอง (กรีกโครนอส) ซึ่งถูกโค่นล้มจากโอลิมปัส เขากลายเป็นผู้ปกครองคนแรกของ Capitol Hill ก่อตั้งนิคมที่อาศัยอยู่อย่างสงบสุขและปราศจากทาสและต้องการ

ที่นี่บนเนินเขาใกล้ ๆ ของ Palatine Cacus ผู้น่ากลัวอาศัยอยู่ทำให้ทุกคนรอบตัวหวาดกลัว แต่ Hercules สามารถเอาชนะเขาได้ ใช่ เขามาที่นี่ด้วยและต้องต่อสู้กับสัตว์ประหลาดพ่นไฟที่น่าเกลียดเพื่อที่จะได้โคที่ถูกขโมยของเจอเรียนกลับคืนมา บนเนินเขานี้ในความทรงจำของความสำเร็จของ Hercules ยังมีบันได Kakieva และเมื่อเร็ว ๆ นี้พบซากของแท่นบูชาที่อุทิศให้กับ Hercules ในบริเวณใกล้เคียง

ในกรุงโรม ตำนานและตำนานได้รับการฟื้นคืนชีพ พันกัน และฟื้นประวัติศาสตร์ เราทุกคนจำได้ว่า กรุงโรมก่อตั้งโดยฝาแฝด Romulus และ Remusแต่พวกเขามาจากไหน? ลองกลับไปที่ต้นกำเนิด

เราต้องจำฮีโร่ในตำนานอีกคน - อีเนียสบุตรแห่งวีนัส เทพีแห่งความรัก สงครามทรอย… ทรอยถูกเผา… ตามคำแนะนำของเหล่าทวยเทพ อีเนียสออกเดินทางพร้อมกับทราจันที่รอดตายบนเรือเพื่อพบเมืองใหม่ พวกเขาแล่นเรือ ปีที่ยาวนานหยุดที่คาร์เธจ ผ่านชายฝั่งโอดิสซีย์ ที่ซึ่งพวกเขาเห็นไซคลอปส์เดินไปตามชายฝั่ง

เมื่อ Trajans ลงจอดที่ปากแม่น้ำ Tiber เหล่าทวยเทพได้ส่งสัญญาณว่านี่คือดินแดนที่พวกเขาพยายามหา อาณาจักรลาติมอยู่ที่นี่ (จึงเป็นชื่อสมัยใหม่ของภูมิภาคลาทิอุม) และผู้ปกครองของอาณาจักรก็กำลังมองหาเจ้าบ่าวสำหรับลูกสาวของเขา เนื่องจากเป็นบุตรของวีนัส อีเนียสจึงหลงใหลในเสน่ห์เด็กสาวอย่างง่ายดาย และหลังจากเจออุปสรรคอันยาวนานที่เวอร์จิลบรรยายไว้ในไอเนด เขาก็แต่งงานกับเธอ เป็นเวลากว่า 200 ปีที่ลูกหลานของอีเนียสปกครองส่วนเหล่านี้ในเมืองอัลบาลองกา จนกระทั่งทหารรับจ้างอมูลิอุสโค่นล้มพี่ชายและกษัตริย์นูมิทอร์ที่ถูกต้องตามกฎหมาย และเขาได้มอบเรย์ ซิลเวียลูกสาวของเขาให้รับใช้เทพธิดาเวสตา นักบวชหญิงของเธอ , ตลอดระยะเวลาของการบริการต้องรักษาโสดอาหารกลางวัน. เด็กสาวจึงไม่มีอันตรายอีกต่อไป เพราะเธอไม่ต้องให้กำเนิดทายาทโดยชอบธรรม ถ้าเพียงพระเจ้า Mars ไม่ได้พบเธอในป่าและหลงใหลในความงามของเธอก็คงไม่เข้าใจเธอ เราทำได้แค่เชื่อคำพูดของหญิงสาว แม้ว่าบางทีอาจจะเป็นนักรบธรรมดาๆ หรือบางที Ray Sylvia ก็เห็นใจเขา ...

เกิดเป็นอย่างนี้แล รูมูลัสและเรม, ทายาทของดาวศุกร์และลูกหลานของดาวอังคาร เป็นเรื่องที่คิดไม่ถึงที่จะปล่อยให้ทายาทโดยชอบธรรมมีชีวิตอยู่ และการฆาตกรรมของพวกเขาได้รับมอบหมายให้เฟาสติลชาวนา แต่เขาไม่สามารถยกมือขึ้นต่อต้านเด็กไร้เดียงสา สร้างเปลสำหรับพวกเขาจากไม้และปล่อยให้พวกเขาไปตามแม่น้ำไทเบอร์ ตรึงเปลนี้ไว้ที่เชิงเขาพาลาไทน์ซึ่งพวกเขา พบโดยหมาป่าตัวหนึ่งและเลี้ยงด้วยน้ำนมของเธอ. ในที่สุดหมาป่าตัวเมียก็กลายเป็นสัญลักษณ์ของกรุงโรมและพลังของมัน เพราะด้วยน้ำนมของหมาป่า ความแข็งแกร่งและความคล่องแคล่วถูกถ่ายโอนไปยังฝาแฝด และอีกครั้ง เราสามารถเดาได้ว่าตำนานนี้มาจากไหน หมาป่าตัวเมียในกรุงโรมถูกเรียกว่าเป็นผู้หญิงที่มีคุณธรรมง่าย ๆ (ลูปา) พวกมันร้องโหยหวนมากในตอนกลางคืนจนได้รับชื่อเล่นที่ไร้ความปราณีนี้ และต่อมาซ่องก็ถูกเรียกว่าลูปานาเรีย

อาจเป็นเพราะเด็กผู้หญิงคนนั้นที่ Faustil พาลูกไปกินอาหาร ซึ่งอธิบายได้อีกเรื่องหนึ่ง ชาวนาที่พบทารกข้างๆ หมาป่าก็มีชื่อเฟาสติลเช่นกัน

เมื่อไหร่ โรมูลัสและรีมัสเมื่ออายุได้ 18 ปี พวกเขาได้เรียนรู้เกี่ยวกับความลับของต้นกำเนิด (Faustil เก็บเปลที่พบ) พวกเขาล้มล้างผู้ปกครองที่ผิดกฎหมาย ปลดปล่อยซิลเวียมารดาของ Ray จากการถูกจองจำ และคืนบัลลังก์ให้กับคุณปู่ Numitor พระราชาทรงมอบทองคำ ทาส และช่างฝีมือให้พี่น้องเพื่อก่อตั้งเมืองใหม่

โรมูลุสและรีมัสเลือกวางศิลาฤกษ์ก้อนแรกในเมืองที่คุ้นเคย ซึ่งพวกเขาเติบโตขึ้นมาและได้รับอาหารจากหมาป่าตัวเมียที่อยู่ใกล้ฝั่งแม่น้ำไทเบอร์ แต่ที่นี่เป็นครั้งแรกที่มีข้อพิพาทเกิดขึ้นระหว่างพี่น้อง พวกเขาไม่สามารถตัดสินใจได้ว่าจะพบเมืองบนเนินเขาแห่งใด Romulus เชื่อว่าสถานที่ที่ดีที่สุดคือ Palatine Hillขณะที่รามเล่นให้กับอเวนทีน ฮิลล์ ตามการยุยงของปุโรหิต แต่ละคนยืนอยู่บนเนินเขาของตนในยามรุ่งสาง คอยหมายสำคัญจากสวรรค์ Rem เป็นคนแรกที่เห็นป้ายว่าวหกตัวเริ่มวนเวียนอยู่เหนือเขา แต่หลังจากนั้นครู่หนึ่ง Romulus ก็ปรากฏตัวขึ้นที่ว่าว แต่มีอยู่แล้ว 12 ตัว แม้จะมีการต่อต้านของ Rem นักบวชก็ตัดสินใจโต้แย้งเพื่อสนับสนุน โรมูลุสและทางเลือกตกอยู่กับพาลาไทน์ (ปาลาติโอ)

ดังนั้นชะตากรรมของกรุงโรมจึงถูกกำหนด ที่รากฐานของเมือง Romulus ร่างขอบเขตของมัน ควบคุมวัวสาวเข้ากับคันไถตามธรรมเนียมในเวลานั้นที่จะอุทิศการตั้งถิ่นฐานใหม่ แต่ Rem โกรธเคืองและขุ่นเคืองเพื่อที่จะทำร้ายพี่ชายของเขาเริ่มที่จะกระโดดข้าม ชายแดนศักดิ์สิทธิ์ แสดงให้เห็นว่าศัตรูจะเอาชนะกำแพงเมืองใหม่ได้ง่ายเพียงใด โรมูลุส ขุ่นเคืองต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ถือดาบด้วยความโกรธแล้วพูดว่า: "มันจะเป็นอย่างนั้นกับทุกคนที่ข้ามกำแพงกรุงโรม" ฆ่าพี่ชายของเขา ...

ดังนั้น โรมจึงถูกก่อตั้งโดยโรมูลุสและรีมัส แต่ โรมูลุสเป็นกษัตริย์องค์แรกของเมืองที่ยิ่งใหญ่ที่สุด.

เรื่องราวของกษัตริย์ทั้งเจ็ดแห่งกรุงโรมจึงเริ่มต้นขึ้น

โรมูลัสและรีมัส(ลาดพร้าว โรมูลัสและรีมัส) เป็นพี่น้องผู้ก่อตั้งในตำนานของกรุงโรม ตามตำนาน พวกเขาเป็นลูกของเวสทัล รีอา ซิลเวีย และเทพมาร์ส ตามคำกล่าวของ Titus Livius โรมูลุสเป็นกษัตริย์องค์แรกของกรุงโรมโบราณ (753 - 716 ปีก่อนคริสตกาล)

การเกิดและวัยเด็ก

Rhea Sylvia มารดาของ Romulus และ Remus เป็นลูกสาวของกษัตริย์ที่ถูกต้องตามกฎหมายของ Alba Longa Numitor ซึ่งถูกขับออกจากบัลลังก์โดย Amulius น้องชายของเขา Amulius ไม่ต้องการให้ลูก ๆ ของ Numitor เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับแผนการอันทะเยอทะยานของเขา: ลูกชายของ Numitor หายตัวไประหว่างการตามล่า และ Rhea Silvia ถูกบังคับให้กลายเป็นเสื้อคลุม ซึ่งทำให้เธอต้องอยู่เป็นโสดนานถึง 30 ปี ในปีที่สี่ของการรับราชการ Mars ปรากฏตัวต่อเธอในป่าศักดิ์สิทธิ์ซึ่ง Rhea Sylvia ให้กำเนิดพี่ชายสองคน ด้วยความโกรธ อมิวลิอุสจึงนำเธอไปควบคุมตัว และสั่งให้เด็ก ๆ ถูกใส่ตะกร้าแล้วโยนลงไปในแม่น้ำไทเบอร์ อย่างไรก็ตาม ตะกร้าซัดขึ้นฝั่งที่เชิงเขา Palatine Hill ซึ่งพวกมันถูกเลี้ยงโดยหมาป่า และความห่วงใยของแม่ก็ถูกแทนที่ด้วยนกหัวขวานและนกหัวขวาน ต่อจากนั้น สัตว์เหล่านี้ทั้งหมดกลายเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในกรุงโรม จากนั้นพี่น้องก็ถูกเฟาสตูลัสเลี้ยงแกะ อัคคา ลาเรนเทีย ภรรยาของเขา ซึ่งยังไม่ได้ปลอบใจตัวเองหลังจากการตายของลูกของเธอ ได้นำฝาแฝดทั้งสองไปดูแลเธอเมื่อ Romulus และ Remus โตขึ้น พวกเขากลับไปที่ Alba Longa ซึ่งพวกเขาได้เรียนรู้ความลับของต้นกำเนิดของพวกเขา พวกเขาสังหารอมูลิอุสและนำนูมิเตอร์ปู่ของพวกเขากลับคืนสู่บัลลังก์

การก่อตั้งกรุงโรม

สี่ปีต่อมา ตามคำสั่งของปู่ของพวกเขา โรมูลุสและรีมัสได้ไปที่แม่น้ำไทเบอร์เพื่อค้นหาสถานที่ที่จะพบอาณานิคมใหม่ของอัลบาลองกา ตามตำนานเล่าว่า Remus เลือกที่ราบลุ่มระหว่าง Palatine และ Capitoline Hills แต่ Romulus ยืนยันที่จะก่อตั้งเมืองบน Palatine Hill การทะเลาะวิวาทเกิดขึ้นระหว่างที่โรมูลุสฆ่าพี่ชายของเขา

โรมูลัสสำนึกผิดในคดีฆาตกรรมรีมัสก่อตั้งเมืองซึ่งเขาตั้งชื่อไว้ (lat. โรมา) และกลายเป็นราชาของมัน วันที่ก่อตั้งเมืองคือ 21 เมษายน 753 ปีก่อนคริสตกาล e. เมื่อร่องแรกถูกลากไปรอบๆ Palatine Hill ด้วยคันไถ ตามตำนานยุคกลาง เมืองเซียนาก่อตั้งโดยลูกชายของเรม - เซนี

ในตอนแรก ความกังวลหลักของ Romulus คือการเพิ่มจำนวนประชากรของเมือง ด้วยเหตุนี้ เขาจึงให้สิทธิ์ผู้มาใหม่ เสรีภาพ และสัญชาติเทียบเท่ากับผู้ตั้งถิ่นฐานกลุ่มแรก สำหรับพวกเขา เขาได้มอบหมายดินแดนแห่งแคปิตอลฮิลล์ ต้องขอบคุณสิ่งนี้ ทาสหนี ผู้พลัดถิ่น และเพียงแค่นักผจญภัยจากเมืองและประเทศอื่น ๆ เริ่มแห่กันไปที่เมือง

ในกรุงโรมมีประชากรหญิงไม่เพียงพอ - เพื่อนบ้านคิดว่าเป็นเรื่องน่าละอายสำหรับตัวเองที่จะเข้าร่วมเป็นพันธมิตรในครอบครัวกับกลุ่มคนจรจัดตามที่พวกเขาเรียกชาวโรมันในเวลานั้น ดังนั้นโรมูลุสจึงได้ใช้กลอุบาย - เขาจัดวันหยุดอันเคร่งขรึม - Consualia พร้อมเกมมวยปล้ำและ ชนิดที่แตกต่างการออกกำลังกายยิมนาสติกและทหารม้า เพื่อนบ้านชาวโรมันหลายคนมางานเลี้ยง รวมทั้งชาวซาบีน (ซาบีน) ในขณะที่ผู้ชมและโดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ชมถูกพาตัวไปกับเกม ป้ายธรรมดาชาวโรมันจำนวนมากถือดาบและหอกในมือโจมตีแขกที่ไม่มีอาวุธ ในความสับสนและการแตกตื่น ชาวโรมันจับพวกผู้หญิงได้มากเท่าที่จะมากได้ โรมูลุสเองก็รับซาบีน เฮอร์ซิเลียเป็นภรรยาของเขา การแต่งงานกับพิธีลักพาตัวเจ้าสาวได้กลายเป็นประเพณีของชาวโรมันตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

ตามคำบอกของ Plutarch ความพยายามที่จะคำนวณวันเดือนปีเกิดของ Romulus และ Remus และการก่อตั้งกรุงโรมด้วยวิธีการทางโหราศาสตร์ดำเนินการโดยนักโหราศาสตร์ Tarutius ตามคำร้องขอของ Varro เพื่อนของเขา เขาตัดสินใจว่าพี่น้องจะตั้งครรภ์ในวันนั้น สุริยุปราคา 24 มิถุนายน 772 ปีก่อนคริสตกาล อี ในชั่วโมงที่ 3 หลังพระอาทิตย์ขึ้นและเกิดเมื่อวันที่ 26 มีนาคม 771 ปีก่อนคริสตกาล จ. และกรุงโรมก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 754 ปีก่อนคริสตกาล อี

Romulus - ราชาแห่งกรุงโรมโบราณ

การลักพาตัวสตรีชาวซาบีนไม่สามารถส่งผลดีต่อชื่อเสียงของกรุงโรม - เพื่อนบ้านกบฏต่อเขา กองทัพของ Romulus สามารถขับไล่การโจมตีและยึดเมือง Tsenin และ Crustrum ความรุ่งโรจน์ทางการทหารของ Romulus ดึงดูดผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่เข้ามาในเมือง - ชาวอิทรุสกัน พวกเขาตั้งรกรากที่เนินเอสควิลีน เมื่อถึงเวลานั้น ชาวซาบีนซึ่งฟื้นจากความโศกเศร้าภายใต้การนำของกษัตริย์ทาติอุสได้ออกรบเพื่อต่อต้านกรุงโรมและถึงแม้จะเป็นวีรบุรุษของผู้พิทักษ์เมืองก็เกือบจะสามารถรับมือได้ แต่ในระหว่างการสู้รบ ชาวซาบีนปรากฏตัวในสนามรบ: อุ้มทารกไว้ในอ้อมแขน พวกเขาร่ายมนตร์ ฝ่ายหนึ่ง บิดาและพี่น้องของพวกเขา ในทางกลับกัน สามีของพวกเขาจะหยุดการนองเลือด ชาวซาบีนและชาวโรมันสร้างสันติภาพ พวกเขาตัดสินใจที่จะเรียกตัวเองว่า quirites (พลหอก) และอยู่ด้วยกันภายใต้การปกครองของ Tatius และ Romulus ชาว Sabines อาศัยอยู่ใน Capitoline Hill และ Quirinal Hill ที่อยู่ใกล้เคียง

เป็นเวลาหกปีที่ Tatius และ Romulus ปกครองร่วมกัน ในช่วงเวลานี้ พวกเขาประสบความสำเร็จในการรณรงค์หลายครั้ง รวมถึงอาณานิคม Cameria ของแอลเบเนีย แต่ในเมือง Lavinius Tatsiy ถูกสังหารโดยพลเมืองที่ขุ่นเคือง โรมูลุสกลายเป็นราชาแห่งสหประชาชาติ

Romulus ให้เครดิตกับการก่อตั้งวุฒิสภาซึ่งในเวลานั้นประกอบด้วย "พ่อ" 100 คน เขายังติดตั้งเครื่องราชอิสริยาภรณ์ อำนาจสูงสุดก่อตั้งตำแหน่ง lictors แบ่งคนออกเป็น 30 คูเรีย ตามชื่อสตรีซาบีน ตั้งสามเผ่า: Ramny(ละติน) Titia(ซาบีเนส) และ Lucers(อีทรัสคัน). เขายังให้เครดิตกับการแบ่งชาวโรมันออกเป็น patricians และ plebeians

อุปกรณ์ของรัฐโรมันโดย Romulus

แบ่งคนทั้งหมดออกเป็น 3 ส่วน Romulus วางคนที่โดดเด่นที่สุดไว้เหนือแต่ละส่วนในฐานะผู้นำ จากนั้นแบ่งทั้งสามส่วนออกเป็น 10 อีกครั้ง เขาได้แต่งตั้งผู้นำเหนือพวกเขา เท่าเทียมกันและกล้าหาญที่สุด เขาเรียกเผ่าส่วนใหญ่ และเผ่าที่เล็กกว่าคูเรีย บรรดาผู้ที่ยืนอยู่ที่หัวของชนเผ่านั้นถูกเรียกว่าขุนนางผู้ที่ยืนอยู่ที่หัวของคูเรียนั้นเรียกว่าผู้รู้แจ้ง โรมูลุสแบ่งคูเรียออกเป็นหลายทศวรรษ นำโดยกลุ่มเดคิวริออน โรมูลุสแบ่งดินแดนแห่งโรมออกเป็น 30 แคลร์ (แปลงโดยล็อต) และแต่งตั้งนักบวชให้แต่ละคูเรีย

โรมูลุสแยกผู้สูงศักดิ์โดยกำเนิดและมีชื่อเสียงในด้านความกล้าหาญและความมั่งคั่งในสมัยนั้นผู้ที่มีลูกแล้วจากที่คลุมเครือยากจนและโชคร้าย เขาเรียกผู้คนจากชะตากรรมที่ไม่อาจปฏิเสธได้และผู้คนที่มีชีวิตที่ดีขึ้น - "พ่อ" (ลูกหลานของพวกเขาเริ่มถูกเรียกว่าผู้ดี) "พ่อ" ได้รับความไว้วางใจให้เป็นผู้นำของกรุงโรม ประชาชนที่ไม่มีส่วนร่วมในกิจการสาธารณะเรียกว่าชาวบ้าน

เมื่อโรมูลุสแยกสิ่งที่ดีที่สุดออกจากสิ่งที่เลวร้ายที่สุด เขาได้ออกกฎหมายและกำหนดสิ่งที่แต่ละคนควรทำ: ผู้ดี - เป็นพระสงฆ์ จัดการและตัดสิน เพื่อจัดการกับกิจการของรัฐกับเขา; โรมูลุสตัดสินใจปลดปล่อยประชาชนจากสิ่งทั้งหมดนี้ พระองค์ทรงแต่งตั้งพวกเขาให้ประกอบอาชีพเกษตรกรรม การเลี้ยงโค และงานฝีมือที่ทำกำไร โรมูลุสเห็นสมควรที่จะมอบความไว้วางใจให้ชาว plebeians แก่ขุนนาง แต่ละคนให้ทางเลือกว่าคนใดที่เขาอยากจะเป็นผู้อุปถัมภ์ โรมูลุสเรียกการคุ้มครองคนยากจนและผู้อุปถัมภ์ที่ต่ำกว่า ดังนั้นจึงสร้างความสัมพันธ์อันดีต่อสังคมและการกุศลระหว่างพวกเขา

จากนั้นโรมูลุสก็ก่อตั้งวุฒิสมาชิกขึ้นซึ่งเขาตั้งใจจะปกครองรัฐโดยคัดเลือก 100 คนจากผู้ดี พระองค์ทรงแต่งตั้งผู้ที่จะเป็นผู้นำรัฐเมื่อเขานำกองทัพออกไปนอกพรมแดน เขาสั่งให้แต่ละเผ่าจากสามเผ่าเลือกสามคนที่ฉลาดที่สุดเนื่องจากอายุของพวกเขาและมีชื่อเสียงมากที่สุดโดยกำเนิด หลังจากเก้าคนนี้ เขาได้รับคำสั่งจากคูเรียแต่ละแห่งให้แต่งตั้งสามคนที่คู่ควรกับขุนนางมากที่สุด จากนั้น ต่อด้วยการเพิ่ม 9 คนแรกที่ได้รับการเสนอชื่อจากชนเผ่าอีก 90 คน ซึ่งคูเรียอีเคยเลือกมาก่อน และแต่งตั้งผู้นำจากพวกเขา ซึ่งเขาแต่งตั้งด้วยตัวเขาเอง โรมูลุสจึงเพิ่มจำนวนวุฒิสมาชิกเป็น 100 คน

การหายตัวไปของโรมูลุส

ตำนานเทพเจ้าโรมันกล่าวถึงการตายของโรมูลุสว่าเป็นการหายตัวไปเหนือธรรมชาติ อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าเขาเพิ่งถูกฆ่าตาย Plutarch ในชีวิตเปรียบเทียบของเขาพูดถึงการเสด็จขึ้นสู่สวรรค์ของ Romulus ด้วยเม็ดเกลือ:

สามสิบเจ็ดปี Romulus ปกครองกรุงโรมที่เขาก่อตั้ง ในวันที่ 5 กรกฎาคม ในวันนั้นซึ่งปัจจุบันเรียกว่า Capratine nonas โรมูลุสได้ถวายเครื่องบูชานอกเมือง ในป่าพรุแพะ เพื่อประชาชนทั้งหมดต่อหน้าวุฒิสภาและประชาชนส่วนใหญ่ ทันใดนั้นในอากาศก็เกิดขึ้น การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่: เมฆเคลื่อนลงมายังพื้นโลก ลมกรดและพายุ คนอื่นๆ หนีไปด้วยความกลัวและกระจัดกระจายไปคนละทิศละทาง ขณะที่โรมูลุสหายตัวไป เขาไม่พบว่ามีชีวิตอยู่หรือตายไปแล้ว ความสงสัยอย่างมากตกอยู่กับผู้ดี ประชาชนกล่าวว่าพวกเขาเหน็ดเหนื่อยจากอำนาจของกษัตริย์และต้องการที่จะควบคุมรัฐด้วยมือของพวกเขาเองพวกเขาจึงสังหารกษัตริย์เนื่องจากบางครั้งเขาเริ่มจัดการกับพวกเขาอย่างรุนแรงและเผด็จการมากขึ้น พวกขุนนางพยายามขจัดความสงสัยประเภทนี้โดยจัดอันดับ Romulus ให้อยู่ท่ามกลางเหล่าทวยเทพและกล่าวว่า "ยังไม่ตาย แต่ได้รับส่วนแบ่งที่ดีกว่า" Proculus ผู้เป็นที่เคารพนับถือ สาบานว่าเขาเห็นว่า Romulus เสด็จขึ้นสู่สวรรค์ด้วยชุดเกราะเต็มชุดอย่างไร และได้ยินเสียงของเขา สั่งให้เขาถูกเรียกว่า Quirinus
พลูตาร์ค ชีวประวัติเปรียบเทียบ Lycurgus และ Numa Pompilius

เรื่องที่คล้ายกันได้รับใน "ประวัติศาสตร์จากรากฐานของเมือง" โดย Titus Livius

เป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไปว่าโรมูลัสเสด็จขึ้นสู่สวรรค์เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 717 ปีก่อนคริสตกาล อี วันที่แน่นอนการเกิดของ Romulus และ Remus เป็นที่ทราบกันเพียงประมาณ: ประมาณ 771 ปีก่อนคริสตกาล อี หลังจากการตายของเขา Romulus ถูกระบุด้วยเทพเจ้า Sabine Quirinus ซึ่งถือเป็นการหยุดนิ่งของดาวอังคารอย่างสงบ

หลังจากโรมูลุส นูมา ปอมปิลิอุสก็ได้ขึ้นเป็นกษัตริย์แห่งโรม

ความคล้ายคลึงในตำนานของชนชาติอื่น

ชะตากรรมของ Remus และ Romulus มีความคล้ายคลึงกันมากมายในตำนานของชนชาติอื่น ดังนั้น Perseus กรีกโบราณและชาวฮีบรูโมเสสจึงถูกโยนลงทะเลและแม่น้ำไนล์ทันทีหลังคลอดตามลำดับ หัวข้อของฝาแฝดก็มักจะพบในตำนานของทะเลเมดิเตอร์เรเนียน: เปรียบเทียบอย่างน้อยกับตำนานกรีกของ Castor และ Pollux หรือ Amphion และ Zeph กรณีการเลี้ยงเด็กด้วยสัตว์ป่ามักถูกอธิบายไว้ในเทพนิยาย ศาสนา และนิยายสมัยใหม่ ในที่สุด ตำนานการเสด็จขึ้นสู่สวรรค์ของโรมูลุสก็ชวนให้นึกถึงตำนานคริสเตียนเรื่องการฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซูคริสต์ ในทั้งสองกรณี เรากำลังติดต่อกับ “ราชา” ที่เสด็จขึ้นสวรรค์

ตำนานที่มาของกรุงโรม

ประเพณีทางประวัติศาสตร์ที่ได้รับการอนุรักษ์โดยนักประวัติศาสตร์ชาวกรีกและโรมัน และสะท้อนให้เห็นในบทกวี (โดย Virgil) ได้กำหนดตำนานแห่งการผงาดขึ้นของกรุงโรมในลักษณะนี้ โทรจัน อีเนียส บุตรของเทพีอโฟรไดท์และแอนคิซิสที่ตายได้ รอดชีวิตจากการทำลายล้างของทรอย พร้อมกับลูกชายของเขา Ascanius (หรือ Yul) Aeneas หนีไปและหลังจากที่หลงทางมานานก็มาถึงชายฝั่ง Latium ลาตินปกครองที่นั่น ราชาแห่งชนเผ่าพื้นเมืองของ "ชาวอะบอริจิน" เขาเป็นมิตรยอมรับอีเนียสและแต่งงานกับลาวิเนียลูกสาวของเขากับเขา หลังจากการตายของอีเนียส Ascanius-Yul ได้ก่อตั้งเมืองใหม่แห่ง Alba Longa และเริ่มครองราชย์ที่นั่น ตามตำนานอีกรุ่นหนึ่ง ยูลเป็นบุตรของอีเนียสและลาวิเนีย ไม่ว่าในกรณีใดตามทั้งสองเวอร์ชันคือผู้ที่เป็นผู้ก่อตั้ง Alba Longa และบรรพบุรุษของเผ่าที่ปกครองที่นั่น ไม่กี่ชั่วอายุคนหลังจากยุล นูมิเตอร์ปกครองในอัลบาลองกา แต่อมูลิอุสน้องชายของเขาได้โค่นล้มเขาจากบัลลังก์และขึ้นครองราชย์ในอัลบาลองกาเอง และมอบธิดาของนูมิทอร์ เรอา ซิลเวียให้กับเสื้อคลุม หญิงพรหมจารีแห่งเวสตัล กล่าวคือ นักบวชหญิงของเทพธิดาเวสต้า ต้องสาบานตนเป็นโสด อย่างไรก็ตาม รีอา ซิลเวียจากเทพเจ้ามาร์สได้ให้กำเนิดฝาแฝด 2 ตัว ซึ่งเธอถูกตัดสินประหารชีวิตโดยอมูลิอุสว่าละเมิดคำสาบานของเธอ พระราชาทรงบัญชาให้โยนฝาแฝดทั้งสองลงในแม่น้ำไทเบอร์ แต่ทาสที่ได้รับมอบหมายนี้ออกจากตะกร้ากับฝาแฝดในที่ตื้นเพราะเนื่องจากน้ำท่วมในแม่น้ำจึงเป็นเรื่องยากสำหรับพวกเขาที่จะเข้าใกล้น้ำลึก เมื่อการรั่วไหลลดลง ตะกร้าพบว่าตัวเองอยู่ในที่แห้ง เสียงร้องของฝาแฝด หมาป่าตัวหนึ่งวิ่งลงมาจากภูเขาโดยรอบไปยังแม่น้ำเพื่อดื่มเหล้า และป้อนนมให้พวกมัน ในไม่ช้าเด็ก ๆ ก็ถูกพบโดย Faustul ผู้เลี้ยงแกะ เขาพาพวกเขากลับบ้านและมอบพวกเขาให้ Larenzia ภรรยาของเขาเลี้ยงดู ฝาแฝดได้รับชื่อโรมูลัสและรีมัส เมื่อโตขึ้นนอกจากการล่าสัตว์แล้ว พวกเขายังเริ่มมีส่วนร่วมในความจริงที่ว่าพวกเขาโจมตีพวกโจร แย่งชิงเหยื่อจากพวกเขาและแบ่งมันให้กับคนเลี้ยงแกะ ในท้ายที่สุดความลับของต้นกำเนิดของพี่น้องก็ถูกเปิดเผย พวกเขาฆ่า Amulius และฟื้นฟู Numitor ปู่ของพวกเขาสู่บัลลังก์ พวกเขาเองไม่ต้องการอยู่ใน Alba Longa แต่ตัดสินใจที่จะพบเมืองใหม่ในสถานที่ที่พวกเขาพบ ที่รากฐาน พี่น้องทะเลาะกัน และโรมูลุสฆ่ารีมัส และตั้งชื่อเมืองตามชื่อตัวเอง (ชาวโรมันใช้ชื่อโรมาในนามของโรมูลุส) ตาม "ยุคของ Varro" สิ่งนี้เกิดขึ้นใน 754/53 ปีก่อนคริสตกาล อี

ในสมัยโบราณเรื่องราวของ Titus Livius (ประวัติศาสตร์ของกรุงโรมจากการก่อตั้งเมือง I, 3-7) ได้รับการยอมรับว่าเป็นการนำเสนอแบบคลาสสิกของตำนาน Romulus และ Remus เรื่องราวค่อนข้างกระชับ แต่ไม่ขาดช่วงที่สดใส ลิวี่เขียนว่า "สำหรับฉัน ดูเหมือนว่าโชคชะตากำหนดไว้ล่วงหน้าทั้งการกำเนิดเมืองที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้และรากฐานของอำนาจ รองจากพลังของเหล่าทวยเทพเท่านั้น Vestal [Rhea Sylvia] ตกเป็นเหยื่อของความรุนแรงและให้กำเนิดฝาแฝด แต่เธอประกาศว่า Mars เป็นพ่อ - ไม่ว่าจะเชื่อในตัวเองหรือเพราะความบาป ผู้กระทำความผิดที่พระเจ้าไม่น่านับถือน้อยกว่า อย่างไรก็ตาม ทั้งพระเจ้าและประชาชนไม่ได้ปกป้องตัวเองหรือลูกหลานของเธอจากความโหดร้ายของราชวงศ์ นักบวชหญิงถูกล่ามโซ่ถูกควบคุมตัว กษัตริย์สั่งให้โยนเด็กลงในแม่น้ำ แต่แม่น้ำไทเบอร์ตามเจตจำนงของพระเจ้าก็ท่วมท้นปิดฝั่งด้วยน้ำนิ่ง - ไม่มีที่ไหนเลยที่จะเข้าใกล้ก้นแม่น้ำและผู้ที่นำเด็กมาด้วยหวังเพียงว่าทารกจะจมน้ำแม้ว่าใน น้ำนิ่ง. ดังนั้นเมื่อปฏิบัติตามพระราชบัญชาแล้วพวกเขาก็ปล่อยให้เด็ก ๆ อยู่ในน้ำนิ่งที่ใกล้ที่สุด - ซึ่งตอนนี้ต้นมะเดื่อ Ruminal (ก่อนหน้านี้พวกเขาเรียกว่า Romulova) สถานที่เหล่านี้รกร้างว่างเปล่าในสมัยนั้น พวกเขาบอกว่าเมื่อน้ำลด ทิ้งถาดไว้กับเด็กๆ บนบก หมาป่าตัวหนึ่งจากเนินเขาใกล้เคียง ซึ่งวิ่งไปที่แหล่งน้ำ หันไปหาเสียงร้องของเด็กๆ เธอก้มลงไปหาเด็ก ๆ เธอให้หัวนมแก่พวกเขาและรักใคร่มากจนเธอเริ่มเลียเด็กด้วยลิ้นของเธอ ดังนั้นผู้ดูแลฝูงแกะซึ่งตามตำนานเรียกว่า Faustul พบเธอ เขาพาลูกมาอยู่กับตัวเองและมอบให้แก่ Larentia ภรรยาของเขาเพื่อเลี้ยงดู” (Livy. I, 4, แปลโดย V. M. Smiril) Livy (I, 6-7) บอกเล่าถึงบทสรุปที่น่าเศร้าของตำนานดังนี้: “เมื่อ Numitor (ด้านหลัง) ได้รับอาณาจักรอัลบัน, Romulus และ Remus ถูกยึดโดยความปรารถนาที่จะก่อตั้งเมืองในสถานที่ที่พวกเขาถูกทอดทิ้ง และเลี้ยงดู ชาวอัลเบเนียและลาตินมีผู้คนมากมายเหลือเกิน และถ้ามีคนเลี้ยงแกะเพิ่มเข้ามา ทุกคนคงจินตนาการได้อย่างง่ายดายว่าอัลบาจะตัวเล็ก ลาวิเนียมจะเล็กเมื่อเทียบกับเมืองที่ก่อตั้งขึ้น แต่กรรมพันธุ์ชั่วร้ายเข้าแทรกแซงแผนเหล่านี้ ความกระหายในอำนาจของกษัตริย์ และด้วยเหตุนี้การทะเลาะวิวาทที่ไม่คู่ควรซึ่งถือกำเนิดจากจุดเริ่มต้นที่สงบสุขโดยสิ้นเชิง พี่น้องเป็นฝาแฝดความแตกต่างในหลายปีไม่สามารถให้ประโยชน์แก่พวกเขาได้และตอนนี้เพื่อให้พระเจ้าซึ่งอยู่ภายใต้การคุ้มครองของสถานที่เหล่านั้นถูกระบุด้วยเครื่องหมายนกที่จะเรียกเมืองด้วยชื่อของเขาว่าใคร ปกครองรัฐใหม่ Romulus เลือกสถานที่ดูนก Palatine และ Remus - Aventine

อย่างที่พวกเขาพูดกันว่ารีมัสเป็นคนแรกที่เห็นป้าย - ว่าวหกตัวและป้ายนั้นได้รับการประกาศแล้วเมื่อโรมูลัสเห็นนกจำนวนสองเท่าต่อต้านสิ่งนี้ พี่น้องแต่ละคนได้รับการประกาศให้เป็นกษัตริย์โดยกลุ่มสมัครพรรคพวก บางคนให้ความสำคัญกับความเป็นอันดับหนึ่งมากกว่า บางคนก็ให้ความสำคัญกับจำนวนนก การทะเลาะวิวาทเริ่มขึ้น และความขมขื่นร่วมกันนำไปสู่การนองเลือด ในความสับสน Rem ได้รับ ระเบิดมรณะ. อย่างไรก็ตาม เรื่องที่พบบ่อยกว่านั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง - ที่ Rem กระโดดข้ามกำแพงใหม่ด้วยการเยาะเย้ยพี่ชายของเขา และ Romulus ฆ่าเขาด้วยความโกรธ อุทานพร้อมกัน: "ขอให้ทุกคนที่กระโดดข้ามกำแพงของฉันพินาศ" ตอนนี้ Romulus ยังคงเป็นผู้ปกครองเพียงคนเดียวและเมืองที่ก่อตั้งขึ้นใหม่ได้รับการตั้งชื่อตามผู้ก่อตั้ง” (แปลโดย V. M. Smirin)

จากหนังสือ Mommsen T. History of Rome - [ สรุปน.ด. เชชูลิน] ผู้เขียน Chechulin Nikolay Dmitrievich

จากหนังสือสองบทความเกี่ยวกับรัฐบาล ผู้เขียน ล็อค จอห์น

หมวด ๘ ว่าด้วยการกำเนิดของสังคมการเมือง 95 เนื่องจากมนุษย์เป็นดังที่ได้กล่าวแล้วโดยธรรมชาติว่าเป็นอิสระ เสมอภาค และเป็นอิสระ ไม่มีใครสามารถถูกนำออกจากสถานะนี้และอยู่ภายใต้บังคับ อำนาจทางการเมืองอื่นโดยไม่ได้รับความยินยอมจากตนเอง

ผู้เขียน เกรโกโรเวียส เฟอร์ดินานด์

3. การร้องเรียนเกี่ยวกับการล่มสลายของกรุงโรม - เจอโรม - ออกัสติน - ผลที่ตามมาของการพิชิตกรุงโรม เมื่อมีข่าวลือนับพันแพร่กระจายไปในโลกที่ศิวิไลซ์ข่าวการล่มสลายของเมืองหลวงของโลกก็ส่งเสียงร้องด้วยความสยดสยองและสิ้นหวัง แคว้นต่างๆ ของจักรวรรดิ ซึ่งคุ้นเคยมาเป็นเวลาหลายศตวรรษว่าโรมเป็น

จากหนังสือประวัติศาสตร์กรุงโรมในยุคกลาง ผู้เขียน เกรโกโรเวียส เฟอร์ดินานด์

4. Hildebert คร่ำครวญถึงการล่มสลายของกรุงโรม - ความพินาศของกรุงโรมในช่วงเวลาของ Gregory VI i การล่มสลายของกรุงโรมถูกไว้ทุกข์หลายปีต่อมาโดยบาทหลวงชาวต่างประเทศ Gildebert of Tours ผู้มาเยือนเมืองในปี 1106 เรานำเสนอความสง่างามที่น่าประทับใจนี้: "ไม่มีอะไรเทียบได้กับคุณ โรม แม้แต่ตอนนี้ เมื่อ

จากหนังสืออารยธรรมแห่งกรุงโรมโบราณ ผู้เขียน Grimal Pierre

จากหนังสือประวัติศาสตร์กรุงโรม ผู้เขียน โควาเลฟ เซอร์เกย์ อิวาโนวิช

ตำนานที่มาของกรุงโรม ประเพณีทางประวัติศาสตร์ที่ได้รับการอนุรักษ์โดยนักประวัติศาสตร์ชาวกรีกและโรมันและสะท้อนให้เห็นในบทกวี (โดย Virgil) ได้กำหนดตำนานการกำเนิดของกรุงโรมในลักษณะนี้ โทรจัน อีเนียส บุตรของเทพีอโฟรไดท์และแอนชิซิสที่ตายจากการทำลายล้าง

จากหนังสือประวัติศาสตร์กรุงโรม ผู้เขียน Mommsen Theodore

บทที่ IV. องค์กรของรัฐดั้งเดิมของกรุงโรมและการปฏิรูปที่เก่าแก่ที่สุดในนั้น อำนาจโรมันใน LATIOUM ครอบครัวโรมันพลังของพ่อ รัฐโรมัน อำนาจของกษัตริย์ ความเท่าเทียมกันของพลเมือง ที่ไม่ใช่พลเมือง สภาประชาชน. วุฒิสภา. การปฏิรูปทางทหารเซอร์วิอุส ทุลลิอุส.

จากหนังสือเล่มที่ 2 เปลี่ยนวัน - ทุกอย่างเปลี่ยนแปลง [ลำดับเหตุการณ์ใหม่ของกรีซและพระคัมภีร์ไบเบิล คณิตศาสตร์เผยการหลอกลวงของยุคสมัย] ผู้เขียน Fomenko Anatoly Timofeevich

7. การลักพาตัวสตรีชาวซาบีนที่รู้จักกันดีในกรุงโรม "โบราณ" และการแบ่งแยกภรรยาและลูกสาวในกรีซเมื่อต้นศตวรรษที่ 14 e Foundation of Rome in Latinia และ Italian Rome ในศตวรรษที่ XIV อี 7.1. The Rape of the Sabine Women โทรจันเกือบทุกเวอร์ชัน = Tarquinian = Gothic War รวมถึง

จากหนังสือทำไม Ancient Kyiv ไม่ถึงความสูงของ Great Ancient Novgorod ผู้เขียน อเวอร์คอฟ สตานิสลาฟ อิวาโนวิช

12. ตำนานเกี่ยวกับต้นกำเนิดของเมืองโบราณ พระนักประวัติศาสตร์ Nestor บรรยายภาพที่มีสีสันใน "Tale of Bygone Years" ของเขาเกี่ยวกับชีวิตนอกรีตของ Kyiv ด้วยการเสียสละ หลังจากภาพดังกล่าว คำถามก็เกิดขึ้น ชีวิต Kyiv นี้เกิดขึ้นได้อย่างไร? และเธอเกิดได้อย่างไร?

ผู้เขียน อเวอร์คอฟ สตานิสลาฟ อิวาโนวิช

16 ตำนานเกี่ยวกับการเกิดขึ้นของเมืองโบราณ พระนักประวัติศาสตร์ Nestor วาดสีสันใน "Tale of Bygone Years" ของเขาเกี่ยวกับชีวิตนอกรีตของ Kyiv ด้วยการเสียสละ หลังจากภาพดังกล่าว คำถามก็เกิดขึ้น ชีวิต Kyiv นี้เกิดขึ้นได้อย่างไร? และมีที่มาอย่างไรใน

จากหนังสือที่ยาย Ladoga และพ่อ Veliky Novgorod บังคับให้ Kyiv สาว Khazar เป็นแม่ของเมืองรัสเซียอย่างไร ผู้เขียน อเวอร์คอฟ สตานิสลาฟ อิวาโนวิช

17 มีตำนานมากมายเกี่ยวกับการเกิดขึ้นของ Kyiv Oles Buzina ประดับประดาหนึ่งในนั้นโดยเรียกโจร Kyi, Shcheka และ Khoriv บุคคลของรัฐและนอกรัฐหลายคนคิดเกี่ยวกับอายุขัยของ Kyiv

ผู้เขียน อเวอร์คอฟ สตานิสลาฟ อิวาโนวิช

บทที่ II ตำนานเกี่ยวกับการเกิดขึ้นของ Kyiv 1 ตำนานเกี่ยวกับการเกิดขึ้นของเมืองโบราณ พระนักประวัติศาสตร์ Nestor วาดภาพที่มีสีสันใน "Tale of Bygone Years" ของเขาซึ่งเป็นชีวิตนอกรีตของ Kyiv ด้วยการเสียสละ ได้รูปแล้วเกิดคำถามว่า

จากหนังสือที่รัสเซียเกิด - ใน Kyiv โบราณหรือใน Veliky Novgorod โบราณ? ผู้เขียน อเวอร์คอฟ สตานิสลาฟ อิวาโนวิช

1. ตำนานเกี่ยวกับการเกิดขึ้นของเมืองโบราณ พระนักประวัติศาสตร์ Nestor วาดสีสันใน "Tale of Bygone Years" ของเขาเกี่ยวกับชีวิตนอกรีตของ Kyiv ด้วยการเสียสละ หลังจากภาพดังกล่าว คำถามก็เกิดขึ้น ชีวิต Kyiv นี้เกิดขึ้นได้อย่างไร? และมีที่มาอย่างไรใน

2. มีตำนานมากมายเกี่ยวกับที่มาของ Kyiv Oles Buzina ประดับประดาหนึ่งในนั้นโดยเรียกโจร Kyi, Shcheka และ Khoriv บุคคลของรัฐและนอกรัฐหลายคนคิดเกี่ยวกับอายุขัยของ Kyiv

ผู้เขียน

4.2. ตำนานการก่อตั้งกรุงโรมโดยโรมูลุสซึมซับข้อมูลเกี่ยวกับการถ่ายโอนเมืองหลวงของจักรวรรดิจากโรมเก่าไปยังกรุงโรมใหม่โดยคอนสแตนตินมหาราช "คลาสสิกโบราณ" กล่าวว่าการทะเลาะวิวาทระหว่างโรมูลัสและรีมัสเกิดขึ้นระหว่างการวาง เมืองโรมในลาติเนียเอทรูเรีย เป็นที่เชื่อกันว่าคำพูด

จากหนังสือกรุงโรมของซาร์ระหว่างแม่น้ำ Oka และแม่น้ำโวลก้า ผู้เขียน Nosovsky Gleb Vladimirovich

บทที่ 8 Alexander Nevsky และ Battle on the Ice ในประวัติศาสตร์ "โบราณ" ของกรุงโรม (โมเสสข้ามทะเลและการตายของกองกำลังของฟาโรห์ สงคราม Istrian ของกรุงโรม) 1. คำเตือนของการสะท้อนต่างๆ การต่อสู้ของน้ำแข็งในกรีก-โรมัน "สมัยโบราณ" และในพระคัมภีร์ 1) จำได้ว่าในพันธสัญญาเดิม